‘ตลาดเซฟวันโคราช เตรียมบุกกรุงเทพฯ!’ พาดหัวข่าวสั้นๆ ชวนให้คิดถึง ‘ตลาดนัดกลางคืน’ ที่มีอยู่ดาษดื่นทั่วกรุง
มีเยอะแค่ไหน? ถ้านับตลาดนัดกลางคืนระดับ ‘บิ๊กไซส์’ มีไม่น้อยกว่าสิบแห่ง และถ้านับรวมทั้งหมด น่าจะมีหลายสิบแห่ง
ข้อมูลข้างต้นอ้างอิงจากการค้นหา 'ตลาดนัด กรุงเทพมหานคร' ใน Google Maps (ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2566) ที่พบรายชื่อตลาดนัดราว 200 แห่ง ซึ่งตีคร่าวๆ ว่าราว 10-15% เป็นตลาดนัดกลางคืน
มีเยอะแค่ไหน? ถ้านับตลาดนัดกลางคืนระดับ ‘บิ๊กไซส์’ มีไม่น้อยกว่าสิบแห่ง และถ้านับรวมทั้งหมด น่าจะมีหลายสิบแห่ง
ข้อมูลข้างต้นอ้างอิงจากการค้นหา 'ตลาดนัด กรุงเทพมหานคร' ใน Google Maps (ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2566) ที่พบรายชื่อตลาดนัดราว 200 แห่ง ซึ่งตีคร่าวๆ ว่าราว 10-15% เป็นตลาดนัดกลางคืน

แม้จำนวนตลาดนัดกลางคืนจะดูเยอะ คล้ายถึงจุดอิ่มตัว แต่ความจริงธุรกิจนี้ยังมีช่องว่างให้โตได้อีก
เห็นได้จากการลงมาเล่นของ ‘เซฟวัน โคราช’ ที่ลงมาบุกกรุงเทพฯ และ ‘เจ้าสัวเจริญ’ ที่มีแผนทำตลาดนัด ทั้งตลาดกลางวัน (แบรนด์ ‘ตลาดครอบครัว’ และ ‘ตลาดทิพย์นิมิตร’) และตลาดกลางคืน ภายใต้แบรนด์ ‘ตลาดเดินเล่น’
รวมถึงเป็นทางออกในการทำกำไร (และเลี่ยงการเสียภาษีที่ดินฯ) ของเจ้าของที่ดินที่ยังไม่มีแผนว่าจะเอาที่ดินไปทำอะไร
การนำที่ดินมาแปลงเป็นสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ย่อมดีกว่า ขณะเดียวกันธุรกิจ ‘ตลาดนัดกลางคืน’ ก็ยังขายได้ ถ้ารู้วิธีทำและทำเลที่เหมาะสม
ชัชชัย กิตติไชย หรือ ‘เสี่ยชัช ตลาดไท’ ผู้กว้างขวางในแวดวงนักพัฒนาตลาดนัดมากว่า 20 ปี เจ้าของตลาดนัดหลายแห่งในต่างจังหวัด เช่น ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี เคยพูดถึงวิธีการปั้นตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทราที่เปิดเมื่อ พ.ศ.2553 จนกลายเป็นหนึ่งในตลาดนัดกลางคืนเบอร์ต้นของกรุงเทพฯ ไว้ว่า เกิดจากเคล็ดลับ 6 ข้อ*
เนื่องจาก ‘ทำเล’ เชื่อมโยงกับการประเมินกำลังซื้อ เป็นจุดที่ทำให้ ‘ตลาดอยู่ได้’
และ ‘สื่อสารเป็น’ ผ่านสื่อออนไลน์ คือสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้คนอยากมาและไม่ลืม เป็นจุดที่ทำให้ ‘ตลาดอยู่ต่อ’
คำถามคือ วันนี้ตลาดนัดกลางคืนที่ไหนอยู่ในใจผู้คนมากกว่ากัน SPACEBAR ใช้ Google Trends วัดความสนใจของผู้คนผ่านการใช้คำค้นหา ‘ชื่อตลาด’ เทียบกัน โดยวัดกระแสในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และนี่คือผลลัพธ์ที่เราพบ...
เห็นได้จากการลงมาเล่นของ ‘เซฟวัน โคราช’ ที่ลงมาบุกกรุงเทพฯ และ ‘เจ้าสัวเจริญ’ ที่มีแผนทำตลาดนัด ทั้งตลาดกลางวัน (แบรนด์ ‘ตลาดครอบครัว’ และ ‘ตลาดทิพย์นิมิตร’) และตลาดกลางคืน ภายใต้แบรนด์ ‘ตลาดเดินเล่น’
รวมถึงเป็นทางออกในการทำกำไร (และเลี่ยงการเสียภาษีที่ดินฯ) ของเจ้าของที่ดินที่ยังไม่มีแผนว่าจะเอาที่ดินไปทำอะไร
การนำที่ดินมาแปลงเป็นสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ย่อมดีกว่า ขณะเดียวกันธุรกิจ ‘ตลาดนัดกลางคืน’ ก็ยังขายได้ ถ้ารู้วิธีทำและทำเลที่เหมาะสม
ชัชชัย กิตติไชย หรือ ‘เสี่ยชัช ตลาดไท’ ผู้กว้างขวางในแวดวงนักพัฒนาตลาดนัดมากว่า 20 ปี เจ้าของตลาดนัดหลายแห่งในต่างจังหวัด เช่น ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี เคยพูดถึงวิธีการปั้นตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทราที่เปิดเมื่อ พ.ศ.2553 จนกลายเป็นหนึ่งในตลาดนัดกลางคืนเบอร์ต้นของกรุงเทพฯ ไว้ว่า เกิดจากเคล็ดลับ 6 ข้อ*
- ทำเล นอกจากเดินทางสะดวก เข้าถึงได้ง่ายแล้ว ตลาดต้องอยู่ในย่านที่คนมีกำลังซื้อสูง ซึ่งเสี่ยชัชบอกว่าต้องคำนึงก่อนเรื่องอื่น “การทำตลาดนัดให้ประสบความสำเร็จต้องพิจารณากำลังซื้อของผู้คนก่อนเป็นอันดับแรก ถึงแม้จะมีทำเลที่ตั้งเหมาะสม แต่ถ้าไม่มีกำลังซื้อ ตลาดก็ไม่ ‘ติด’”
- ตลาดต้องสวย โล่ง โปร่งสบาย ให้คนรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อน เป็นที่หนีรถติดในวันธรรมดา และเป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์ แวะเดินเล่นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
- ขนาดของตลาด ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ (ไม่ต่ำกว่า 20 ไร่) ทำให้คนใช้เวลานานเพียงพอที่จะเกิดความต้องการซื้อของ
- สินค้าและบริการหลากหลาย ทันสมัยนิยม ชวนให้แวะมาได้ทุกสัปดาห์
- ผู้บริหารและทีมงานมีประสบการณ์ เก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ซื้อ แล้วนำมาวางแผนและพัฒนาเพื่อดึงดูดให้คนแวะเวียนมาอยู่เสมอ
- สื่อสารเป็น หัวใจหลักคือการใช้สื่อออนไลน์โปรโมทข้อมูลและกิจกรรมที่น่าสนใจของตลาด
เนื่องจาก ‘ทำเล’ เชื่อมโยงกับการประเมินกำลังซื้อ เป็นจุดที่ทำให้ ‘ตลาดอยู่ได้’
และ ‘สื่อสารเป็น’ ผ่านสื่อออนไลน์ คือสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้คนอยากมาและไม่ลืม เป็นจุดที่ทำให้ ‘ตลาดอยู่ต่อ’
คำถามคือ วันนี้ตลาดนัดกลางคืนที่ไหนอยู่ในใจผู้คนมากกว่ากัน SPACEBAR ใช้ Google Trends วัดความสนใจของผู้คนผ่านการใช้คำค้นหา ‘ชื่อตลาด’ เทียบกัน โดยวัดกระแสในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และนี่คือผลลัพธ์ที่เราพบ...

