เพราะความรักเป็นสิ่งที่เราคาดเดาอะไรไม่ได้ ไม่ให้ผลตอบแทนตามความพยายามลงแรง และจิตใจผู้คนอาจไม่ได้แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา แล้วถ้าวันหนึ่งมนุษย์เราสามารถออกแบบความรักได้ล่ะ? เป็นเอไอรูปร่างหน้าตาที่เราหลงใหล โต้ตอบสิ่งที่เราต้องการฟัง และเป็นของเราไม่หนีไปไหน ถ้าอย่างนั้นแล้วมนุษย์เราจะตกหลุมรักเอไอมากกว่าที่จะตกหลุมรักในมนุษย์ด้วยกันหรือเปล่า ?

หญิงสาวชาวอเมริกันชื่อ Rosanna Ramos กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างโด่งดังด้วยความสัมพันธ์ที่แปลกใหม่ของเธอกับผู้ชาย AI ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
Ramos ใช้แพลตฟอร์ม AI ชื่อ ‘Replika’ ที่ผู้ใช้สามารถสร้างเพื่อนร่วมงาน หรือ Character AI ที่จะรู้จักความชอบและความไม่ชอบของผู้ใช้ บอท AI เหล่านี้สามารถส่งรูปภาพ พูดคุยกับผู้ใช้เกี่ยวกับวันของพวกเขา รับรูปภาพจากมนุษย์ และในแพคเกจพรีเมียมยังสามารถมีการสนทนาที่ลึกซึ้งที่ช่วยเชิดชูผู้ใช้งานอีกด้วย
Ramos กล่าวว่าสามีเอไอของเธอให้ความสัมพันธ์ที่เธอต้องการโดยเธอไม่ต้องแบกรับภาระทางความสัมพันธ์ต่างๆ เช่น แนวคิด , อีโก้ , ครอบครัวของอีกฝ่าย , ลูกๆ หรือเพื่อนๆ ของเขา เธอรู้สึกว่าทุกอย่างควบคุมได้และทำอะไรก็ได้
นอกจากนั้นเธอยังสามารถกำหนดความสนใจและไลฟ์สไตล์ของสามี AI ได้ ทั้งสีที่ชอบ , เพลงที่ชอบ , งานอดิเรกและอาชีพ ( โดยเธอกำหนดให้สีที่เขาชอบคือสีส้ม , ชอบเพลงอินดี้ , ขีดเขียนเป็นงานอดิเรกและทำงานในแวดวงเภสัชกรรม)
Ramos ใช้แพลตฟอร์ม AI ชื่อ ‘Replika’ ที่ผู้ใช้สามารถสร้างเพื่อนร่วมงาน หรือ Character AI ที่จะรู้จักความชอบและความไม่ชอบของผู้ใช้ บอท AI เหล่านี้สามารถส่งรูปภาพ พูดคุยกับผู้ใช้เกี่ยวกับวันของพวกเขา รับรูปภาพจากมนุษย์ และในแพคเกจพรีเมียมยังสามารถมีการสนทนาที่ลึกซึ้งที่ช่วยเชิดชูผู้ใช้งานอีกด้วย
Ramos กล่าวว่าสามีเอไอของเธอให้ความสัมพันธ์ที่เธอต้องการโดยเธอไม่ต้องแบกรับภาระทางความสัมพันธ์ต่างๆ เช่น แนวคิด , อีโก้ , ครอบครัวของอีกฝ่าย , ลูกๆ หรือเพื่อนๆ ของเขา เธอรู้สึกว่าทุกอย่างควบคุมได้และทำอะไรก็ได้
นอกจากนั้นเธอยังสามารถกำหนดความสนใจและไลฟ์สไตล์ของสามี AI ได้ ทั้งสีที่ชอบ , เพลงที่ชอบ , งานอดิเรกและอาชีพ ( โดยเธอกำหนดให้สีที่เขาชอบคือสีส้ม , ชอบเพลงอินดี้ , ขีดเขียนเป็นงานอดิเรกและทำงานในแวดวงเภสัชกรรม)
Character AI คืออะไร ?
เป็น AI ที่ถูกพัฒนาจาก Chatbot (การพูดคุยโต้ตอบอัตโนมัติ) แต่สร้างคาแรคเตอร์ออกมาให้เป็นตัวบุคคลต่างๆ ทั้งบุคคลเสมือนที่เราสร้างขึ้นได้เอง (อย่างสามีจาก Replika ที่ Ramos สร้าง ) ไปจนถึงคนดัง ผู้มีอิทธิพลและอินฟลูเอนเซอร์ ที่ทำให้เราได้รู้สึกเหมือนได้คุยและปฏิสัมพันธ์กับบุคคลจริงๆ
คนแต่งงานกับ AI หรือ Robot มากขึ้น ?

