Explained: ทำไมมนุษย์จึงกลัวปัญญาประดิษฐ์

10 เม.ย. 2566 - 07:01

  • ความกังวลเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และยังไม่หายไปไหน

  • ความก้าวหน้าของ AI ทำให้คนส่วนใหญ่กังวลว่าจะต้องเปลี่ยนอาชีพ หรือย้ายไปทำสายอาชีพอื่น โดยที่ตัวเองอาจไม่มีทักษะที่ตลาดต้องการ

TAGCLOUD-AI-once-again-rising-fear-among-workers-SPACEBAR-Thumbnail
แม้ว่าวันนี้ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของเราอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ทำไมความกังวลหรือ ‘ความกลัว’ ที่มีต่อ AI จึงยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่จบสิ้น? 

อันที่จริงความกังวลเรื่องความก้าวหน้าของจักรกลอัจฉริยะหรือปัญญาประดิษฐ์นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย และสามารถอธิบายได้ทั้งในแง่มุมของประวัติศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และจิตวิทยา หรือแม้แต่อิทธิพลของนวนิยายไซไฟและภาพยนตร์ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดและงานวิจัยเกี่ยวกับการสร้าง ‘สิ่งมีชีวิต’ จากสิ่งไม่มีชีวิต
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/55406ZT3D13l6sXVrfGMgE/e54a4a2357551abf5324ef5a877fd49e/TAGCLOUD-AI-once-again-rising-fear-among-workers-SPACEBAR-Photo01
Photo: (ซ้าย) วรรณกรรม FRANKENSTEIN โดยแมรี เชอร์ลีย์, (ขวา) ภาพวาดแมรี เชอร์ลีย์ โดย Richard Rothwell

จากนวนิยายสู่ความกังวลในโลกความเป็นจริง

 หนึ่งในนั้นคือนวนิยายระดับมาสเตอร์พีซอย่าง ‘แฟรงเกนสไตน์’ (Frankenstein or The Modern Prometheus) ผลงานประพันธ์ของแมรี เชอร์ลีย์ นักเขียนหญิงชาวอังกฤษ (ตีพิมพ์ปี 1818) ว่าด้วยเรื่องราวของวิกเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ ที่พยายามจะประดิษฐ์อสูรกาย (monster) จากซากศพ งานประพันธ์นี้ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานทดลองสุดประหลาดของ ลุยจิ อาโลอีซีโอ กัลวานี แพทย์และนักฟิสิกส์ชาวอิตาลี ซึ่งได้ทดลองใช้ไฟฟ้ากระตุ้นขากบ ทำให้ขากบกระตุกตอบสนองต่อกระแสไฟฟ้า การทดลองที่ทำให้ซากของสัตว์ที่เคยมีชีวิตกลับมาขยับได้อีกครั้ง (เพียงชั่วคราว) กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แมรี เชอร์ลีย์ ใช้ไฟฟ้าในการชุบชีวิตอสูรกายในบทประพันธ์นั่นเอง 

ยังไม่รวมถึงภาพยนตร์อีกมากมายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนวนิยายไซไฟ ซึ่งมักวาง ‘ปัญญาประดิษฐ์’ เป็นตัวร้าย และนำไปสู่การทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ เช่น The Terminator ภาพยนตร์แฟรนไชส์ดัง  I, ROBOT ภาพยนต์ดัดแปลงากนวนิยายชื่อเดียวกันของไอแซค แม็กซิมอฟ และ Westworld ซีรีส์ไซไฟที่ตั้งคำถามเชิงปรัชญาเกี่ยวกับ AI และมนุษย์
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2ohazxFR8fJ5U2vv65Xf5o/708bc272692620469bfba18f83c82c91/TAGCLOUD-AI-once-again-rising-fear-among-workers-SPACEBAR-Photo02
Photo: นิยายไซไฟ I, ROBOT โดยไอแซค แม็กซิมอฟ ที่เป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน
แต่ประเด็นที่คนส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับเรื่อง AI ในวันนี้แตกต่างไปจากในอดีตว่าจักรกลอัจฉริยะจะมีสติปัญญาฉลาดล้ำเหนือกว่ามนุษย์ เพราะปัจจุบัน AI ยังคงมีความสามารถเฉพาะด้านเท่านั้น (Narrow AI) ขณะที่เทคโนโลยีเองก็ยังไม่ก้าวหน้าไปถึงจุดที่จะเกิด General AI ที่มีสติปัญญารู้คิดและมีจิตสำนึก (sentient) เหมือนคนทั่วไปหรืออัพเลเวลไปสู่ Superintelligence ที่เหนือกว่ามนุษย์ในเร็วๆ นี้ 

ความกังวลที่จับต้องได้ในศตวรรษที่ 21 จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘อาชีพ’ และ ‘บทบาทหน้าที่’ ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ เช่น การประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ในโรงงาน งานบัญชี งานธุรการ เป็นต้น  

แต่ทั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่จาก Generative AI หรือบรรดาบ็อตอัจฉริยะที่สามารถผลิตสร้างสรรค์เนื้อหาได้เองด้วยโมเดล Deep Learning เช่น ChatGPT, Dall-E, Midjourney และStyleGAN บ็อตอัจฉริยะที่ใช้โมเดล Deep Learning สร้างภาพจำลองเสมือนจริง 

Goldman Sachs สถาบันทางการเงินยักษ์ใหญ่ได้คาดการณ์ว่า กระแสบูมของบรรดา Generative AI อาจทำให้อาชีพตำแหน่งงานหายไปหรือลดบทบาทลงประมาณ 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลกเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็จะก่อให้เกิดนวัตกรรมและอาชีพใหม่ๆ อีกมั้งยังมองว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยบริษัทเอกชนประหยัดต้นทุนได้มหาศาล และเพิ่มศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระตุ้น GDP ของประเทศเพิ่มขึ้นถึง 7% ต่อปีเลยทีเดียว
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/T08AkpWqGrTQkaB2c07CT/1306cbdd2bca642279907457a8f565f8/INFO_TAGCLOUD-AI-once-again-rising-fear-among-workers_

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์