ถ้าลองถามกันจริงๆ แล้ว จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่า วิธีคิดเบี้ยประกันรถยนต์ มีหลักการอย่างไร ทำไมรถแต่ละรุ่นถึงต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันต่างกัน
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับศัพท์ที่เกี่ยวข้องกันก่อน โดยทุนประกันนั้น เป็นวงเงินของค่าสินไหมที่ทางบริษัทประกันภัยรถยนต์จะดูแลค่าซ่อมหรือชดเชยความเสียหายให้ทางผู้เอาประกันทันทีหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ที่อยู่ภายใต้เงื่อนของประเภทประกันที่ทางผู้เอาประกันเลือกทำ ว่าเป็นประกันชั้นไหน ได้รับการคุ้มครองอะไรบ้าง
มูลค่าของทุนประกัน นอกเหนือจากตีราคาตามมูลค่าของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ อายุการใช้งาน และยังขึ้นอยู่กับมูลค่าความคุ้มครองที่ผู้เอาประกันต้องการ
‘เบี้ยประกัน’ คือ จำนวนวงเงินที่เราจะต้องจ่ายให้ทางบริษัทประกัน เพื่อขอซื้อและรับความคุ้มครองจากทางบริษัทนั่นเอง โดยการคำนวณเบี้ยประกันก็คิดคำนวณมาจากทุนประกัน หากทุนแพง ก็ต้องจ่ายเบี้ยสูง ในทางกลับกัน หากทุนประกันน้อย รับความคุ้มครองบางส่วน รวมไปจนถึงการซ่อมโดยศูนย์ หรือ อู่ซ่อมที่ได้รับการรับรอง ที่เรามักเรียกว่า ซ่อมห้าง หรือซ่อมอู่ เบี้ยประกันก็จะถูกตามลงไปด้วยนั่นเอง
การทำประกันภัยรถยนต์จึงต้องพิจารณาจาก 2 องค์ประกอบหลัก คือ ผู้ขับขี่ที่ทำประกันและตัวรถยนต์ ที่จะนำมาคิดคำนวณในเรื่องความเสี่ยงตามหลักของคณิตศาสตร์ประกันภัย
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับศัพท์ที่เกี่ยวข้องกันก่อน โดยทุนประกันนั้น เป็นวงเงินของค่าสินไหมที่ทางบริษัทประกันภัยรถยนต์จะดูแลค่าซ่อมหรือชดเชยความเสียหายให้ทางผู้เอาประกันทันทีหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ที่อยู่ภายใต้เงื่อนของประเภทประกันที่ทางผู้เอาประกันเลือกทำ ว่าเป็นประกันชั้นไหน ได้รับการคุ้มครองอะไรบ้าง
มูลค่าของทุนประกัน นอกเหนือจากตีราคาตามมูลค่าของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ อายุการใช้งาน และยังขึ้นอยู่กับมูลค่าความคุ้มครองที่ผู้เอาประกันต้องการ
‘เบี้ยประกัน’ คือ จำนวนวงเงินที่เราจะต้องจ่ายให้ทางบริษัทประกัน เพื่อขอซื้อและรับความคุ้มครองจากทางบริษัทนั่นเอง โดยการคำนวณเบี้ยประกันก็คิดคำนวณมาจากทุนประกัน หากทุนแพง ก็ต้องจ่ายเบี้ยสูง ในทางกลับกัน หากทุนประกันน้อย รับความคุ้มครองบางส่วน รวมไปจนถึงการซ่อมโดยศูนย์ หรือ อู่ซ่อมที่ได้รับการรับรอง ที่เรามักเรียกว่า ซ่อมห้าง หรือซ่อมอู่ เบี้ยประกันก็จะถูกตามลงไปด้วยนั่นเอง
