ย้อนกลับไปวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 เรืออาร์เอ็มเอส ไททานิค (RMS Titamic) หรือฉายาที่ผู้สร้างขนานนามให้ว่า ‘เรือที่ไม่มีวันจม’ สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในยุคนั้น มาพร้อมกับดีไซน์ที่หรูหรา และราคาบัตรโดยสารแสนแพง เพื่อเหล่าอภิมหึมามหาเศรษฐีทั้งหลายจากทั่วยุโรป
โดยเรือแล่นออกจากท่าเรือเซาท์แทมป์ตัน ประเทศอังกฤษ เพื่อไปยังจุดหมายที่มหานครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายในมีสิ่งของอำนวยสะดวกมากมายทั้งสระว่ายน้ำ, ร้านตัดผม, ฟิตเนส, ห้องชุดสุดหรูที่มีไว้สำหรับชนชั้นสูง ส่วนพื้นที่ด่านล่างของเรือเป็นที่พักของเหล่าชนชั้นแรงงาน ดั่งห้องของแจ็คที่เราเห็นในภาพยนตร์ไททานิค ชู้รักเรือล่ม
โดยเรือแล่นออกจากท่าเรือเซาท์แทมป์ตัน ประเทศอังกฤษ เพื่อไปยังจุดหมายที่มหานครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายในมีสิ่งของอำนวยสะดวกมากมายทั้งสระว่ายน้ำ, ร้านตัดผม, ฟิตเนส, ห้องชุดสุดหรูที่มีไว้สำหรับชนชั้นสูง ส่วนพื้นที่ด่านล่างของเรือเป็นที่พักของเหล่าชนชั้นแรงงาน ดั่งห้องของแจ็คที่เราเห็นในภาพยนตร์ไททานิค ชู้รักเรือล่ม



จนในช่วงเวลา 23.40 น. ของคืนวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 ก็ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อกาบขวาของเรือไททานิคชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเป็นทางยาว ทำให้น้ำทะลักเข้าสู่ท้องเรือเป็นจำนวนมาก ก่อนช่วงเวลาตี 2 กว่า ของวันที่ 15 เมษายน เรือไททานิคได้อับปางลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีความเย็นและหนาวจัด
เรื่องราวเหล่านี้ถูกเล่าซ้ำไปซ้ำมา แต่สำหรับวันนี้เราจะนำ 10 เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรือ ‘ไททานิค’ ทั้งเรื่องราวความประมาทที่นำมาสู้ผลพวงอันน่าเศร้าสลด มาเล่าให้ทุกท่านได้ฟัง
เรื่องราวเหล่านี้ถูกเล่าซ้ำไปซ้ำมา แต่สำหรับวันนี้เราจะนำ 10 เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรือ ‘ไททานิค’ ทั้งเรื่องราวความประมาทที่นำมาสู้ผลพวงอันน่าเศร้าสลด มาเล่าให้ทุกท่านได้ฟัง

1.การซ้อมใช้เรือชูชีพที่ถูกยกเลิก
ในช่วงเช้าวันที่ 14 เมษายน คืนก่อนที่เรือจะชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งนั้น อาร์เอ็มเอส ไททานิคได้มีการวางแผนจัดการซ้อมเหตุฉุกเฉิน และกำหนดให้ลูกเรือโดยสารทุกท่านจะต้องมาเข้าร่วมในการซ้อมด้วย แต่ด้วยเหตุผลใดไม่สามารถทราบได้แน่ชัด แผนการซ้อมใช้เรือชูชีพได้ถูกยกเลิกไปในท้ายที่สุด ส่งผลให้ผู้โดยสารจำนวนมากไม่รู้วิธีช่วยเหลือตัวเอง2.เรือชูชีพที่บรรทุกผู้โดยสารเพียงครึ่งลำ
อาร์เอ็มเอส ไททานิคมีเรือชูชีพไม่เพียงพอที่จะบรรทุกผู้โดยสารทั้ง 2,200 ชีวิตให้รอดปลอดภัยไปถึงฝั่ง แต่ความจริงแล้ว เรือชูชีพหลายลำยังว่างเปล่าอยู่อีกครึ่งหนึ่ง เช่นเรือลำแรกบรรทุกผู้คนไปเพียง 28 ชีวิต จากที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ถึง 65 ชีวิตเลยทีเดียว
3.สุนัขผู้รอดชีวิต
ในบรรดาสุนัข 12 ตัวบนเรือไททานิค มีเพียง 3 ตัวที่รอดชีวิต ได้แก่ ปักกิ่ง 1 ตัว และปอมเมอเรเนียน 2 ตัว
4.คำเตือนถี่ๆ ก่อนชนภูเขาน้ำแข็ง
ในวันที่ 14 เมษายน กัปตันสมิธสั่งเดินเรือด้วยความเร็วสูงสุด เนื่องจากเป็นความต้องการของผู้จักการไวท์สตาร์ที่ต้องการลบสถิติเรือโอลิมปิค (เรือลำพี่ของไททานิค) ให้ไปถึงนครนิวยอร์กก่อนเวลากำหนด แต่ในวันเดียวกันนั้นเรือไททานิคก็ได้รับการแจ้งเตือนเรื่องภูเขาน้ำแข็งถึง 7 ครั้งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายระหว่างเดินทางได้5.ภาพลวงตา
บางคนเชื่อว่าภาพลวงตา โดยเฉพาะการหักเหของแสง อาจทำให้ลูกเรือมองไม่เห็นภูเขาน้ำแข็งจนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย6.ไม่มีกล้องส่องทางไกล
เศร้าแต่จริงที่กุญแจไขของกล้องส่องทางไกลบนเรือไททานิคนั้นสูญหายไป ทำให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไม่สามารถใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อมองหาอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ภูเขาน้ำแข็ง เลยต้องใช้การมองด้วยตาเปล่าแทน7.ตั๋วที่แพงที่สุด
ตั๋วที่แพงที่สุดที่ขายบนเรือไททานิคคือตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสราคา 4,350 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่ากับ 69,600 ดอลลาร์สหรัฐในวันนี้8.นักดนตรี
ดังที่เห็นในภาพยนตร์ไททานิคปี 1997 นักดนตรีบนเรืออาร์เอสเอ็ม ไททานิค ได้บรรเลงเพลงเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 5 นาทีในขณะที่เรือกำลังจม โดยไม่มีผู้ใดรอดชีวิต