ยุคแห่งการไล่ออก แล้วเราจะทำงานเพื่อ....อะไร!?
Google ไล่พนักงานออก 12,000 คน Microsoft เลิกจ้างพนักงาน 11,000 คน Meta เชิญออก 13,000 คน Amazon ปลดพนักงาน 18,000 คน รวมๆ ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2023 เฉพาะบริษัทเทคยักษ์ใหญ่มีพนักงานถูกไล่ออกไปแล้วเฉลี่ยวันละ กว่า 2,000 คน สิ่งนี้ทำให้ผู้คนโกรธมากบางคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกไล่ออกแล้ว ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ อย่างเจ้าหน้าที่ HR คนหนึ่งของ Google เธอได้รับ e-mail เชิญออกในขณะที่กำลังสัมภาษณ์ผู้สมัครงานใหม่อยู่ด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าชื่อบริษัทที่ว่ามา ส่วนใหญ่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่มันก็ตะโกนออกมาภาษาเดียวกันว่า องค์กรไม่มีหัวใจหรอกค่ะ เมื่อมาถึงการปรับโครงสร้าง ตัวเลขในงบการเงินมาก่อนเสมอ
และที่กล่าวมาคือเหตุผลว่า ทำไม? คุณถึงไม่ควรถวายชีวิตให้กับองค์กร ถ้าอย่างนั้นเรามาหาว่า
เราควรทำงานเพื่อ อะไร?
เราควรทำงานเพื่อมอบชีวิตให้กับเป้าหมาย (Mission) ของตัวเอง ไม่ใช่ทำงานเพื่อบริษัท
เช่น ถ้าเป้าหมายของคุณคือ รวย ด้วยวิธีการเชื่อมสัมพันธ์กับผู้คน และคุณทำงานอยู่ในองค์กรสื่อสารแห่งหนึ่ง อาจจะเป็น SPACEBAR เอง (แอบหัวเราะกลัวผู้บริหารมาอ่าน) ทำอยู่ Instagram หรือ Meta (Facebook) คุณก็สามารถทำงานให้หนักได้ ทำเต็มที่เลย แต่เหตุผลที่คุณทำงานหนักต้องไม่ใช่เพราะองค์กร แรงจูงใจที่ทำให้คุณทุ่มเท ต้องเป็นเพราะมันตอบโจทย์เป้าหมายของชีวิตคุณ คือองค์กรที่ว่ามานี้มันเชื่อมโยงคน มันสามารถสื่อสาร และเป็นช่องทางให้เราส่งข้อความสู่โลกได้ ถ้ามันตอบโจทย์ในสิ่งที่คุณต้องการ มันลงตัวกับอนาคตที่คุณวางไว้ งานคุณจะสนุกขึ้นมากๆ ส่วนเป้าหมายของคุณคืออะไรก็ตามแต่คุณชอบเลย
เป้าหมายชัดเจน
“เลิกทนกับสิ่งที่คุณไม่พอใจ” เฌอมานย์ รัตนพงศ์ตระกูลถ้าคุณมีเป้าหมายชีวิตชัดเจน คุณอาจจะไม่ต้องรอโดนบริษัทไล่ออก แต่คุณอาจจะเป็นคนเดินออกมาเองถ้าคุณรู้ว่าที่ทำงานที่ไหนไม่ตอบโจทย์เป้าหมายของคุณ คุณจะเห้นสัญญาน และไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในกองทุข์ที่ค่อยๆดูดวิญญานคุณออกมา สัญญานก็เช่น ไม่อยากตื่นไปทำงาน เวลานอนไม่อยากนอนต้องหาอะไรมาเติมให้เต็ม แต่ก็ไม่เต็ม เริ่มเสพติดอะไรบางอย่าง เช่นหยุดไถโทรศัพท์ไม่ได้ เลย ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่ากำลังไถหาอะไรอยู่ Yeah... you are burning out. คุณกำลังเผาวิญญานตัวเองให้กับอะไรบางอย่างอยู่
เป้าหมายแยกระดับฐานะได้
“ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนคือ คนรวยวางแผนอนาคต10ปีข้างหน้า คนจนวางแผนแค่สุดสัปดาห์นี้” ที่มา: วิธีเป็นคน 1% ที่หาเงินเก่งที่สุด ถ้าคุณมีโอกาสได้พูดคุยกับคนร่ำรวย ประสบความสำเร็จ คุณจะได้ยินแผนการอนาคตที่น่าสนุก พลังงานชีวิตที่กระตือรือร้น แต่สำหรับคนที่ฐานะการเงินเบาบาง ถ้าไม่ได้กำลังห่อเหี่ยวกับสภาพคล่องติดขัด ก็จะวางแผนได้ไกลสุดแค่ว่าสุดสัปดาห์นี้ไปไหนดีอย่าเป็นแค่หมากให้คนอื่นเขี่ยทิ้ง
ถ้าคุณวางแผน ตั้งเป้าหมายชีวิต หรืออะไรสักอย่างที่ยอดเยี่ยมไว้ในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า คุณมีความเป็นไปได้ว่าจะไปถึงจุดที่คุณต้องการ แต่ถ้าคุณไม่ตั้งเป้าหมายเลย คุณจะไปอยู่ในที่สะเปะสะปะ คุณอาจโดนเขี่ยออกจากงานแล้วชีวิตดิ่งลงเหวไปเลย หรือไม่คุณก็แค่ไม่ไปนั่งและนั่งอยู่ที่เดิม ที่คุณกำลังนั่งอ่านบทความอยู่ตรงนี้แบบไม่มีที่ไปแค่นั้นเองการตั้งเป้าหมายพูดง่ายแต่เก็ทไม่ง่าย เข้าใจมากๆ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนเลยยังรู้สึกขุ่นๆใจ ใครยังไม่มีMission มันก็ไม่ผิดอะไร แค่มันอาจจะยังไม่ถึงเวลา สนใจวิธีการตั้งเป้าหมายในชีวิตติดตามกันต่อได้ที่ SPACEBAR