Whoscall เปิดสถิติ 2567 มิจฉาชีพโทร.- ส่ง SMS สูงสุดรอบ 5 ปี

24 ก.พ. 2568 - 08:45

  • Whoscall ชี้สถิติปี 2567 จำนวนสายมิจฉาชีพทางโทรศัพท์และข้อความ SMS หลอกลวงในไทยพุ่ง 168 ล้านครั้ง สูงสุดในรอบ 5 ปี

  • เตือนภัยแอบอ้างองค์กร ลิงก์อันตรายแปลกปลอม และการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

whoscall_statistics_2024_telephone_lines_scammers_sms_highest_SPACEBAR_Hero_539ebb310c.jpg

บริษัท โกโกลุก ประเทศไทย ในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยี เพื่อความเชื่อมั่นชั้นนำ (TrustTech) และผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Whoscall เปิดรายงานประจำปี 2567 วิเคราะห์สถานการณ์กลโกงของมิจฉาชีพในประเทศไทยตลอดปีที่ผ่านมา ผ่านการรายงาน มิจฉาชีพจากสายโทรศัพท์ ข้อความ SMS ลิงก์ต่าง ๆ และฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหล พร้อมสำรวจ กลลวงมิจฉาชีพที่ใช้หลอกลวงประชาชน เพื่อกระตุ้นให้คนไทยตระหนักถึงภัยกลโกงและลดความเสี่ยง จากการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ

นายแมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกโกลุก ประเทศไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่บริษัท เริ่มเผยแพร่รายงานประจำปีตั้งแต่ปี 2563 เราได้ติดตามสถานการณ์การหลอกลวงของมิจฉาชีพ ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในเกือบทุก ๆ ตลาดหลักที่ Whoscall ให้บริการอย่างใกล้ชิด สำหรับประเทศไทย ในปี 2567 เราสามารถระบุสายโทรศัพท์และข้อความหลอกลวงได้สูงสุดในรอบ 5 ปี ถึง 168 ล้านครั้ง เพราะปัจจุบันมิจฉาชีพได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการหลอกลวงอย่างแพร่หลาย ทำให้กลโกงมีความ ซับซ้อนมากขึ้นและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มการหลอกลวงที่ต้องจับตามอง ได้แก่ การแอบอ้างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การฉ้อโกงทางการเงินในหลากหลายรูปแบบ ทั้งผ่านการโทรศัพท์ ข้อความ SMS ลิงก์อันตราย รวมถึง การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น อย่างน่ากังวล

สรุปข้อมูลสำคัญจากรายงาน

* ในปี 2567 ประเทศไทยมีจำนวนการตรวจพบสายโทรศัพท์และข้อความ SMS หลอกลวงเพิ่มขึ้น ประมาณ 168 ล้านครั้ง สูงสุดในรอบ 5 ปี * Whoscall สามารถปกป้องผู้ใช้จากการถูกหลอกลวงผ่านการโทรและข้อความ SMS ได้ถึง 460,000 ครั้งใน 1 วัน * กลวิธีหลอกลวงใน SMS ที่พบอย่างแพร่หลาย ได้แก่ การชักชวนเล่นพนัน การปลอมเป็นบริษัท ขนส่งพัสดุ การแอบอ้างเป็นธนาคาร สถาบันการเงิน องค์กร และหน่วยงานรัฐ * ระวัง! ลิงก์อันตรายอาจนำไปสู่ เว็บไซต์ปลอม, เว็บพนันผิดกฎหมาย, และเว็บที่แอบติดตั้งมัลแวร์ เพื่อดักจับข้อมูลส่วนตัว เป็นต้น * ฟีเจอร์ ID security ของ Whoscall เตือนภัยข้อมูลส่วนตัวคนไทย 41% รั่วไหลไปบนดาร์กเว็บ

