เศรษฐกิจถดถอยครั้งประวัติศาสตร์ ตามความเห็นนักลงทุนระดับโลก

21 เม.ย. 2566 - 08:49

  • Harry Dent ทำนายวิกฤตครั้งนี้ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

  • Jeremy Grantham นอสตราดามุสการเงินทำนายวิกฤตการเงินครั้งใหม่จะเกิดภายในปีนี้

  • ฟองสบู่ขนาดมหึมาจากการอัดเงินเข้าระบบของธนาคารกลางสหรัฐฯ

Business-Recession-Jeremy-Grantham-Harry-Dent-SPACEBAR-Thumbnail
เรากำลังจะเผชิญกับแรงกระแทกของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต Harry Dent เจ้าของบริษัทให้คำปรึกษาด้านการเงินการลงทุน HS Dent และผู้เขียนหนังสือเศรษฐศาสตร์ชื่อดังหลายเล่ม บอกว่ามนุษยชาติจะไม่ได้เจอวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงกว่านี้อีกแล้วในชีวิต นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้  แต่เขายังบอกทางรอดผ่านการทำนายว่าราคา Bitcoin มีโอกาสลงกระแทกอย่างแรงในช่วงนั้น ก่อนจะฟื้นอย่างฟินิกซ์ ต่อเนื่องไปอีกสิบปีข้างหน้า เขาย้ำด้วยว่าวิกฤตนี้จะพีคไปจนถึงปี 2030
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3uKKyNoWyAVtNXfuxbQKkd/f56a75066ad79c6cc8bfda369426373b/Business-Recession-Jeremy-Grantham-Harry-Dent-SPACEBAR-Photo01
Jeremy Grantham นักลงทุนระดับโลก ที่ได้ฉายาว่า ‘นอสตราดามุสทางการเงิน’ คนที่สามารถทำนายได้ถูกว่าจะเกิดวิกฤต dot com เมื่อปี 2000 และทำนายเรื่องการเกิดวิกฤต Suprime เมื่อปี 2008 ได้ถูกต้องด้วย Jeremy บอกว่า SVB ล้ม เป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ  ของเศรษฐกิจถดถอยขนาดใหญ่กำลังมา เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจากนี้ไป เพราะฟองสบู่จากการอัดเงินเข้าไปช่วงโควิดที่ผ่านมาลูกใหญ่เหลือเกิน  

ดูจากชาร์ต Money Supply:M1 หรือ ชาร์ตที่แสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อัดเงินเข้าไปในระบบเท่าไร ซึ่งชาร์ตนี้แสดงให้เห็นว่า เมื่อช่วงโควิดปี 2022 ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ อัดหรือพิมพ์เงินเข้าระบบไปมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะดึงออกด้วยการขึ้นดอกเบี้ย จนระบบการเงินระส่ำระสายไปทั้งวงการ 

ปัจจุบันเราไม่รู้เลยว่า การเอาอิฐก้อนไหนออกจะทำให้มันถล่มลงมา 

แม้แต่ Kaskhari ประธาน Fed สาขา Minneapolis ประกาศเตือนเศรษฐกิจถดถอย เขาบอกว่า มันใกล้เข้ามาแล้ว Fed ต้องลดอัตราเงินเฟ้อ ไม่งั้นโอกาสที่ประชาชน ชนชั้นกลางจะลืมตาอ้าปากได้ มันยากจริงๆ 

ใครโดนผลกระทบแรงที่สุดตอนนี้ 

คำตอบ คือ คนหรือองค์กรใดก็ตามที่ถือพันธบัตรรัฐบาลไว้จำนวนมากโดนผลกระทบมากที่สุด เพราะพันธบัตรรัฐบาลที่ซื้อไว้ตอนดอกเบี้ยต่ำๆ เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว สมมุติว่าเคยมีอัตราดอกเบี้ยที่ 0.05% ปัจจุบัน ขึ้นไป 5% หมายความว่า พันธบัตรรัฐบาลที่ได้ผลตอบแทนแค่ 0.05% ไม่มีใครอยากได้แล้วนะ ทุกวันนี้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลรุ่นปัจจุบัน ได้ผลตอบแทนมากกว่า 10 เท่า เพราะฉะนั้น พันธบัตรรัฐบาลรุ่นดอกเบี้ยต่ำ ราคาร่วงทั้งหมด ไม่มีใครอยากได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องขายทิ้ง ก็ต้องขายขาดทุน ลดๆ ราคาลงมา  

นี่เป็นสาเหตุให้ธนาคารในสหรัฐอเมริกาเกิดหนี้ค้างพอร์ตทั้งระบบมากกว่า -21 ล้านล้านบาท และเป็นเรื่องน่ากลัวที่ว่าหากใครเกิดขาดสภาพคล่อง หรือเงินสดขาดมือกระทันหันก็จำเป็นต้องขายขาดทุนพันธบัตรพวกนี้ แบบที่ SVB ทำ และล้มลงอย่างรวดเร็ว 

ตรรกะที่ใครๆ ก็รู้ หรือเราไม่รู้

เพราะฉะนั้น ถ้าถามคนที่ติดตามข่าวเศรษฐกิจ เอาแค่ระดับประชาชนใครๆ ก็รู้ว่า พิมพ์เงินเข้าระบบมากเกินไปมันจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจเสียหายตามมา และเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้พันธบัตรรัฐบาลราคาตกก็เป็นเรื่องที่ไม่ต้องเดาเช่นกัน ดังนั้นคำถามคือ ตรรกะนี้ เรารู้แล้ว หรือเราไม่รู้กันแน่ว่า ผู้ควบคุมระบบการเงินกำลังประคับประคองเศรษฐกิจ หรือ กำลังพยายามจะกดปุ่ม RESET มันกันแน่

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์