ประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผย ปี 2565 ที่ผ่านมา กรุงศรีประสบความสำเร็จในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมธุรกิจให้ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ โดยยอดสินเชื่อลูกค้าธุรกิจมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 474,5000 ล้านบาท โดยสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนกว่า 35,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตได้ในเกณฑ์ที่ดีเช่นกัน
สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2566 กรุงศรียังคงเดินหน้าสานต่อเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจระยะกลาง โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5% หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อใหม่อย่างต่ำ 24,000 ล้านบาท โดยมองว่ากลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดี เช่น กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม เทเลคอม พลังงาน เป็นต้น ขณะที่กลุ่มที่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
พร้อมทั้งตั้งเป้าการสนับสนุนด้าน ESG Finance อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของธนาคารในการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 50,000-100,000 ล้านบาทภายในปี 2573 โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าด้าน ESG Financing ในตลาดการเงินโลกร่วมกับ MUFG พร้อมทั้งชูศักยภาพด้าน Total Financing & Hedging Solutions ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
รวมถึงให้คำปรึกษา วิเคราะห์ และสนับสนุนข้อมูลเพื่อการวางแผนธุรกิจ ทั้งการขยายเครือข่ายธุรกิจ การควบรวมกิจการ และการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ผนึกกำลัง MUFG ผ่านเครือข่ายกว่า 50 ประเทศ พร้อมเพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสทางธุรกิจให้ลูกค้าทั้งในประเทศและอาเซียน เพื่อรองรับความต้องการในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคตามแนวทาง GO ASEAN with Krungsri
กล่าวได้ว่า กรุงศรี เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนผ่านดีลสำคัญ อาทิ
สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2566 กรุงศรียังคงเดินหน้าสานต่อเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจระยะกลาง โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5% หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อใหม่อย่างต่ำ 24,000 ล้านบาท โดยมองว่ากลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดี เช่น กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม เทเลคอม พลังงาน เป็นต้น ขณะที่กลุ่มที่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
พร้อมทั้งตั้งเป้าการสนับสนุนด้าน ESG Finance อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของธนาคารในการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 50,000-100,000 ล้านบาทภายในปี 2573 โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าด้าน ESG Financing ในตลาดการเงินโลกร่วมกับ MUFG พร้อมทั้งชูศักยภาพด้าน Total Financing & Hedging Solutions ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
รวมถึงให้คำปรึกษา วิเคราะห์ และสนับสนุนข้อมูลเพื่อการวางแผนธุรกิจ ทั้งการขยายเครือข่ายธุรกิจ การควบรวมกิจการ และการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ผนึกกำลัง MUFG ผ่านเครือข่ายกว่า 50 ประเทศ พร้อมเพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสทางธุรกิจให้ลูกค้าทั้งในประเทศและอาเซียน เพื่อรองรับความต้องการในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคตามแนวทาง GO ASEAN with Krungsri
กล่าวได้ว่า กรุงศรี เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนผ่านดีลสำคัญ อาทิ
- ร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Bond) ให้กับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง
- ได้รับความไว้วางใจจาก บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ทั้งการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Loan: SL) มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท และร่วมจัดจำหน่ายหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน มูลค่าเสนอขายรวม 4,500 ล้านบาท
- นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริม ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Bond) ให้กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank), บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC), บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT)
- การให้การสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) กับบมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN)

ขณะที่ในด้านธุรกิจวาณิชธนกิจนั้น บล.กรุงศรี และบริษัทในเครือ ร่วมเป็นหนึ่งในผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญให้กับ บมจ. ไทยประกันชีวิต (TLI) ในการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งนับเป็น IPO ของหุ้นในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย และยังมีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับตั้งแต่ปี 2543
รวมถึงการร่วมเป็นหนึ่งในผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมให้กับ บมจ. ราช กรุ๊ป (RATCH) ซึ่งนับเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 65
ส่วน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) กรุงศรีได้ให้คำปรึกษาด้านการควบรวมกิจการ (M&A) และช่วยหาพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในระดับภูมิภาคแก่ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ในการร่วมทุนเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investor) กับกลุ่มธุรกิจ Ayala เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคอาเซียน ผ่านความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างทีมกรุงศรี MUFG และ Security Bank ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินในเครือข่ายของ MUFG
รวมถึงการร่วมเป็นหนึ่งในผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมให้กับ บมจ. ราช กรุ๊ป (RATCH) ซึ่งนับเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 65
ส่วน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) กรุงศรีได้ให้คำปรึกษาด้านการควบรวมกิจการ (M&A) และช่วยหาพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในระดับภูมิภาคแก่ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ในการร่วมทุนเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investor) กับกลุ่มธุรกิจ Ayala เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคอาเซียน ผ่านความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างทีมกรุงศรี MUFG และ Security Bank ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินในเครือข่ายของ MUFG


ขณะที่ดีลการซื้อบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อขาย
“ในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ปัจจัยภายนอกดูดีกว่าที่คาด ทำให้ความกังวลลดลง แต่ยังต้องติดตามอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเฟ้อ หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยจุดที่ยังน่าเป็นห่วงคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ประกอบกับมาตรการผ่อนปรนต่างๆ ที่หมดอายุลง อาจจะส่งผลต่อเอ็นพีแอลให้ขยับเพิ่มได้ ซึ่งในส่วนของกรุงศรีในปีนี้ยังเดินหน้าในธีมเดิม แต่จะเจาะลึกมากขึ้น โดยให้ความสำคัญในด้านของ ESG ซึ่งมีการทีมงานขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าผ่าน MUFG ซึ่งถือจุดเด่นของธนาคาร ขณะที่การดูแลลูกค้าที่มีปัญหานั้นตอนนี้คงเป็นโค้งสุดท้ายที่จะตัดสินได้ว่าจะมีใครเดินหน้าต่อไปได้บ้าง” ประกอบ กล่าว
“ในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ปัจจัยภายนอกดูดีกว่าที่คาด ทำให้ความกังวลลดลง แต่ยังต้องติดตามอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเฟ้อ หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยจุดที่ยังน่าเป็นห่วงคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ประกอบกับมาตรการผ่อนปรนต่างๆ ที่หมดอายุลง อาจจะส่งผลต่อเอ็นพีแอลให้ขยับเพิ่มได้ ซึ่งในส่วนของกรุงศรีในปีนี้ยังเดินหน้าในธีมเดิม แต่จะเจาะลึกมากขึ้น โดยให้ความสำคัญในด้านของ ESG ซึ่งมีการทีมงานขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าผ่าน MUFG ซึ่งถือจุดเด่นของธนาคาร ขณะที่การดูแลลูกค้าที่มีปัญหานั้นตอนนี้คงเป็นโค้งสุดท้ายที่จะตัดสินได้ว่าจะมีใครเดินหน้าต่อไปได้บ้าง” ประกอบ กล่าว