ธาริฑธิ์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ เผยถึงแผนดำเนินการอนุญาตให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาหรือ Virtual Bank (ธนาคารเสมือนจริง) ว่า ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์ 2566 จะเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการอนุญาตให้จัดตั้ง ‘บริการประเภทใหม่’ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) เพื่อให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี การให้บริการดิจิทัล และการใช้ข้อมูลที่หลากหลายมาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เข้ามาให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัล
ด้วยต้นทุนด้านพนักงาน อาคารและสถานที่ที่ลดลง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดและครบวงจรขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินในราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้บริการรายย่อย และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ยังไม่ได้รับบริการทางการเงินอย่างเพียงพอหรือตรงความต้องการ
คาดว่า จะประการหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนได้ ช่วงปลายไตรมาแรกปีนี้ และเปิดรับสมัคร เพื่อคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม คาด จะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้ง Virtual Bank ประมาณกลางปี 2567 และเปิดดำเนินการได้ราวกลางปี 2568 หรือหลังจาก 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เบื้องต้นจะพิจารณาให้ใบอนุญาต Virtual Bank เพียง 3 แห่ง เนื่องจากเป็นจำนวนที่กำลังพอดี ไม่มากเกินควรจนแข่งขันมากเกินไป และอยู่ในวิสัยที่ ธปท.สามารถกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ Virtual Bank เป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบเหมือนธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน แต่เป็น ‘รูปแบบใหม่’ ที่ ‘ไม่มีสาขา’ ไม่มีเครื่อง ATM และเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ CDM ของตัวเอง แต่สามารถหาพันธมิตรรวมได้
ดังนั้น ธปท.จำเป็นต้องติดตามดูแลใกล้ชิด โดยแนวทางการกำกับดูแล Virtual Bank จะดูแลเข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อให้ประชาชนที่กังวลในการทำธุรกรรมกับ Virtual Bank มีความมั่นใจในการใช้บริการ
ที่ผ่านมาหลายประเทศ มีการออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตให้จัดตั้ง Virtual Bank และดำเนินธุรกิจแล้ว เช่น บราซิล สหราชอาณาจักร มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง จีน เกาหลีใต้ โดยผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าสนใจในต่างประเทศ เช่น บัญชีเงินฝากที่ไม่มีสมุดคู่ฝากและดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าบัญชีเงินฝากทั่วไป มี AI ช่วยประมวลผลพฤติกรรมแนะนำการออม และการใช้จ่ายให้เหมาะกับวิถีชีวิตของผู้ฝาก มีบริการสินเชื่อที่ผู้กู้ไม่ต้องแสดงหลักฐานรายได้และได้รับอนุมัติอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีบริการเพื่อ SMEs อย่างบริการเชื่อมบัญชีเงินฝากกับระบบทำบัญชีออนไลน์และระบบการออกใบแจ้งหนี้แบบดิจิทัลเพื่อช่วยให้ SMEs รายย่อยสามารถบริหารการเงินได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ด้วยต้นทุนด้านพนักงาน อาคารและสถานที่ที่ลดลง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดและครบวงจรขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินในราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้บริการรายย่อย และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ยังไม่ได้รับบริการทางการเงินอย่างเพียงพอหรือตรงความต้องการ
คาดว่า จะประการหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนได้ ช่วงปลายไตรมาแรกปีนี้ และเปิดรับสมัคร เพื่อคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม คาด จะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้ง Virtual Bank ประมาณกลางปี 2567 และเปิดดำเนินการได้ราวกลางปี 2568 หรือหลังจาก 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เบื้องต้นจะพิจารณาให้ใบอนุญาต Virtual Bank เพียง 3 แห่ง เนื่องจากเป็นจำนวนที่กำลังพอดี ไม่มากเกินควรจนแข่งขันมากเกินไป และอยู่ในวิสัยที่ ธปท.สามารถกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ Virtual Bank เป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบเหมือนธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน แต่เป็น ‘รูปแบบใหม่’ ที่ ‘ไม่มีสาขา’ ไม่มีเครื่อง ATM และเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ CDM ของตัวเอง แต่สามารถหาพันธมิตรรวมได้
ดังนั้น ธปท.จำเป็นต้องติดตามดูแลใกล้ชิด โดยแนวทางการกำกับดูแล Virtual Bank จะดูแลเข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อให้ประชาชนที่กังวลในการทำธุรกรรมกับ Virtual Bank มีความมั่นใจในการใช้บริการ
ที่ผ่านมาหลายประเทศ มีการออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตให้จัดตั้ง Virtual Bank และดำเนินธุรกิจแล้ว เช่น บราซิล สหราชอาณาจักร มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง จีน เกาหลีใต้ โดยผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าสนใจในต่างประเทศ เช่น บัญชีเงินฝากที่ไม่มีสมุดคู่ฝากและดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าบัญชีเงินฝากทั่วไป มี AI ช่วยประมวลผลพฤติกรรมแนะนำการออม และการใช้จ่ายให้เหมาะกับวิถีชีวิตของผู้ฝาก มีบริการสินเชื่อที่ผู้กู้ไม่ต้องแสดงหลักฐานรายได้และได้รับอนุมัติอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีบริการเพื่อ SMEs อย่างบริการเชื่อมบัญชีเงินฝากกับระบบทำบัญชีออนไลน์และระบบการออกใบแจ้งหนี้แบบดิจิทัลเพื่อช่วยให้ SMEs รายย่อยสามารถบริหารการเงินได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