ขณะที่ ไพโรจน์ ร้อยแก้ว นักปั้นตลาดนัดกลางคืนอย่าง ‘ตลาดรถไฟ’ และ ‘จ๊อดแฟร์’ จนคนให้ฉายาว่า ‘เจ้าพ่อตลาดนัดกลางคืน’ เคยให้สัมภาษณ์ Positioning พูดถึงสูตรการปั้นตลาด ซึ่งมีมุมมองไม่ต่างจากเสี่ยชัช ตลาดไท ว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือ ทำเล
สำหรับไพโรจน์ การเลือกทำเลเป็นเรื่องของ ‘กึ๋น’ หรือการใช้ ‘สัญชาตญาณ’ ว่าเขาได้กลิ่นเงินจากที่ตรงนี้ไหม
ถามว่าสัดส่วนสินค้าที่ขายในตลาดนัดควรเป็นอย่างไร ถ้าดูจากสูตรการแบ่งพื้นที่ของตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา จะอยู่ที่ 80:20 คือ
แต่ถึงที่สุด ไม่ว่าจะพลิกแพลงอย่างไร ต้องตอบโจทย์หัวใจของการเป็นตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่ของการค้าขายให้ได้
ของต้องดี มีลูกค้า ร้านค้าอยู่ได้ ตลาดก็อยู่ได้
สำหรับไพโรจน์ การเลือกทำเลเป็นเรื่องของ ‘กึ๋น’ หรือการใช้ ‘สัญชาตญาณ’ ว่าเขาได้กลิ่นเงินจากที่ตรงนี้ไหม
ถามว่าสัดส่วนสินค้าที่ขายในตลาดนัดควรเป็นอย่างไร ถ้าดูจากสูตรการแบ่งพื้นที่ของตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา จะอยู่ที่ 80:20 คือ
- 80% เป็นพื้นที่ขายสินค้าประเภทต่างๆ
- 20% ร้านอาหารและของทานเล่น
แต่ถึงที่สุด ไม่ว่าจะพลิกแพลงอย่างไร ต้องตอบโจทย์หัวใจของการเป็นตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่ของการค้าขายให้ได้
ของต้องดี มีลูกค้า ร้านค้าอยู่ได้ ตลาดก็อยู่ได้

หมายเหตุ: 6 เคล็ดลับการปั้นตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทราของ ‘เสี่ยชัช ตลาดไท’ อ้างอิงจาก ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการจัดการตลาดนัดของหน่วยงานภาครัฐ ชุมชน และเอกชน วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ฉบับที่ 5 กันยายน - ตุลาคม พ.ศ.2561