ไทยคุมสินค้าใช้ 2 ทาง ยกระดับฯ ออกใบอนุญาตบังคับใช้

28 พ.ค. 2567 - 01:00

  • พาณิชย์ มีมติ เห็นชอบให้สินค้าสองทาง คือ พาณิชย์ และการทหาร เป็นสินค้า ‘ต้องขออนุญาต’

  • ชี้ เบื้องต้นจะควบคุม ‘ส่งออก-ส่งกลับ’ สินค้า DUI ในกลุ่มวัสดุ เครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์นิวเคลียร์ ก่อนขยายขอบเขตถึงสินค้าอื่น

  • สำคัญกว่านั้น คือยังช่วยภาพลักษณ์ไทย ไม่เกี่ยวข้อง ‘อาวุธทำลายล้างโลก’

thailand-controls-medical-biological-warfare-disease-license-use-SPACEBAR-Hero.jpg

สินค้าสองทาง คือ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ที่ใช้ได้ ทั้งในเชิงการรักษาทางการแพทย์ ขณะที่อีกด้าน ยังสามารถพัฒนาเป็นอาวุธชีวภาพ ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงได้ ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับ การค้าการลงทุน และภาพลักษณ์ประเทศไทย คณะกรรมการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กระทรวงพาณิชย์ จึงมีมติ ‘เห็นชอบ’ การใช้มาตรการอนุญาต (Licensing) สำหรับการส่งออกและส่งกลับสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items: DUI) กลุ่มวัสดุ อุปกรณ์นิวเคลียร์เพื่อให้ไทยมีมาตรฐานการควบคุมเทียบเท่าสากลมากยิ่งขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจนักลงทุน

thailand-controls-medical-biological-warfare-disease-license-use-SPACEBAR-Photo01.jpg

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ครั้งที่ 1/2567 เพื่อพิจารณายกระดับมาตรการควบคุมสินค้า DUI ซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางพาณิชย์และทางทหาร เช่น 

เชื้อไวรัสบางชนิด ที่นำมาใช้ผลิตวัคซีนทางการแพทย์ สามารถนำไปดัดแปลงเป็นอาวุธชีวภาพได้ เป็นต้น โดยปัจจุบัน ไทยมีพระราชบัญญัติการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2562 ซึ่งให้อำนาจในการพิจารณากำหนดมาตรการควบคุม DUI อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีมาตรการ Licensing 

ประกอบกับ การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้นทำให้สินค้าถูกพัฒนาเป็น DUI ได้ และอาจถูกใช้ในการก่อการร้ายหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของโลก ไทยจึงมีความจำเป็นที่ต้องยกระดับมาตรการให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล 

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบให้สินค้า DUI เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต โดยในเบื้องต้นจะควบคุมการส่งออกและการส่งกลับสินค้า DUI ในกลุ่มวัสดุ เครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์นิวเคลียร์ ก่อนที่จะขยายขอบเขตควบคุมสินค้าอื่น ๆ ต่อไป 

นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบให้กรมศุลกากร (กศก.) และ คต. ร่วมกันกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรและรหัสสถิติสำหรับสินค้า DUI เพื่อให้ คต. สามารถเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กับระบบ National Single Window (NSW) ของ กศก. ได้ โดยประธานฯ ได้เน้นย้ำว่า กระบวนการออกใบอนุญาตสินค้า DUI ของ คต. จะต้องกำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาที่ชัดเจนและรวดเร็วเพื่อไม่สร้างภาระแก่ผู้ประกอบการจนเกินความจำเป็น

นายรณรงค์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีมาตรการ Licensing ไม่เพียงแต่จะเป็นการแสดงให้ประชาคมโลกเห็นว่า ไทยปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSCR ที่ 1540) เท่านั้น แต่ยังผลักดันให้ ไทย เพิ่มขีดความสามารถทางการค้าในเวทีโลกในระยะยาว เพราะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าสำคัญว่าไทยจะไม่ใช่แหล่งเผยแพร่สินค้า DUI เพื่อนำไปใช้ในทางที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก 
 

รวมถึงจะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างโอกาสให้กลุ่ม SMEs เข้ามาอยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าที่มีเทคโนโลยีระดับสูงอีกด้วย

สำหรับขั้นตอนต่อไปกระทรวงพาณิชย์โดย คต. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน

สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และ กศก. เพื่อนำแนวทางการกำหนดมาตรการอนุญาตดังกล่าวไปจัดทำอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องพร้อมพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์รองรับการขออนุญาต โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการร่วมปกป้องความมั่นคงระหว่างประเทศเป็นสำคัญ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์