จากจุดเริ่มต้นในการเล่นดนตรีที่เพียงแค่อยากจะมีพื้นที่แสดงออกความสามารถทางดนตรีในยามว่างสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดดต่อเนื่องจนมีซิงเกิลแรกเป็นของตัวเอง ชนิดที่พวกเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมาได้รวดเร็วขนาดนี้
และนี่คือเรื่องราวของวงดนตรี Yes Indeed วงดนตรีน้องใหม่ไฟแรงที่ผมกำลังจะได้มีโอกาสพูดคุยกับพวกเขาทั้ง 5 คนถึงโอกาสการเติบโตที่ครั้งใหม่ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเรื่องราวซิงเกิลแรกในชีวิตที่มีชื่อว่า ‘เลื่อนชั้น’ ภายใต้บ้านหลังแรกในชีวิตกับค่าย White Music
ฉะนั้นแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ต่อหน้าทุกคนขณะนี้คือเรื่องราวของ Yes Indeed ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่พวกเขาอยากให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการ
และนี่คือเรื่องราวของวงดนตรี Yes Indeed วงดนตรีน้องใหม่ไฟแรงที่ผมกำลังจะได้มีโอกาสพูดคุยกับพวกเขาทั้ง 5 คนถึงโอกาสการเติบโตที่ครั้งใหม่ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเรื่องราวซิงเกิลแรกในชีวิตที่มีชื่อว่า ‘เลื่อนชั้น’ ภายใต้บ้านหลังแรกในชีวิตกับค่าย White Music
ฉะนั้นแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ต่อหน้าทุกคนขณะนี้คือเรื่องราวของ Yes Indeed ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่พวกเขาอยากให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการ
จุดเริ่มต้นการโคจรมาเจอกันของสมาชิกทั้ง 5 คน
พอร์ส: วงพวกเรามันเกิดขึ้นจาก ผมกับแพนเค้ก (เป็นพี่น้องกัน) เริ่มต้นด้วยการทำคลิปในยูทูบอยู่แล้วก่อนหน้านี้ แล้วผลปรากฏว่า มันไม่ค่อยมีคนดู ผมก็เลยตัดสินใจไปเล่นดนตรีเปิดหมวก อยากให้คนเห็นเรา รู้จักพวกเรามากขึ้น เพราะส่วนตัวบุคลิกของผมเป็นคนขี้อายมากๆ เลยได้มีโอกาสออกไปฝึกออกไปทดลองกันดู 2 พี่น้องว่าไปเล่นมาแล้วมันเป็นอย่างไร สรุปพอเล่นไปสักพักมันเริ่มเบื่อ มันมีแค่เครื่องดนตรีคือกีต้าร์กับเสียงร้องเลยตัดสินใจไปชวน ‘มังกร’ มาช่วยตีกลองให้ ฝั่งแพนเค้กก็รู้จักกับ ‘ทะเล’ อยู่แล้วก็เลยไปชวนมาเป็นมือกีต้าร์โซโล่ให้กับวง การเล่นดนตรีของพวกเรามันเลยดูมีอะไรมากขึ้นจนมาถึงสมาชิกคนสุดท้าย ตฤณ เขามาอยู่วงเราได้ด้วยความบังเอิญจากงานลอยกระทงที่เอเชียทีคกับครอบครัวและเห็นพวกเราเล่นอยู่ ทีนี้เขาชื่นชอบการเล่นดนตรีเปิดหมวกอยู่แล้วก็เลยทักหาสมาชิกทุกคนในวง จนแพนเค้กเห็นแล้วไปตอบก็เลยมีโอกาสได้คุยกันตอนเจอกันอีกหน เลยชวนเขาไปร้องเพลงสรุป ไปเล่นดนตรีอื่นแทนดีกว่าน่าจะไม่เวิร์ค (หัวเราะ) เขาก็เลยบอกผมว่าที่บ้านมีเปียโน จากนั้นตฤณก็แบกเปียโนมาเล่นด้วยกันก่อนที่สักพักวงเราจะเริ่มซื้ออุปกรณ์ต่างๆ มามากขึ้นมีความเป็นวงที่จริงจังมากขึ้นครับ
ตฤณ: ผมอยากเล่นดนตรีเปิดหมวกมาตั้งนานแล้วครับ แต่ไม่รู้จะไปเล่นกับใคร อุปกรณ์ก็ยังไม่มีเลยตอนนั้น พอไปเห็นวงนี้เขากำลังเล่นอยู่รู้สึกว่า มันเป็นแรงบันดาลใจที่อยากจะทำให้เราทำอะไรสักอย่างด้วย ผมเลยตัดสินใจทักไปหาพวกเขาแล้วก็กลายมาเป็นสมาชิกวงเหมือนที่พอร์สบอกเลย

ที่มาของชื่อวงเกิดขึ้นจากแฟนเพลง
พอร์ส: ชื่อวงจริงๆ มันเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดปรากฏการณ์สยามแตกขึ้น ช่วงนั้นมักจะมีคอมเมนต์ต่างๆ ว่าอยากให้พวกเรามีชื่อวง ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เคยมีชื่อวงมาก่อน เล่นดนตรีแจมกันสนุกๆ อย่างเดียว พวกเราก็เลยเอาคอมเมนต์มาตีความว่า ‘มันใช่เลย มันต้องแบบนี้สิ’ เลยตั้งชื่อวงว่า Yes Indeed โดยคำว่า Yes แปลว่า ใช่ Indeed เป็นคำแสลงช่วยขยายความอีกทีแพนเค้ก: ตอนนั้นเราเห็นคนเรียกร้องมาเยอะมากๆ เลยตั้งชื่อวงซะหน่อย เพราะถ้าไม่เรียกร้องมาก็ไม่ตั้งจริงๆ (หัวเราะ)
ตฤณ: พวกเราเล่นดนตรีมาเกือบ2 ปีครับ ไม่เคยมีชื่อวงมาก่อนเลย
พอร์ส: ทุกคนก็ถามพวกเรามาตลอดนะว่า ชื่อวงอะไร ผมก็บอกไม่มี ไม่มีจริงๆ ตอนนั้นเขาก็จะตามจากไอจีสมาชิกแต่ละคนครับ
‘สยาม’ พื้นที่ที่ทำให้ทุกคนรู้จัก Yes Indeed
พอร์ส: ต้องบอกว่า จริงๆ แล้วช่วงที่เราเล่นดนตรีมันเป็นความบังเอิญมากๆ ที่พื้นที่ในสยามเขาเริ่มจัดงาน Siam Walking Street พี่ๆ คนที่จัดงานเขาก็มาชวนพวกเราไปเล่นดู เพราะเห็นว่า เราดูมีฐานแฟนคลับน่าจะมีคนมาดูพวกเรา ซึ่งพอไปเล่นครั้งแรกก็คิดว่าไปสนุกๆ คาดหวังว่าจะมีคนหยุดดูเราบ้าง แต่ปรากฏว่า พอไปจริงๆ มีน้องๆ มากมายที่มารอดูพวกเราจริงๆ ครัง ตั้งแต่ยังไม่ตั้งเครื่องเลย มีคนมารอดูเราแล้วตฤณ: วันแรกที่เล่นตรงสยาม ผมเพิ่งเลิกเรียนเลย พอเดินทางมาถึงคนเยอะมาก ทุกคนเริ่มเล่นกันไปแล้ว ผมก็ลากคีย์บอร์ดตั้งขาตั้งแล้วลุยเลย ความคิดตอนนั้นคือก็คงเหมือนกับการเล่นดนตรีเปิดหมวกที่เคยทำมาก่อนหน้านั้น แต่ที่ไหนได้ใครมาจากไหนก็ไม่รู้ เยอะไปหมดเลยครับ
