500,000 ตำแหน่ง ตกงานไปแล้วภายในปี 2023

28 เม.ย. 2566 - 09:52

  • เทรนด์ตกงานมหาศาลเริ่มมาจากไหน

  • อัตราว่างงานสหรัฐฯ ต่ำสุดในรอบ 53 ปี

  • งบสวัสดิการทะลุคาดการณ์ อาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้

  • ความสัมพันธ์ของอัตราว่างงาน กับวิกฤตการเงิน

Business-Layoff-april2023-trend-recession-SPACEBAR-Thumbnail
เมื่อคนมากกว่าครึ่งล้านแห่ตกงาน และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแค่นี้ นี่คือสัญญาณการเงิน และเศรษฐกิจสำคัญ ที่คนไทยก็ต้องเตรียมตัว บทความนี้จะไล่เรียงให้ฟังว่ามันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ กำลังดำเนินไปอย่างไร และกำลังเดินหน้าไปสู่อะไร  

มากกว่า 760 บริษัท ปลดพนักงานออก 538,000 ตำแหน่ง เทรนด์เริ่มมาจากไหน
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3H82du2QKlwCPh4UL35n8V/d69ec63377a34b4ce8577f660011090a/Business-Layoff-april2023-trend-recession-SPACEBAR-Photo01
Photo: Bloomberg
เมื่อตุลาคม 2022 เทรนด์การปลดพนักงานทีละเป็นหมื่นตำแหน่งได้เริ่มขึ้น IKEA ที่รัสเซีย เป็นบริษัทแรกที่ลงพาดหัวข่าวปลดพนักงานรวดเดียว 10,000 ตำแหน่ง แน่นอนนี่แค่เริ่มต้น ภายในเดือนเดียว ตุลาคม 2022 มีพนักงานโดนปลดไป เกือบ 30,000 ตำแหน่ง 

เดือนพฤศจิกายน จุดเปิดเทรนด์ปลดพนักงานของบริษัทเทคโนโลยีบ้าง คราวนี้ก็ตามกันมาเหมือนเปิดก็อก เริ่มที่ Meta เจ้าของ Facebook ปลดพนักงาน 11,000 ตำแหน่ง  

พอเข้าต้นปี 2023 Microsoft และ Alphabet เจ้าของ Google ประกาศปลดพนักงานรวม 22,000 ตำแหน่ง Amason ย้ำเท้าตามมาลดพนักงานไป 18,000 คน มกราคมเดือนเดียว มีคนตกงานไปมากกว่า 5 หมื่นคน 

ในเดือนกุมภาพันธ์เริ่มมี บริษัทด้าน Healthcare อย่าง Duth health tech กับบริษัทด้านสุขภาพปลดพนักงานไปอีก10,000 ตำแหน่ง 

มีนาคม 2023 บริษัทเทคฯ กลับมานำเทรนด์ Meta ตัดพนักงานรอบ2 ออกรวดเดียว 13% และมีบริษัทให้คำปรึกษาด้าน IT เอาพนักงานออกอีก 19,000 ตำแหน่ง Amazon ตัดรอบสองเหมือนกัน ครั้งนี้ออก 9,000 ตำแหน่ง รวมเดือนนี้มีคนตกงานไปมากกว่า 42,000 คน 

เข้าเดือนเมษายน หลังเกิดวิกฤตธนาคารไป อุตสาหกรรมการเงินก็เข้าสู่เทรนด์นี้ด้วย UBS ธนาคารที่เข้าไปช่วยอุ้ม Credit Suisse มาแรงแซงทุกโค้ง ปลดพนักงานทีเดียว 36,000 ตำแหน่ง! [1] 

ล่าสุดยังมีบริษัทใหญ่ๆ อย่าง 3M, บริษัทที่ปรึกษา Deloitte, Walmart, David’s Bridal แม้แต่ McDonald’s ที่ปลดพนักงานรวมกันหลายหมื่นตำแหน่ง [2] 

ยังมีอีกหลายร้อยบริษัทที่แจกตั๋วเชิญออกให้พนักงานโดยไม่ได้แจ้งจำนวนที่ชัดเจน 

อัตราการว่างงานสหรัฐอเมริกาตกต่ำที่สุดในรอบ 53 ปี  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2L0oxtOI7t73LGuZVij2G5/7dfd43512abd025192d478acd73b30a9/Business-Layoff-april2023-trend-recession-SPACEBAR-Photo03
Photo: Bureau of Labour Statistics
ตัวเลขนี้อ้างอิงจากสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมกราคม 2023 อัตราว่างงานอยู่ที่ 3.4% กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา รายงานจุดต่ำสุดตั้งแต่ปี 1969 และปัจจุบันเือนเมษายนอยู่ที่ 3.5% ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น [2] 

งบสวัสดิการทะลุคาดการณ์  
89,703 คน ตกงานเดือนเมาษายน 2023 ทำให้งบสวัสดิการที่ต้องจ่ายให้คนว่างงานทะลุเกินคาด จากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริการายงานคาดการณ์งบสวัสดิการคนว่างงานที่ต้องใช้เดือนเมษายน2023 ไว้ที่ 240,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อสัปดาห์ ใช้จริงไปที่ 245,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ [3] 

ชนวนวิกฤตการเงิน 
งบสวัสดิการณ์เป็นตัวเลขหนักในงบประมาณของสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางภาวะที่เงินกำลังจะหมดคลังหากไม่มีการยกเพดานหนี้เร็วๆนี้ แล้วพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะต้องผิดนัดชำระหนี้ได้ [4] ทีนี้หายนะการเงินโลกก็จะตามมา 

ประวัติศาสตร์ความเชื่อมโยงอัตราว่างงานกับเศรษฐกิจถดถอย
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4WKeiSRT2Lmm56MzrVU4R7/03c3d2a7c7109bd375af1029b99648f1/Business-Layoff-april2023-trend-recession-SPACEBAR-Photo02
Photo: Visual Capitalist
แท่งสีแดง คือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในโลก ส่วนพื้นที่สีดำสูงต่ำคือ อัตราการว่างงานในสหรัฐอเมริกา ทั้งสองอย่างมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นตรงจุดที่ ทุกครั้งที่อัตราว่างงานลงมาตำมากถึงจุดก้นเหว มันจะตามมาด้วยวิกฤตเศรษฐกิจนั่นเอง [5] 

ไม่มีเงิน ไม่มีกิน ไม่ไมีเศรษฐกิจที่ดี เป็นเรื่องที่คล้องจองและจูงมือกันมา บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาจะบั่นทอนกำลังใจคนทำงาน หรือไม่ได้จะมาบอกว่าใครมีงานก็เกาะไว้แน่นๆ เพราะเมื่อถึงเวลาถ้าบริษัทจะปรับโครงสร้างพนักงานก็ต้องโดนออกก่อนอยู่ดี แต่ในระหว่างที่ Recession หรือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังไม่เกิดขึ้นจริง เราคงต้องมองหาโอกาส กระเป๋าเงินที่ 2 ..3...4... เตรียมเอาไว้ นอกเหนือจาก ‘เงินเดือน’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์