ตรวจพบสายโทรศัพท์และข้อความหลอกลวงเพิ่มขึ้นในไทย

ในปี 2567 Whoscall ตรวจพบ สายโทรศัพท์และข้อความ SMS หลอกลวงสูงถึง 168 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นกว่า 112% จาก 79.2 ล้านครั้งในปี 2566 และถือเป็นยอดที่สูงสุดในรอบ 5 ปีของประเทศไทย ในส่วนของจำนวนการโทรหลอกลวงเพิ่มขึ้นเป็น 38 ล้านครั้ง จาก 20.8 ล้านครั้งในปี 2566 ขณะที่จำนวนข้อความ SMS หลอกลวงพุ่งสูงถึงเกือบ 130 ล้านครั้ง จาก 58.3 ล้านครั้งในปี 2566 กลโกงที่พบมากที่สุด ได้แก่ การหลอกขายบริการและสินค้าปลอม การแอบอ้างตัวเป็นหน่วยงาน และหลอกว่ามีเงินกู้อนุมัติง่าย การหลอกทวงเงิน การหลอกว่าเป็นหนี้

whoscall_statistics_2024_telephone_lines_scammers_sms_highest_SPACEBAR_Photo01_296371f012.jpg

มิจฉาชีพใช้กลลวงเกี่ยวกับการเงิน และแอบอ้างองค์กรเพิ่มสูงขึ้น

ในปีที่ผ่านมา บริการ  Smart SMS Assistant หรือ ผู้ช่วย SMS อัจฉริยะที่ช่วยตรวจสอบข้อความ จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก พบว่ามีข้อความ SMS ที่เข้าข่ายการ หลอกลวง มากถึง 130 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญว่ากลุ่มมิจฉาชีพยังคงใช้การส่งข้อความเป็นช่องทางหลักในการหลอกลวง 

ข้อความ SMS หลอกลวงที่แนบลิงก์ฟิชชิง เช่น  ข้อความ SMS ที่หลอกให้กู้เงิน และโฆษณาการพนัน ยังคงพบมากที่สุด นอกจากนี้กลุ่มมิจฉาชีพยังเปลี่ยนกลยุทธ์มาแอบอ้างหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มากขึ้น เช่น แอบอ้างเป็นบริการจัดส่งสินค้า รวมไปถึงการปลอมเป็นหน่วยงานสาธารณูปโภค เพื่อส่งข้อความชวนเชื่อที่สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการลดค่าไฟฟ้า คืนค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า มาตรการคนละครึ่ง และดิจิทัล วอลเล็ต

การแพร่กระจายของลิงก์อันตรายแปลกปลอม

Whoscall พัฒนาฟีเจอร์อย่างเช่น Web Checker ที่ผู้ใช้สามารถตรวจสอบลิงก์ที่น่าสงสัยและ อันตราย บนเว็บบราวเซอร์ในระหว่างการใช้งานโทรศัพท์มือถือ  ในปีที่ผ่านมาฟีเจอร์นี้ช่วยปกป้อง ผู้ใช้งานจากการคลิกลิงก์อันตราย แปลกปลอมหลากหลายประเภท โดยประเภทลิงก์อันตรายที่พบมาก ที่สุดเป็นลิงก์ฟิชชิงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อดูดเงิน หรือล้วงข้อมูลส่วนบุคคล 40% ส่วนลิงก์ อันตราย ที่เหลือเป็นลิงก์ ที่เชื่อมโยงกับการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย 30% และลิงก์อันตรายที่หลอกให้เหยื่อ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่มีมัลแวร์เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญจากอุปกรณ์อีก 30%

ปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น

ในรายงานประจำปีครั้งนี้ยังได้เปิดเผยถึงปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรวจสอบผ่านฟีเจอร์ ‘ID Security’ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูล ส่วนบุคคลของตนเองได้ ในปีที่ผ่านมา ฟีเจอร์ ID Security กลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยเพิ่ม ความระมัดระวังความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล โดยผลการวิเคราะห์พบว่าข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ 41% รั่วไหลไปยังที่ต่าง ๆ เช่น ดาร์กเว็บ และดีพเว็บ ในบรรดาข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลพบว่า 97% เป็น อีเมล และ 88% เป็นเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งอาจมีข้อมูลเช่น วันเดือนปีเกิด ชื่อนามสกุล พาสเวิร์ด รวมถึงข้อมูลอื่นๆ หลุดร่วมไปด้วย

whoscall_statistics_2024_telephone_lines_scammers_sms_highest_SPACEBAR_Photo02_fb152565e8.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์