พอร์ส: พอเรื่มดึกคนก็ยิ่งเยอะ คนมุงดูเยอะมาก น่าจะหลักหลายร้อยคนเลย มันเป็นครั้งแรกที่เราเล่นดนตรีแล้วคนทุกช่วงอายุ เขามีความสุขไปกับเรา น้อยคนมากที่จะถ่ายคลิป มันเหมือนแบบทำให้เราส่งพลังถึงเขาได้จริง กลับไปบ้านก็นอนไม่หลับ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันครับ
จากนั้นผมก็ตัดต่อคลิปที่เล่นวันนั้นแล้วไปลง TikTok อยู่ดีๆ มันแมสคนเริ่มเข้ามาดูเรา แล้วก็มีคิวไปเล่นอีกทีอาทิตย์ถัดไป ทีนี้ชีวิตมันก็เปลี่ยนไปเลย ผมนั่งแท็กซี่ไปถึงยังไม่ทันเดินไปเล่นเลย คนก็กรี๊ด คนวิ่งมารุมประมาณนั้นเลย พอเดินไปถึงจุดที่เราต้องเล่นทุกคนมานั่งรอแล้ว มากกว่าร้อยคนมันกลายเป็นพันคนเลย
ทะเล: ครั้งแรกที่เล่นมันเป็นกำแพงแนวเดียวสำหรับคนดู ตอนนี้มันกลายเป็นวงกลม เราก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ยนี่ไม่ใช่เปิดหมวกแล้ว มันคือเล่นคอนเสิร์ตไปแล้ว มันสุดยอดมากครับ
มังกร: ตอนนั้นที่ผมเห็นคน ผมตกใจมากๆ ปกติส่วนตัวเป็นคนค่อนข้างขี้อายอยู่แล้ว พอเดินไปเห็น ยอมรับว่า อยากกลับบ้านเลย (หัวเราะ) คนมันเยอะมาก ขาสั่นเลย เรา็เดินไปเซ็ตของ ทุกคนก็มองตอนเราเซ็ต มันกดดันและเขินมากๆ พอเล่นไปสักพัก ความสนุกมันเริ่มมา มันกลบความเขิน ความอายไป มันรู้สึกว่าน่าจดจำมากๆ ครับกับการไปเล่นที่สยาม

จากการเล่นดนตรีเพื่อความสนุกสู่การทำคอนเสิร์ตในทุกสัปดาห์
แพนเค้ก: ปกติเราจะเล่นแต่พื้นที่ที่คนน้อยๆ มีคนเดินผ่าน พอเราได้มาจุดที่มีคนมานั่งรอตั้งใจมาดูเราเยอะจริงๆ มันทำให้อยากเล่นมากยิ่งขึ้น อยากแสดงให้เขาเห็นว่า พวกเราสามารถส่งพลังถึงเขาได้นะ ตอนแรกที่เข้าไปอยู่จุดที่เล่น ในจุดที่เขาอยู่ มันทำตัวไม่ถูกเลย แต่ก็มีเพื่อนๆ ที่เรารู้จักมาคอยเชียร์ พอทุกคนในวงใส่ชุดนักเรียนต่างโรงเรียนกันอีก มันก็เลยกลายเป็นเหมือนเรามาเล่นให้เพื่อนดูมากกว่า มันก็ช่วยเราได้ในส่วนหนึ่งทะเล: สำหรับผมการเล่นดนตรีมัน็เปลี่ยนไปเยอะเลยครับ ตั้งแต่ช่วงที่เล่น เอเชียทีค ต้องมานั่งคาดหวังว่าจะมีคนดูเรารึเปล่า ตอนนี้มันกลายเป็นว่า เขาตั้งใจดู ตั้งใจเต้นกับเรา มันเปลี่ยนประสบการณ์การเล่นจากแต่ก่อนที่เรากลัว กลายเป็นว่ามันกล้าโชว์กล้าเล่นกับคนดูมากขึ้น ซึ่งทุกอย่างมันก็ต้องมีการคิดและทำเพลย์ลิสต์ต่างๆ ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ตฤณ: อย่างที่บอก จุดประสงค์ผมคืออยากเล่นดนตรีเปิดหมวก พอมาถึงจุดที่คนมาดูเยอะมากๆ ผมก็ตกใจนะ แต่ก็ดีใจมากๆ ที่คนมาดูเราเยอะครับ
