‘เวลเนสไทย’ มีจุดแข็งที่โดดเด่นในหลายด้าน เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, ท่องเที่ยว ประเทศไทยอากาศดี มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ-วัฒนธรรมหลากหลาย พร้อมมีความเป็นเลิศด้านรสชาติอาหารไทย มีวัตถุดิบดีโดยเฉพาะพืชสมุนไพรต่างๆ ฯลฯ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของศักยภาพไทยที่ทั่วโลกสนใจ ทำให้ไทยต่อยอดสร้างการเติบโตในเชิงเศรษฐกิจได้โดยง่าย
และเป็นประเด็นส่วนหนึ่งของงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ณ NICE HALLสวนนงนุช จ.ชลบุรี (24 พ.ย.67) ภายใต้แนวคิด “CONNECT FOR GROWTH: INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ซึ่งเวทีนี้ก็เชื่อว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นการวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน ได้ดีทีเดียวและเป็นศักยภาพ ที่ทำได้ทันที แต่การขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโต มีมิติทั้งด้านที่เป็นศักยภาพและด้านที่เป็นปัญหาต้องแก้ไข ดังนั้น เมื่อปิดฉากการสัมมนาก็มีการสรุปข้อเสนอเป็นสมุดปกขาว ส่งมอบให้รัฐ มีนายอนุทิน ชาญวีรกูร เป็นตัวแทนรับมอบไปเรียบร้อยแล้ว

สนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยถึงข้อสรุปในสมุดปกขาวว่า มีแนวทางสำคัญ ประกอบด้วย 2 แกนหลัก คือ 1\. การเชื่อมโยง (Connect for Growth) เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจให้แข็งแกร่ง และ 2\. การนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ ให้ตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว (Innovating for Sustainability) ทั้งนี้ หอการค้าฯ ได้ตั้งเป้าหมายสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพโดยมุ่งหวังให้ GDP ไทยในปีหน้าสามารถเติบโตไม่น้อยกว่า 3%
สาหรับประเด็นและข้อเสนอแนะที่หอการค้าฯ ได้นำเสนอในสมุดขาว เพื่อพิจารณาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วยข้อเสนอเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะเร่งด่วน 3 ข้อเสนอหลัก คือ
1\. การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ โดยภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการ การควบคุมราคาสินค้าพื้นฐานและบริการที่จำเป็น การตรึงราคาค่าไฟฟ้า–น้ำมันดีเซล การผลักดันให้มีการจัดตั้ง กรอ.พลังงาน การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้เป็นไปตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคี การกระจายงบประมาณไปยังภูมิภาคอย่างทั่วถึง และการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการคูณสอง เพื่อเพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังขอให้รัฐบาลสานต่อการขับเคลื่อนการยกระดับเมือง 10 จังหวัดนำร่องที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้
2\. การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs แก้ไขปัญหาหนี้ที่ประชาชนและ SMEs กาลังเผชิญอยู่ ซึ่งหัวใจสาคัญของการแก้หนี้ คือ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงิน การคลัง ควบคู่กัน พร้อมกับกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามที่หอการค้าไทยได้เสนอแนวทางหลายประการ เช่น การพักและยืดการขำระหนี้ทั้งบ้าน รถ และ SMEs โดยเฉพาะไม่ยึดรถกระบะ ที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของประชาชน การลดดอกเบี้ย ละการปลดล็อก การเข้าถึงสินเชื่อก็เป็นเรื่องจำเป็นในขณะนี้
นอกจากนี้ภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้ โดยดูแลการค้าให้เป็นธรรม ไม่เป็นตลาดที่ดัมพส์สินค้าคุณภาพซึ่งจะทำลายตลาดระยะยาวของประเทศอีกทั้งไทยต้องเลือกการลงทุนที่มีคุณภาพีที่มีการจ้างงานในประเทศ มีการใช้ local content ในท้องถิ่นให้มากที่สุด
3\. การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน ได้แก่
- การเร่งดึงดูดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หอการค้าฯ ได้เสนอให้จังหวัดปราจีนบุรี ให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ EEC ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนใน EEC ได้อีกมหาศาล
- การรักษาโมเมนตั้มภาคธุรกจิที่ไทยยังแข่งขันได้ทั้งในด้าน Food, Tourism, Wellness และโอกาสการเป็นศูนย์กลางด้าน Logistics & Connectivity และ Education Hub
- การเร่งดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve ด้าน AI, Digital, EV Car และ Green Energy
- การเจรจากับเพื่อนบ้านเพื่อยกระดับจุดผ่านแดนทางการค้า
- การบริหารจัดการน้ำไม่ให้เกิดท่วมและแล้งซ้าซาก และ 6) การปรับปรุงนโยบายด้านแรงงานให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ยังมี 6 ประเด็นปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ ประเด็นที่ 1 การค้าและการลงทุน โอกาสและความท้าทาย ประเด็นที่ 2 เกษตรและอาหาร : คลังอาหารของไทยและโลก ประเด็นที่ 3 ท่องเที่ยวและบริการ : แหล่งรายได้สำคัญของประเทศ ประเด็นที่ 4 การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว ประเด็นที่ 5 ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานยกระดับการแข่งขันของประเทศ ประเด็นที่ 6 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค : สร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
“ในอนาคตหากมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยเฉพาะการแก้หนี้และกระจายรายได้อย่างทั่วถึงก็มีโอกาสที่ GDP ไทยจะกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพได้ถึง 5% ต่อปี”
— นายสนั่น กล่าว