ศึกการเงินหยวน-ดอลลาร์สหรัฐ ดันราคาทองคำทำ high ใหม่ไม่หยุด ล่าสุดราคาในไทยวันที่ 5 เมษายน สูงถึง 32400 บาท หรือ เกือบ 2050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้ว
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำครั้งนี้อยู่ท่ามกลางสงครามการเงินที่ฝั่งจีน-รัสเซีย พยายามถล่มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจะดันเงินหยวนขึ้นมาเป็นสกุลเงินสำรองใหม่ของโลก แม้ว่าสัดส่วนการใช้เงินหยวนในโลกจะอยู่ที่ราวๆ 4% เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีสัดส่วนใช้ในโลกถึง 88%
มีสถาบันการเงินหลายสำนักออกมาประมาณการณ์ราคาทองในระยะสั้น Citigroup บอกว่าราคาทองอาจจะขึ้นถึง 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ/Oz Saxo Bank บอกว่าราคาทองคำจะขึ้นไปถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/Oz หรือ บวก 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากราคาปัจจุบันภายในปีนี้
ทำไมขึ้นเยอะขนาดนั้น เพราะ
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำครั้งนี้อยู่ท่ามกลางสงครามการเงินที่ฝั่งจีน-รัสเซีย พยายามถล่มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจะดันเงินหยวนขึ้นมาเป็นสกุลเงินสำรองใหม่ของโลก แม้ว่าสัดส่วนการใช้เงินหยวนในโลกจะอยู่ที่ราวๆ 4% เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีสัดส่วนใช้ในโลกถึง 88%
มีสถาบันการเงินหลายสำนักออกมาประมาณการณ์ราคาทองในระยะสั้น Citigroup บอกว่าราคาทองอาจจะขึ้นถึง 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ/Oz Saxo Bank บอกว่าราคาทองคำจะขึ้นไปถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/Oz หรือ บวก 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากราคาปัจจุบันภายในปีนี้
ทำไมขึ้นเยอะขนาดนั้น เพราะ
- จีน-รัสเซียโจมตีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ไม่ได้ทำกันแค่ 2 ประเทศ ยังมี OPEC ล่าสุดลดการผลิตน้ำมันลงวันละ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตรงนี้จะไปเพิ่มปัญหาเงินเฟ้อ แล้วยังมีแนวโน้มร่วมมือกับอินเดีย ถอนตัวออกจากกองทุน IMF สร้างกองทุนใหม่ที่ไม่ใช้ดอลลาร์สหรัฐ
- ภาวะสงคราม และวิกฤตการเงิน จะทำให้ความต้องทองคำยิ่งสูงขึ้นๆ เพราะคนมองทองเป็น Safe Haven ที่รักษามูลค่าในตัวเองมาได้นานกว่า 5000 ปีแล้ว
- เรื่องสำคัญจีน-รัสเซียจะหนุนระบบมาตรฐานทองคำขึ้นมาใหม่ คือ ให้ใช้ทองคำหนุนค่าเงินเต็มจำนวน ไม่ใช่แค่บางส่วนแบบปัจจุบัน ทำให้จีนซื้อทองคำไป 400 ตันเมื่อปีที่แล้ว รัสเซียเองก็มีรายงานซื้อทองจำนวนมากแต่ไม่เปิดเผยตัวเลขตั้งแต่ทำสงครามกับยูเครนและถ้ามีประเทศไหนเห็นด้วย รัฐบาลของประเทศนั้นก็ต้องซื้อทองคำเพิ่มเพื่อไปหนุนค่าเงิน
- ก็มีความเป็นไปได้ว่าทั้งหมดจะดันราคาทองได้ แต่การลงทุนมีความเสี่ยง