การทำประกันภัยรถยนต์จึงต้องพิจารณาจาก 2 องค์ประกอบหลัก คือ ผู้ขับขี่ที่ทำประกันและตัวรถยนต์ ที่จะนำมาคิดคำนวณในเรื่องความเสี่ยงตามหลักของคณิตศาสตร์ประกันภัย
การพิจารณาจากทางผู้ขับขี่
ในการคำนวณและพิจารณา ทุนและเบี้ยประกัน ทางบริษัทจะตรวจสอบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุด้วยการวิเคราะห์ลักษณะและพฤติกรรมของผู้ขับขี่ โดยมีรูปแบบต่าง ๆ ที่ต้องนำมาใช้ในการประกอบการพิจารณาตั้งแต่อายุ สถานภาพการสมรส อาชีพ และประวัติการใช้รถ- อายุ: ทุนประกันจะลดไปตามอายุ ยิ่งอายุมากขึ้นถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากขึ้น ซึ่งหากถ้าเป็นผู้ขับขี่ที่มีอายุมากขึ้นแล้ว และมีความเสี่ยงสูงในการใช้งานรถ แต่ถ้าหากต้องการทุนประกันที่สูงก็ต้องแลกมากับการจ่ายเบี้ยที่แพงมากขึ้นเช่นกัน หากเป็นกรณีมีผู้ขอเอาประกัน 2 คนจะถือเอาคนอายุที่มีความเสี่ยงมากกว่าเป็นเกณฑ์
- สถานภาพการสมรส: ทางบริษัทประกันมีแนวคิดว่าผู้ที่มีครอบครัวแล้วมีแนวโน้มเป็นผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าผู้ที่ยังไม่มีครอบครัว นั่นเพราะคนที่มีครอบครัวจะมีความระมัดระวังในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าหากขับรถไปโดยมีผู้โดยสารที่เป็นคนในครอบนั่งไปด้วย ผู้ขับขี่จะคำนึงถึงความปลอดภัยที่มากขึ้น ดังนั้น เบี้ยประกันสำหรับคนที่มีครอบครัวแล้วจะถูกลง
- อาชีพ: สำหรับอาชีพที่ต้องใช้เวลาอยู่บนท้องถนนเป็นส่วนใหญ่ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าอาชีพที่ใช้รถขับไปทำงานตอนเช้าและขับกลับมาอีกทีตอนเย็น ดังนั้นจึงต้องรับเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายแพงกว่า
- ประวัติการซ่อม/ประวัติทางคดี: สำหรับผู้ที่ปรากฎประวัติการเคลมสูงหรือบ่อย อาจจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันสูงกว่า หรืออาจถูกปฏิเสธได้ เช่นเดียวกันกับผู้ที่เคยมีประวัติทางคดีเดี่ยวกับรถ ก็จะถูกนำมาตรวจสอบและพิจารณาในการคำนวณทุนประกันและเบี้ยประกันด้วย
- รุ่นรถ: การพิจารณาจากรุ่นรถ สิ่งที่มีผลต่อราคาเบี้ยประกันนั่นคือเป็นรถที่ผลิตในประเทศหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพราะหากเป็นรถที่นำเข้าราคาแพง อีกทั้งอะไหล่ยังหายากและต้องนำเข้า จะต้องเสียค่าเบี้ยที่แพงกว่าแน่นอน
- เครื่องยนต์: หนึ่งปัจจัยที่บ่งชี้ไปถึงราคาตัวรถ ยิ่งเครื่องยนต์แรง ค่าเบี้ยประกันก็จะสูงตามไปด้วย เพราะรถที่มีจำนวนซีซีสูงมักจะมากับอุปกรณ์ ชิ้นส่วนหรูหราราคาแพง ราคาอะไหล่ตอนเคลมจึงสูง ดังนั้นค่าเบี้ยประกันที่ถูกคิดสำหรับรถที่ขนาดเครื่องยนต์ใหญ่ก็มักจะสูงกว่ารถที่เครื่องยนต์เล็กๆ
- ปีที่ผลิต: เบี้ยประกันจะถูกกว่า หากเป็นรถเก่า แต่บริษัทประกันบางแห่ง ไม่รับรถที่เก่าเกินไป