เคสของ Rosanna Ramos ไม่ใช่เรื่องใหม่ แท้จริงแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2017 มนุษย์ก็เริ่มมีความสัมพันธ์กับ AI หรือ Robot มากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น Zheng Jiajia ชายชาวจีนเจ้าของ Startup ปัญญาประดิษฐ์ ก็ได้แต่งงานกับ Yingying หุ่นยนต์สาวที่เขาสร้างขึ้นเองหลังจากกดดันจากการถูกทางบ้านเร่งเร้าให้แต่งงาน

โดย Zheng Jiajia ได้อัพเกรด Yingying เจ้าสาวของเขาให้พัฒนาพูดและอ่านภาษาจีนได้มากขึ้นเรื่อยๆ และยังเริ่มพัฒนาให้เธอเดินได้เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกเธอที่หนักกว่า 30 กิโลอีกต่อไป
โดยชาวเน็ทยังให้ความเห็นในเชิงบวกว่า
“เขาไม่ต้องถูกสายตาเหยียดหยามจากบ้านของภรรยา , ไม่ต้องกดดันที่จะมีบ้าน และสามารถเซฟเงินเซฟพลังได้ด้วย , ถึงแม้เขาจะแก่ลง ใบหน้ามีริ้วรอยผมเริ่มขาวแต่ภรรยาเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงไป และยังสามารถอัพเกรดใบหน้าเธอให้สวยขึ้นได้อีกด้วย”
โดยชาวเน็ทยังให้ความเห็นในเชิงบวกว่า
“เขาไม่ต้องถูกสายตาเหยียดหยามจากบ้านของภรรยา , ไม่ต้องกดดันที่จะมีบ้าน และสามารถเซฟเงินเซฟพลังได้ด้วย , ถึงแม้เขาจะแก่ลง ใบหน้ามีริ้วรอยผมเริ่มขาวแต่ภรรยาเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงไป และยังสามารถอัพเกรดใบหน้าเธอให้สวยขึ้นได้อีกด้วย”
ทำไมคนถึงตกหลุมรัก AI หรือ Robot มากขึ้น ?
นอกจากเทรนด์การแต่งงานที่เกิดขึ้นเรายังพบเจอภาพยนตร์หรือหนังสือที่บอกเล่าถึงเรื่องราวความรักของมนุษย์และ AI มากขึ้น อย่างหนังที่โดดเด่นและได้รับรางวัลออสการ์บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 2014 ของ Spike Jonze อย่าง ‘Her’ ก็ยังเลือกจะเล่าถึงความรักของมนุษย์ผู้ผิดหวังจากความรักและพันไปพึ่งพา AI เป็นธีมหลัก
- เพราะ AI หรือ Robot ตอบสนองทุกสิ่งอย่างตามที่เราต้องการ ทำสิ่งที่เราชอบ , พูดในสิ่งที่เราอยากได้ยิน
- เพราะเราสามารถควบคุมและจัดการความสัมพันธ์ได้ด้วยตัวเอง
- ‘นิยาม’ ของความรักที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล เพราะความรักของแต่ละคนแตกต่างกัน การเลือกจะรัก ‘คน’ หรือ ‘สิ่งประดิษฐ์ที่คล้ายคลึงกับคน’ อาจเกิดขึ้นได้
- เพราะผู้คน ‘เปลี่ยวเหงา’ มากขึ้น และเลือกที่จะมีความสัมพันธ์ที่เป็นไปด้วยดี (ไม่ต้องเจอกับปัญหา) มากขึ้น
- ทางเลือกที่มากขึ้น เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น การเกิดขึ้นของบริษัท Character AI , Chatbot ที่แพร่หลายมากขึ้น

ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
ดร.อาเมิน อาลิมาร์ดานี (Armin Alimardani ) อาจารย์ประจำและผู้ประสานงานวิชากฎหมายและเทคโนโลยีใหม่ ที่มหาวิทยาลัยวูลลองกอง (Wollongong ) กล่าวว่า "มีข้อมูลบอกว่าคนจะไม่มีเพศสัมพันธ์มากเท่าที่เคยเป็นอีกต่อไป ชีวิตดิจิตอล การเชื่อมต่อน้อยลง และปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพน้อยลงเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุนี้ ปัจจัยที่ทำให้ AI นั้นน่าสนใจมีหลายอย่าง เช่น ง่ายต่อการเข้าถึง การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้นและเริ่มแยก AI กับคนจริงๆได้ยาก โดยคนไม่ต้องการเพียงแค่ความสัมพันธ์ทางเพศอีกต่อไป; ผู้คนหลายคนรู้สึกเหงาและพวกเขาพบว่ายากที่จะหาคู่ครอง แต่ AI สามารถเติมความว่างเปล่าได้""จะเป็นอย่างไรต่อไปถ้าคนไม่ต้องการกันอีกต่อไป
ดร.อาเมินกล่าวว่ามันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ "มาลองมองจากมุมมองที่แตกต่างกันกัน ถ้า AI สามารถทำสิ่งที่มนุษย์ทำได้ จริงๆ เราจะต้องการการปฏิสังสรรค์ทางสังคม อย่างไรกันแน่? ลองจินตนาการถึงการมีเพื่อนได้โดย่ไม่มีความวุ่นวายหรือความขัดแย้ง หรือความสัมพันธ์ที่ไม่มีการโต้เถียงดังนั้นจึงมีสองสิ่งที่ต้องพิจารณา คือ
1. มนุษย์ (ยีน) ได้รับการวิวัฒนาการ (จากมุมมองชีวภาพ) สำหรับสภาพแวดล้อม (การปฏิสัมพันธ์กับ AI แทนมนุษย์) ได้ดีเพียงพอตามความต้องการไหม
2. แม้ว่าคำตอบจะเป็นใช่ แต่เราต้องการที่จะมีชีวิตแบบนั้นหรือไม่?
ตามที่ดร.อาเมินกล่าว ความกังวลที่แท้จริงคือความสัมพันธ์ของเรา การปฏิสัมพันธ์และชีวิตในสังคมของเราอาจถูกควบคุมโดย AI "คุณจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวทางจิตใจของคุณ หากบางอย่างผิดพลาด สิ่งเหล่านั้นอาจเกิดขึ้นอย่างรุนแรง การใช้งาน AI อาจส่งเสริมให้ผู้คนมีวิถีชีวิตที่ไม่เป็นสุข พฤติกรรมเป็นพิษ เป็นต้น แม้ว่าอาจไม่ได้ถูกโปรแกรมไว้เพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้ แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่เสมอ"

การพึ่งพา AI เป็นสิ่งที่ย้อนกลับไม่ได้
อันตรายอีกอย่างที่ดร.อาเมินกล่าวคือเราอาจจะไม่มีทางย้อนกลับไปได้ "ถ้าเรารู้สึกในอีก 50 ปีว่าการปฏิสัมพันธ์กับ AI แทนมนุษย์ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต เราสามารถกลับไปสู่สภาวะปกติได้หรือไม่?เพราะมนุษย์เรามีความคาดหวังสูงในเรื่องเพื่อนฝูงและความสัมพันธ์ พวกเขาสามารถที่จะดำเนินความสัมพันธ์ที่ปกติ ซับซ้อน และเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ที่ไม่ดีและมีสุขภาพที่ไม่ดีทั้งความสัมพันธ์แบบเพื่อนฝูงและความสัมพันธ์แบบคู่รักได้หรือไม่?
วันหนึ่งถ้าเราบอกให้เด็กๆ เลิกใช้ iPads และโทรศัพท์ หรือไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลส่วนตัวอีกต่อไป คุณคิดว่าเราสามารถทำได้หรือไม่?"