ชื่อเสียงที่เข้ามาอย่างรวดเร็วกับการรับมือที่ต้องเติบโตในทุกวัน
พอร์ส: สำหรับผมรู้สึกว่า ต้องอยู่กับมันให้เป็น การที่คนเราดังมันไม่ยาก แต่การที่จะอยู่กับความดังไปได้ยาวๆ มันยากกว่า เพราะฉะนั้น เราต้องทำให้เป็น วางตัวให้ได้ เป็นตัวของตัวเองด้วย มีความสุขกับตัวเอง เป็นสิ่งที่เราเป็นตั้งแต่แรก เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ อยู่กับเพื่อนเป็นยังไง ต้องรู้จักวางตัวให้ถูกครับ

White Music บ้านหลังแรกในชีวิต
แพนเค้ก: ทางค่าย White Music เป็นค่ายที่ให้พวกเราได้เป็นตัวเองเต็มที่ การทำงานทั้งหมด แนวเพลงและหลายๆ อย่างพี่ๆ คอยดูแลพวกเราดีมากๆ ยิ่งแนวเพลงของพวกเราเข้ากับแนวทางของค่ายอยู่แล้วก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีกพอร์ส: ตึกแกรมมี่มันใหญ่มากครับ ผมนั่งรถผ่านกับพ่อตั้งแต่เด็กๆ เป็นเรื่องปกติเลยสำหรับคนที่มีความฝันเป็นศิลปินว่า สักครั้งหนึ่งต้องได้อยู่ที่ตึกนี้ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เราต้องภูมิใจกับมัน แม้มันจะเกิดขึ้นเร็วก็ตาม แต่สิ่งที่ผมทำมันมีระยะเวลาของมัน มันไม่ได้อยู่ดีๆ เราไปเล่นดนตรีเปิดหมวกแล้วดังเลย ก่อนหน้านั้นเราผ่านอะไรมาบ้าง เรารู้อยู่แก่ใจ เรารู้ตัวเองอยู่แล้ว
ตฤณ: เวลาเดินเข้าตึกผมมักจะทำตัวไม่ถูก สะพายกระเป๋าเขินๆ เดินเข้าตึกอยู่เลยครับ (หัวเราะ)
‘เลื่อนชั้น’ ซิงเกิลแรกที่ Yes Indeed ใฝ่ฝันจะมีมาตลอด
พอร์ส: ซิงเกิลนี้พวกเราทุ่มเท ใส่กันเต็มร้อยอยู่แล้ว การร้องเพลงคนอื่น พวกเราสนุกนะ แต่มันขาดอะไรไปบางอย่าง มันไม่ใช่เพลงเรา เรารู้สึกแบบนั้น พวกเราเคยมีโอกาสไปเล่นงานใหญ่ๆ เราเห็นพี่ๆ ศิลปินคนอื่นเขาเล่นเพลงตัวเอง เขาภูมิใจมาก พอตัวเราทำไม เรายังเล่นเพลงคนอื่นวะ อยากมีเพลงตัวเองไปเล่นบ้าง พอได้มีโอกาสทำเพลงเองก็เลยต้องทุ่มเทให้เต็มที่ เราอยากเล่นเพลงที่เล่นแล้วไม่เบื่อตลอดชีวิต
การร่วมงานกับพี่กบ Big Ass และ พี่ณัฐ วง Klear
แพนเค้ก: พี่กบ ตอนแรกที่เจอกัน หนูอ่ะตั้งความคาดหวังไว้ว่า พี่กบต้องดุแน่ๆ ชาวร็อก พอเข้าไปเจอจริงๆ สรุปคือ หนูยังไม่รู้เลยคนไหน หนูจำไม่ได้ (หัวเราะ) ในรูปเขาดูร็อกมาก พอมาตัวจริงเขาอบอุ่น ใจดีมากๆ พี่กบ เขาจะถามข้อมูลต่างๆ ละลายพฤติกรรมของพวกเราหมดเลย เช่น คนนี้เคยโดนหักอกเรื่องอะไรมาบ้าง คนนั้นนิสัยเป็นอย่างไร พี่เขาถามเราหมดเลย มันก็เลยทำให้เรากล้าแสดงออกและรู้สึกละลายพฤติกรรมตัวเองมากขึ้นพอร์ส: ตอนเจอพี่ณัฐก็ดูเป็นชาวร็อกเหมือนกัน แต่พอได้มาสัมผัสจริงๆ พี่ณัฐ เขาดูเป็นคนอบอุ่น ใจดีมากๆ ภาพแรกที่เจอกันคือ เขาเข้ามาจดจากที่พี่กบสัมภาษณ์ จดชีวิตพวกเรา พอวันที่ 2 มาลุยเลยทำเพลงกัน ประมาณนั้นครับ
