13.2% คือสัดส่วนราคาขายเทสล่า (Tesla) ที่ปรับลดสูงสุดในประเทศไทย
สัดส่วนนี้อ้างอิงจากการปรับราคาของ Tesla ครั้งล่าสุด เทียบกับราคาขายตอนเปิดตัวในประเทศ
ตัวเลข 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ของราคารถยนต์นั้นไม่น้อย คิดเป็นเงินหลักนับแสนบาท
ทั้งนี้ ตลอดช่วงปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา การลดราคา Tesla เกิดขึ้นทั่วโลก และเกิดขึ้นหลายครั้ง นับเฉพาะประเทศไทย Tesla ลดราคามาแล้ว 3 รอบ
โดยปรับลดราคาสูงสุดถึง 260,000 บาท

ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา Tesla ถีบราคาตัวเองลงถึง 5 ครั้ง
ข้อมูลจาก Tesla Oracle เว็บไซต์ที่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ Tesla ระบุว่า ตั้งแต่มกราคม-กันยายน พ.ศ.2566 Tesla ลดราคาลงตั้งแต่ต้นปีสูงสุดถึง 34%

ข้อมูลราคา Tesla ที่ Tesla Oracle บันทึกไว้มีทั้งหมด 2 รุ่น คือ
- Model S ลดราคาจากเมื่อต้นปีถึง 28.5%
- Model X ลดราคาจากเมื่อต้นปีถึง 34%
CNBC ระบุว่า เหตุผลการ ‘ลดราคา’ ของ Tesla เกิดจาก 3 ปัจจัย
- ยอดขายลดลง ไม่เป็นไปตามคาด
- ความต้องการผู้บริโภคในสองตลาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ และจีนชะลอตัว
- การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสูงขึ้น
หากเปรียบทั้ง 3 ปัจจัยเป็นเกลียวเชือกเส้นหนึ่ง แล้วสาวเชือกเส้นนี้ไปยังต้นตอ จะพบว่าสาเหตุการลดราคาครั้งแล้วครั้งเล่าของ Tesla เกิดจากการผงาดขึ้นมาของค่ายรถจีน โดยเฉพาะ BYD
สื่อด้านการลงทุนอย่าง Investor's Business Daily ชี้ชัดว่า ณ วันนี้ Tesla และ BYD คือคู่แข่งขันกันโดยตรงในตลาด EV ทั่วโลก
แม้ปีที่แล้ว (พ.ศ.2565) Tesla จะครองอันดับ 1 ผู้นำตลาดรถ EV (โดยเฉพาะ BEV) แต่ช่องว่างระหว่างผู้นำกับผู้ตามอย่าง BYD ที่เป็นทั้งบริษัทผู้ผลิตรถ EV และแบตเตอรี่นั้นกำลังลดลงเรื่อยๆ
จนวันนี้ BYD เหยียบคันเร่งขึ้นมา ‘หายใจรดต้นคอ’ Tesla ด้วยระยะห่างที่ต่างกันแค่หลักพันคัน

ยอดขายล่าสุดในไตรมาส 3 ปี 2566, BYD มียอดขายตามหลัง Tesla อยู่แค่ 3,456 คัน
และมีความเป็นไปได้ที่จะแซง Tesla ในช่วงโค้งสุดท้ายในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดย Investor's Business Daily คาดการณ์จากตัวเลขยอดขาย BYD ในเดือนตุลาคมว่า BYD อาจทำยอดขายสูงถึง 500,000 คันในไตรมาส 4 “ได้สบายๆ”
การลงมาเล่นในสงครามราคาหรือแปะป้าย Sale ครั้งแล้วครั้งเล่าของ Tesla ในปีนี้ เป็นตัวบ่งชี้ว่า ถ้า Tesla ไม่ทำอะไร อีกไม่ช้า พวกเขาจะหล่นจากบัลลังก์ผู้นำตลาดยานยนต์ไฟฟ้า
ถึงแม้ตำราด้านการตลาดจะบอกว่า การลดราคาไม่ใช่หนทางที่ยั่งยืนของการทำธุรกิจ แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องทำ เพื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาดเอาไว้
โดยเฉพาะในเวทีอย่าง EV ที่ยังไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดที่แท้จริง และ Tesla ยังไม่สามารถทำในสิ่งที่คู่แข่งอย่าง BYD ทำไม่ได้
ปีนี้สงครามเพิ่งเริ่มต้น ปีหน้า 2567 น่าจะดุเดือดกว่าที่เห็น