
หลายคนคงรู้จัก Lauv (ลาวฟ์) ศิลปินเพลงป็อปชาวอเมริกัน เจ้าของบทเพลงฮิตติดหูที่หลายคนชื่นชอบอย่าง I Like Me Better ที่ครองชาร์ตอันดับเพลง Billboard Hot 100 นานถึง 41 สัปดาห์ในฐานะนักร้องและนักเล่าเรื่อง ผู้คอยแบ่งปันความรู้สึก ความคิด และสิ่งที่พบเจอในช่วงเวลาต่างๆ ผ่านบทเพลงที่มีความแปลกใหม่และกลายเป็นที่นิยมอยู่เสมอ แม้ตัวตนของเขาจะถูกบอกเล่าผ่านบทเพลงมานับไม่ถ้วน แต่หนึ่งสิ่งที่ผู้คนมักไม่รู้เกี่ยวกับเขาคือความเป็น ‘สิงโตใจดีที่หลงใหลในประเทศไทย’
อารี สเตแพรนส์ เลฟฟ์ (Ari Staprans Leff) เกิดในรัฐแคลิฟอร์เนีย และใช้ชีวิตวัยเด็กในย่านชานเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย แม้จะเกิดและเติบโตขึ้นมาในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มรูปแบบ แต่เดิมทีครอบครัวของเขามีเชื้อสายลัตเวียน นั่นจึงทำให้ชื่อของเขา Lauv มีความหมายว่า ‘สิงโต’ ในขณะที่ชื่อจริงอย่าง Ari Leff แปลว่า ‘แมวใจดี’
อารี สเตแพรนส์ เลฟฟ์ (Ari Staprans Leff) เกิดในรัฐแคลิฟอร์เนีย และใช้ชีวิตวัยเด็กในย่านชานเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย แม้จะเกิดและเติบโตขึ้นมาในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มรูปแบบ แต่เดิมทีครอบครัวของเขามีเชื้อสายลัตเวียน นั่นจึงทำให้ชื่อของเขา Lauv มีความหมายว่า ‘สิงโต’ ในขณะที่ชื่อจริงอย่าง Ari Leff แปลว่า ‘แมวใจดี’

ประเทศไทย ที่พักพิงใจของสิงโต
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 Lauv เดินทางมาแสดงที่ประเทศไทยครั้งแรกในฐานะศิลปินแสดงเปิดคอนเสิร์ตของ เอ็ด ชีแรน (Ed Sheeran) ที่ได้สร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์สนุกสนานจนทำให้แฟนๆ ชาวไทยต่างตกหลุมรักละเฝ้ารอการกลับมาของเขา ซึ่งแม้ใช้เวลานานกว่า 5 ปีแต่ Lauv ก็กลับมาตามสัญญาที่มอบไว้ให้ในงานเทศกาลดนตรี VERY FESTIVAL 2022 ที่ทำให้เขาหวนคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ความทรงจำแสนสุขที่เคยเกิดขึ้นพร้อมๆ กับแฟนชาวไทย นั่นจึงจุดประกายความคิดที่ทำให้เขาอยากกลับมาสัมผัสบรรยากาศอบอุ่นเช่นนั้นอีกครั้ง และทำให้เกิดไอเดียการจัดคอนเสิร์ต ‘Lauv: The Between Albums Tour with Special Guest Alexander23’ คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยของเขา“อาจฟังดูเกินไปหน่อย แต่ประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่มีพลังบางอย่างที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก ทุกครั้งที่เดินทางมาผมมักจะได้รับความสบายใจเสมอ มันทำให้รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนแม้จะรู้ว่าเป็นการมาทำงานก็ตาม (หัวเราะ)”