ขั้นตอนการทำเพลงที่ลงมืออัดทุกอย่างด้วยตัวเอง
พอร์ส: หลังจากที่เขาได้ข้อมูลพวกเราไป พี่เขาก็ส่งเดโมมาให้พวกเราไปทำดนตรีในแบบฉบับของพวกเราเอง มีแก้นิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่ได้เปลี่ยนจากที่เราทำไว้ ทุกคนทำเองหมดเพลงนี้ มีส่วนร่วมกันทุกอย่าง แล้วก็ฝึกประมาณ 2-3 วันจากนั้นอัดจริงเลยทะเล: วันอัดจริง เหมือนรู้สึกว่าไม่ได้อัดเลย พี่เขาหลอกพวกเราว่า ซ้อม แต่พวกผมรู้อยู่แล้วว่า อัด แต่ตอนแรกก่อนหน้านั้นก็แอบกังวลว่า เขาจะให้อัดเลยจริงๆ หรอ แต่พี่เขาบอกว่า อัดเองเลย ถ้าไม่ได้ค่อยว่ากัน มันเป็นครั้งแรกของพวกเราด้วย
มังกร: ช่วงสมัยที่ผมยังเล่นเปิดหมวก ผมเป็นคนที่ไม่เคยเรียนดนตรีมาก่อนเลย แต่พอเราขยับมาเป็นจุดนี้ เราต้องจริงจังและมีมาตรฐานมากขึ้น อย่างในการคิดไลน์กลองต่างๆ เราต้องละเอียดมากขึ้น เมโทรนอมก็ต้องฝึกฟังมาก่อนด้วย ตอนนั้นพอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วถึงไปอัดเพลงนี้อย่างมั่นใจครับ
แพนเค้ก: ของหนูตอนไปอัดไม่ได้กะจะไปร้องจริงเลย พี่ณัฐเขาหลอกให้ไปอัดไกด์ สักพักหนูก็กินพิซซ่าเยอะมาก กินไป 2 ถาด พี่อ๊อฟ Big Ass เขาก็ถามว่า กินเยอะขนาดนี้จะอัดไหวเหรอ เข้าไปห้องอัดหนูก็จุกมาก หนูก็ร้องไปฟีลมันยังไม่ได้
พี่ณัฐเขาก็เลยบอกว่า งั้นปิดไฟทั้งห้องอัดเลย จะได้ไม่เขิน ปิดหมดเลยให้หนูอยู่กับตัวเอง พออัดมาก็เราก็ใส่เสียงที่เป็นตัวเองมากขึ้นไป ใส่คำบางคำที่มันเข้าปากเราขึ้นไป ก็เลยได้ออกมาเป็นเพลงนี้เลย
ทะเล: ฝั่งผมเมื่อก่อนผมชอบอัดเพลงให้เพื่อนอยู่แล้ว ก็จะผ่านมาบ้างแล้วสำหรับวิธีการอัด พอเราไปห้องอัดจริงๆ เราก็ได้เจอกับคนมากมาย เหมือนได้รู้เรื่องเทคนิคต่างๆ ในการอัดกีต้าร์เราต้องทำยังไงบ้าง เราต้องใช้แอมป์อะไร ใช้เสียงแบบไหน รู้สึกได้อัพสกิลตรงนี้
ตฤณ: ตอนแรกที่ไปก็เกร็งมาก แต่พออัดก็ชิวอยู่ (หัวเราะ) เหมือนพี่ๆ เขาก็คุยกันสนุกสนาน เหมือนไปคุยกับเขาซะเป็นส่วนใหญ่

มิวสิกวิดีโอเพลงแรกกับการแสดงครั้งแรกในชีวิตของ ‘มังกร’
