เรากำลังจะเผชิญกับแรงกระแทกของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต Harry Dent เจ้าของบริษัทให้คำปรึกษาด้านการเงินการลงทุน HS Dent และผู้เขียนหนังสือเศรษฐศาสตร์ชื่อดังหลายเล่ม บอกว่ามนุษยชาติจะไม่ได้เจอวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงกว่านี้อีกแล้วในชีวิต นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้ แต่เขายังบอกทางรอดผ่านการทำนายว่าราคา Bitcoin มีโอกาสลงกระแทกอย่างแรงในช่วงนั้น ก่อนจะฟื้นอย่างฟินิกซ์ ต่อเนื่องไปอีกสิบปีข้างหน้า เขาย้ำด้วยว่าวิกฤตนี้จะพีคไปจนถึงปี 2030

Jeremy Grantham นักลงทุนระดับโลก ที่ได้ฉายาว่า ‘นอสตราดามุสทางการเงิน’ คนที่สามารถทำนายได้ถูกว่าจะเกิดวิกฤต dot com เมื่อปี 2000 และทำนายเรื่องการเกิดวิกฤต Suprime เมื่อปี 2008 ได้ถูกต้องด้วย Jeremy บอกว่า SVB ล้ม เป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ ของเศรษฐกิจถดถอยขนาดใหญ่กำลังมา เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจากนี้ไป เพราะฟองสบู่จากการอัดเงินเข้าไปช่วงโควิดที่ผ่านมาลูกใหญ่เหลือเกิน
ดูจากชาร์ต Money Supply:M1 หรือ ชาร์ตที่แสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อัดเงินเข้าไปในระบบเท่าไร ซึ่งชาร์ตนี้แสดงให้เห็นว่า เมื่อช่วงโควิดปี 2022 ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ อัดหรือพิมพ์เงินเข้าระบบไปมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะดึงออกด้วยการขึ้นดอกเบี้ย จนระบบการเงินระส่ำระสายไปทั้งวงการ
ปัจจุบันเราไม่รู้เลยว่า การเอาอิฐก้อนไหนออกจะทำให้มันถล่มลงมา
แม้แต่ Kaskhari ประธาน Fed สาขา Minneapolis ประกาศเตือนเศรษฐกิจถดถอย เขาบอกว่า มันใกล้เข้ามาแล้ว Fed ต้องลดอัตราเงินเฟ้อ ไม่งั้นโอกาสที่ประชาชน ชนชั้นกลางจะลืมตาอ้าปากได้ มันยากจริงๆ
นี่เป็นสาเหตุให้ธนาคารในสหรัฐอเมริกาเกิดหนี้ค้างพอร์ตทั้งระบบมากกว่า -21 ล้านล้านบาท และเป็นเรื่องน่ากลัวที่ว่าหากใครเกิดขาดสภาพคล่อง หรือเงินสดขาดมือกระทันหันก็จำเป็นต้องขายขาดทุนพันธบัตรพวกนี้ แบบที่ SVB ทำ และล้มลงอย่างรวดเร็ว
ดูจากชาร์ต Money Supply:M1 หรือ ชาร์ตที่แสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อัดเงินเข้าไปในระบบเท่าไร ซึ่งชาร์ตนี้แสดงให้เห็นว่า เมื่อช่วงโควิดปี 2022 ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ อัดหรือพิมพ์เงินเข้าระบบไปมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะดึงออกด้วยการขึ้นดอกเบี้ย จนระบบการเงินระส่ำระสายไปทั้งวงการ
ปัจจุบันเราไม่รู้เลยว่า การเอาอิฐก้อนไหนออกจะทำให้มันถล่มลงมา
แม้แต่ Kaskhari ประธาน Fed สาขา Minneapolis ประกาศเตือนเศรษฐกิจถดถอย เขาบอกว่า มันใกล้เข้ามาแล้ว Fed ต้องลดอัตราเงินเฟ้อ ไม่งั้นโอกาสที่ประชาชน ชนชั้นกลางจะลืมตาอ้าปากได้ มันยากจริงๆ
ใครโดนผลกระทบแรงที่สุดตอนนี้
คำตอบ คือ คนหรือองค์กรใดก็ตามที่ถือพันธบัตรรัฐบาลไว้จำนวนมากโดนผลกระทบมากที่สุด เพราะพันธบัตรรัฐบาลที่ซื้อไว้ตอนดอกเบี้ยต่ำๆ เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว สมมุติว่าเคยมีอัตราดอกเบี้ยที่ 0.05% ปัจจุบัน ขึ้นไป 5% หมายความว่า พันธบัตรรัฐบาลที่ได้ผลตอบแทนแค่ 0.05% ไม่มีใครอยากได้แล้วนะ ทุกวันนี้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลรุ่นปัจจุบัน ได้ผลตอบแทนมากกว่า 10 เท่า เพราะฉะนั้น พันธบัตรรัฐบาลรุ่นดอกเบี้ยต่ำ ราคาร่วงทั้งหมด ไม่มีใครอยากได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องขายทิ้ง ก็ต้องขายขาดทุน ลดๆ ราคาลงมานี่เป็นสาเหตุให้ธนาคารในสหรัฐอเมริกาเกิดหนี้ค้างพอร์ตทั้งระบบมากกว่า -21 ล้านล้านบาท และเป็นเรื่องน่ากลัวที่ว่าหากใครเกิดขาดสภาพคล่อง หรือเงินสดขาดมือกระทันหันก็จำเป็นต้องขายขาดทุนพันธบัตรพวกนี้ แบบที่ SVB ทำ และล้มลงอย่างรวดเร็ว