เด็กไทยวิกฤต! ผลสอบ PISA ปีล่าสุดร่วงหนักทุกทักษะในรอบ 20 ปี

6 ธ.ค. 2566 - 09:06

  • ผลการประเมิณ PISA พบนักเรียนไทยทำคะแนนต่ำสุดทุกทักษะในรอบ 20 ปี

  • สถานการณ์ของเด็กไทย แย่ลงทุกทักษะ

  • อันดับคะแนน ทักษะคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ และการอ่าน

Pisa-test-thai-students-have-the-lowest-score-SPACEBAR-Hero.jpg

โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากลหรือ (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) ที่เริ่มต้นโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพื่อประเมินนักเรียนอายุ 15 ปีใน 81 ประเทศทุก ๆ 3 ปี 

ในปี 2022 ผลการประเมิน PISA พบว่านักเรียนจากประเทศหรือพื้นที่บางแห่งทำข้อสอบได้อย่างโดดเด่น เช่น มาเก๊า, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และเอสโตเนีย ที่ติดอันดับสูงสุดทั้งในคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ และการอ่าน 

อย่างไรก็ตาม ผลการประเมินโดยเฉลี่ยในภาพรวมของปี 2022 แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพของสมรรถนะเด็กในกลุ่มประเทศ/เขตเศรษฐกิจ OECD มีการลดลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนนักเรียนไทย พบว่าทักษะทั้งคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ได้คะแนนต่ำสุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา 

สถานการณ์ของเด็กไทย แย่ลงทุกทักษะ 

สำหรับผลคะแนนการทดสอบ PISA ของเด็กนักเรียนไทยประจำปี 2022 พบว่าแย่ลงในทุกทักษะเมื่อเทียบกับ 4 ปีก่อน ทั้งด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน โดย PISA ระบุว่าในการทดสอบครั้งล่าสุดนี้ คะแนนเฉลี่ยในทุกทักษะของเด็กไทยต่ำที่สุดกว่าการทดสอบครั้งก่อน ๆ นับแต่ไทยเข้าร่วมประเมินเป็นครั้งแรกเมื่อ 20 กว่าปีก่อนในช่วงต้นทศวรรษ 2000 

นอกจากนี้ หากดูเฉพาะช่วง 10 ปีหลังสุด (2012-2022) จะพบว่าทักษะด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ คะแนนของเด็กไทยลดลงไปกว่า 30 คะแนน ส่วนคะแนนด้านการอ่านลดลงไปกว่า 60 คะแนน ซึ่งเป็นช่วงคะแนนที่มากกว่าที่ปกติเด็กคนหนึ่ง ๆ จะได้รับจากการเรียนตลอด 1 ปีเสียอีก 

เมื่อเทียบกับประเทศกลุ่ม OECD ยังพบด้วยว่า ทักษะทั้ง 3 ด้านของเด็กนักเรียนไทยยังด้อยกว่านักเรียนจากกลุ่มประเทศ OECD และเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนอย่าง สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ก็พบว่าเด็กไทยมีทักษะทั้ง 3 ด้านด้อยกว่าเด็กในประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ทั้งหมด 

โปรแกรมการประเมินสมรรถนะของ PISA เริ่มเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2000 และมีการประเมินทุก ๆ 3 ปี แต่ในการประเมินของปี 2021 ถูกเลื่อนมาเป็นปี 2022 ซึ่ง OECD ให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการสะท้อนภาวะความยากลำบากหลังการระบาดของโควิด-19 

การอ่าน 

  • สมรรถนะด้านการอ่าน สิงคโปร์ มาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยอีก 9 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจตามลำดับ ได้แก่ ไอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, เอสโตเนีย, มาเก๊า, แคนาดา, สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์  
  • สำหรับประเทศ/ เขตเศรษฐกิจ ที่ได้ 3 อันดับสุดท้าย ได้แก่ โมร็อกโก, อุซเบกิสถาน และกัมพูชา  
  • ประเทศและเขตเศรษฐกิจยุโรปส่วนใหญ่อยู่ในอันดับกลาง ๆ โดยสหราชอาณาจักร มีผลประเมินอยู่ในอันดับที่ 13 ขยับขึ้นมา 1 อันดับจากปี 2018  
  • ส่วนกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา ประเทศชิลี อยู่ในอันดับสูงสุดของทวีป และเป็นอันดับที่ 37 จากประเทศทั้งหมดที่เข้ารับการประเมิน 
  • ส่วนไทย ทักษะการอ่านอยู่ที่ 64 จาก 81 ประเทศ เป็นรองทั้งสิงคโปร์ (อันดับ 1) เวียดนาม (อันดับ 34) บรูไน (อันดับ 44) และมาเลเซีย (อันดับ 60) 

คณิตศาสตร์ 

  • ความรู้ด้านคณิตศาสตร์สิงคโปร์ มาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วย มาเก๊า, ไต้หวัน, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เอสโตเนีย, สวิตเซอร์แลนด์, แคนาดา และนิวซีแลนด์ ส่วนอันดับที่ 10-20 เป็นนักเรียนจากกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งสหราชอาณาจักรอยู่ในอันดับที่ 14  
  • ส่วนประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ 34 
  • สำหรับเด็กไทย ทักษะด้านคณิตศาสตร์อยู่ในอันดับที่ 58 เป็นรองทั้งสิงคโปร์ (อันดับ 1) เวียดนาม (อับดับ 31) บรูไน (อันดับ 40) และมาเลเซีย (อันดับ 54) 

วิทยาศาสตร์  

  • สำหรับความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ สิงคโปร์มาเป็นอันดับหนึ่งอีกเช่นกัน ตามด้วยอันดับที่ 2-10 ได้แก่ ญี่ปุ่น, มาเก๊า, ไต้หวัน, เกาหลีใต้, เอสโตเนีย, ฮ่องกง, แคนาดา, ฟินแลนด์ และออสเตรเลีย  
  • สหราชอาณาจักร ได้อันดับที่ 15 สหรัฐอเมริกา อันดับที่ 16 โดยประเทศยุโรปส่วนใหญ่ผลคะแนนอยู่ในระดับปานกลาง 
  • สำหรับประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 58 เป็นรองทั้งสิงคโปร์ (อันดับ 1) เวียดนาม (อันดับ 35) บรูไน (อันดับ 42) และมาเลเซีย (อันดับ 52)

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์