มังกร: ตอนแรกที่รู้ว่าต้องเล่นเป็นบทแบบนี้ ผมถามพี่ผู้กำกับว่า เอาจริงเหรอครับ ตกใจครับ แต่บทมาแล้ว เราก็ลุยเลย พี่ๆ เขาก็ใจดี แนะนำ เราควรทำแบบไหนยังไง ลองมาทำดูแล้วก็สนุกครับเป็นประสบการณ์ท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามาครับ (ยิ้ม)ทะเล: ตอนถ่ายมิวสิกวิดีโอมันต้องฟีลนิดนึงครับ มันต้องแอ็คครับ มันจำเป็นมากๆ มันต้องทำ มันต้องฟีลกว่าเดิมเยอะ ให้มุมกล้องมันได้
แพนเค้ก: อย่างหนูปกติจะร้องเพลงวางไมค์ไว้สูงกว่าปกติ ในตอนถ่ายเอ็มวี มันเป็นมุมกล้องที่ต้องต่ำลงมา ทีนี้ต้องทำหน้าองศาให้ได้ด้วย มันจะมีฉากที่แกล้งพระเอกด้วย ตรงนั้นแหละมีความเป็นตัวเองสูงมาก มันผ่านไปแบบง่ายๆ เราไม่เกร็งด้วย มันเล่นด้วยกันมาแบบนี้ด้วย มันเลยสนุกมากกว่า แค่มันง่วงตอนถ่ายเท่านั้นเอง (หัวเราะ)
กระแสตอบรับที่เข้ามา
แพนเค้ก: ภูมิใจ หนูเปิดเพลงนี้ให้ญาติทุกคนฟังหมดเลยย ทุกคนต้องฟังนะ พวกเราตั้งใจทำเต็มที่มากๆ หนูอ่านคอมเมนต์หมดเลย ทุกคนรอมานาน อยากให้พวกเรามาถึงจุดนี้สักที ทุกคนติดตามการเติบโตครั้งนี้ของเรามากๆ เหมือนเขาเติบโตไปกับพวกเราด้วย เราก็รู้สึกเฮ้ย เราทำให้คนที่เขารอมานานรู้สึกดีใจและได้เห็นมันพอร์ส: มิวสิกวิดีโอเพลงแรกปล่อย วันที่สองก็อยากอัดเพลงต่อไปเลย (ยิ้ม)

ความฝันและเป้าหมายของวงที่อยากไปให้ถึงในสักวัน
พอร์ส: อยากเป็นศิลปินที่ทุกคนรู้จักเพลงเรา ผมคาดหวังว่า ตัวเองไม่จำเป็นต้องดังก็ได้ แต่อยากให้เพลงเป็นที่รู้จัก ไปที่ไหนต้องได้ยิน ไปกินหมูกระทะต้องมีคนเล่นสักวัน เดินในห้างได้ยินเพลงเรา อยากมีฟีลแบบนั้นแพนเค้ก: อยากมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง มีเพลงของพวกเราออกมาเยอะๆ จนเป็นอัลบั้ม
ตฤณ: อยากโตไปกับแฟนเพลงไปจนแก่เลย อยากเป็นผู้ใหญ่ที่เล่นดนตรีไปด้วยกันนานๆ กับเพื่อนทั้งวงด้วย
อนาคตกับชีวิตที่จะเกิดขึ้นกับเส้นทางที่ต้องเลือก
ตฤณ: ผมว่า เราเองต้องทำตัวให้พร้อม สำหรับทุกโอกาส เราต้องทำในด้านของดนตรีและวิชาการให้ดีทั้งคู่ ต้องวางแผนว่าจะไปทิศทางไหน ที่มันสามารถไปได้ทั้งหมดทะเล: ส่วนตัวผมเรียนมัธยมปลายสายดนตรีอยู่ มันก็จะเชื่อมต่อกับงานที่เราทำอยู่ด้วย มันก็เหมือนเป็นอนาคตที่เราสามารถต่อยอดได้สำหรับสายงานและการเรียนเส้นทางนี้ครับ
แพนเค้ก: ของหนูจะตั้งใจเรียนในคาบตามงานแล้วก็ส่งไปให้ครู เอาคะแนนไปอุดรอยรั่ว เหมือนกับว่า ถ้าเกิดโอกาสงานมาก็จะเลือกโอกาสก่อน โอกาสมันมีแค่ หนึ่งเปอร์เซ็นต์ในชีวิตพวกเราที่มันจะเกิดขึ้น เราก็จะตั้งใจเรียนไปด้วย
พอร์ส: ของผมก็ต้องแบ่งเวลา การเรียนเราทิ้งไม่ได้ ถ้ามันมีงานผมก็เลือกงาน ทางมหาลัยผมเขาสนับสนุนตรงนี้อยู่แล้ว แค่เวลาสอบทำให้ได้ เรียนให้มันรู้พอ
ครอบครัวและแรงสนับสนุนที่พร้อมผลักดันให้ลูกประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือก
พอร์ส: ที่บ้านผมเป็นนักดนตรีอยู่แล้ว ตอนแรกเขาไม่สนับสนุนเลย แต่ผมก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยเหมือนกันนอกจากเล่นดนตรี ก็ทำไปเรื่อยๆ จนเขาเห็นว่า เราทำได้นะ เขาก็ภูมิใจและยอมรับเรา เราต้องทำให้เขาเห็นก่อน เราไม่ได้ขัดหรือดื้ออะไรมังกร: ตอนแรกผมไปทางภาษาและดนตรีเลย เขาก็สนับสนุนทุกทางเลย เขาซัพพอร์ทด้านดนตรี เหมือนว่า เขาเชื่อว่า เราชอบอะไร เราจะตั้งใจทำสิ่งนั้น ใครตั้งใจทำอะไร ผลมันจะออกมาในแบบที่มันควรจะเป็น ถึงแม้มันจะไม่ได้สมบูรณ์ แต่คนๆ นึงก็ได้ทำสิ่งที่ดีเสมอ ที่บ้านทั้งพ่อและแม่สนับสนุนให้เราเต็มที่ในสิ่งที่เราทำ มาตลอดขอบคุณมากๆ เลยครับ
ทะเล: ตอนแรกพ่อผมจะให้ไปเป็นนักฟุตบอลครับ (หัวเราะ) ผมเจ็บและเล่นไม่ทันเพื่อน มีช่วงหนึ่งพ่อก็เลยสอนเรียนกีต้าร์ ให้เราไปเล่นไปฝึก ไปลองดูนะ เขาก็สนับสนุนเรา ปรากฏเอ้ารุ่งก็เลือกเรียนสายนี้ด้วย
ตฤณ: พ่อแม่สนับสนุนตลอดครับ แต่พ่อแม่ผมเป็นสายวิชาการมาก ตอนนั้นผมไม่มีความคิดจะมาทางด้านดนตรีเลย ชอบดนตรี แต่ไม่มีความคิดจะไปด้านดนตรี ไม่ได้มีความคิดจะให้ลูกไปด้านดนตรีด้วย พอมาเล่นดนตรีเปิดหมวก ทุกอย่างมันไปได้ เขาก็เปิดโอกาสและซัพพอร์ททุกๆ เรื่องเลย

ฝากผลงานและวง Yes Indeed
พอร์ส: ฝากเพลง ‘เลื่อนชั้น’ ด้วยเป็นซิงเกิลแรกของพวกเรา ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ ติดตามพวกเราได้ทุกแพลตฟอร์มเลยครับแพนเค้ก: ขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่มาฟังเพลงของพวกเรา ขอบคุณการสนับสนุนที่ดีที่มีมาตลอด ขอบคุณทุกคอมเมนต์ เราอ่านหมดและพร้อมที่จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ หวังว่า ซิงเกิลต่อไปทุกคนจะรอและให้การสนับสนุนตลอดไป
มังกร: ถ้าไม่มีทุกคนก็ไม่มีเราในวันนี้ วันนี้ได้เป็นศิลปินแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ใจดีกับเราเสมอมาครับ
ตฤณ: ขอบคุณที่ทำให้ความฝันเด็กอย่างพวกเราเป็นจริง ขอบคุณแฟนคลับทุกคน
ทะเล: ขอบคุณทุกคำติชมต่างๆ ที่ทำให้เราพัฒนา ผมอ่านตลอด ผมจะเก็บมาพัฒนาทั้งทางด้านจิตใจและการเล่นดนตรีของพวกเราเสมอ ขอบคุณทุกคนครับ