“ทุกครั้งที่เดินทางมาที่นี่ แม้จะมีเวลาไม่มากเท่าไหร่ แต่ผมชอบการออกไปสำรวจสิ่งใหม่ๆ เสมอ ทั้งวัด ตลาดนัด และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งหมดนี้อาจฟังดูเป็นเรื่องเบสิกที่ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่นัก แต่สำหรับผมรู้สึกว่าวัฒนธรรม บ้านเมือง ผู้คนที่นี่ใจดีและมีเอกลักษณ์สุดๆ อย่างเมื่อคืนผมไปดูมวยไทยมา ทุกคนดูสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายจนน่ากลัว แต่พอระฆังตีหมดเวลาการต่อสู้ ความดุดันกลับแปรเปลี่ยนเป็นอ้อมกอดและรอยยิ้มในพริบตา ทุกคนดูเข้าใจและให้อภัยกันเป็นอย่างดี มันเป็นเรื่องที่แปลกใหม่และหาเจอได้ยากมากสำหรับผม”
น้ำเสียงสนุกสนานและแววตาเป็นประกายราวกับเด็กที่เพิ่งพบสิ่งแปลกใหม่ที่น่าสนใจ ความตื่นเต้นของเขาทำให้เราสงสัยว่านอกจากมวยไทยแล้ว มีอะไรอีกไหมที่ทำให้เขาประทับใจ
“มันอาจจะฟังดูคลีเชนะ แต่ผมชอบส้มตำไทยมาก มันอร่อยมากจริงๆ ถึงจะกินเผ็ดได้ไม่มาก แต่ผมว่ารสชาติจัดจ้านแบบที่เป็นอยู่คือสิ่งที่ทำให้มันอร่อย และการนั่งกินไปปาดเหงื่อไปด้วยก็สนุกดี (หัวเราะ)”
น้ำเสียงสนุกสนานและแววตาเป็นประกายราวกับเด็กที่เพิ่งพบสิ่งแปลกใหม่ที่น่าสนใจ ความตื่นเต้นของเขาทำให้เราสงสัยว่านอกจากมวยไทยแล้ว มีอะไรอีกไหมที่ทำให้เขาประทับใจ
“มันอาจจะฟังดูคลีเชนะ แต่ผมชอบส้มตำไทยมาก มันอร่อยมากจริงๆ ถึงจะกินเผ็ดได้ไม่มาก แต่ผมว่ารสชาติจัดจ้านแบบที่เป็นอยู่คือสิ่งที่ทำให้มันอร่อย และการนั่งกินไปปาดเหงื่อไปด้วยก็สนุกดี (หัวเราะ)”

การขยายอาณาเขตทางเสียงดนตรี
แม้ Love U Like That ซิงเกิลใหม่ล่าสุดของ Lauv จะดูเหมือนเพียงบอกเล่าเรื่องราวความรักและความหลงใหลระหว่างคนสองคนเท่านั้น แต่ Lauv กลับบอกกับเราว่าอันที่จริงหลังจากทำเพลงไปเรื่อยๆ เขาเริ่มคิดว่าเพลงนี้เป็นเรื่องราวการพุดคุยของเขากับตัวเองเสียมากกว่า มันกำลังบอกใ่ห้เขารัก ยอมรับ และไม่ตัดสินตัวเอง เขาจึงพยายามใช้ชีวืตให้มีอิสระ สนุกสนาน และมีความสุขมากขึ้นจนมันสะท้อนออกมาผ่านเสียงดนตรีที่ทำให้เราได้เห็นด้านใหม่ๆ ของเขายิ่งขึ้นด้วยแนวคิดที่เขาเล่าให้ฟัง เราจึงถามถึงแนวเพลงที่เขาแอบบอกลับๆ บนสตรีมมิ่งแพล็ตฟอร์มหนึ่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่กำลังเตรียมคอนเสิร์ตในประเทศไทยว่า เขากำลังเขียนเพลงอยู่ที่นี่

“คุณรู้ได้ยังไง? ผมอุตส่าห์เลือกช่องทางแอบบอกที่ไม่คิดว่าจะมีคนดูเยอะแล้วนะ” เขาทำหน้าตกใจอย่างน่าเอ็นดู “อันที่จริงตอนนี้ผมเขียนเพลงอยู่เยอะมาก ผมพยายามสำรวจด้านใหม่ๆ ของตัวเอง และค้นหาความสุขที่แท้จริงให้เจอ เพลงส่วนใหญ่ที่กำลังเขียนสำหรับอัลบั้มใหม่จึงจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่และแตกต่างจากที่เคยมี”
ในทุกบทเพลงของ Lauv เรามักจะได้ยินเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก และแนวดนตรีที่มีความสดใหม่อยู่เสมอ นั่นจึงทำให้แฟนๆ ทุกคนคอยติดตามดูผลงานและการเติบโตทางดนตรีของเขามาตลอด ยิ่งในครั้งนี้ที่เขาบอกว่ามันจะแตกต่างจากเดิมไปมาก ยิ่งทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะแตกต่างไปมากขนาดไหน
“ผมอยากทำเพลงเต้นที่มีจังหวะดนตรีสนุกๆ ให้ทุกคนได้โยกตาม อาจจะมีความเป็น ป็อป-พั้งก์ หรือ อัลเทอร์เนทีฟร็อก สักหน่อย แล้วก็อาจจะใส่ท่อนแร็ปเข้าไป ผมว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ทั้งสำหรับคนฟังและตัวผมเองด้วย”
ในทุกบทเพลงของ Lauv เรามักจะได้ยินเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก และแนวดนตรีที่มีความสดใหม่อยู่เสมอ นั่นจึงทำให้แฟนๆ ทุกคนคอยติดตามดูผลงานและการเติบโตทางดนตรีของเขามาตลอด ยิ่งในครั้งนี้ที่เขาบอกว่ามันจะแตกต่างจากเดิมไปมาก ยิ่งทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะแตกต่างไปมากขนาดไหน
“ผมอยากทำเพลงเต้นที่มีจังหวะดนตรีสนุกๆ ให้ทุกคนได้โยกตาม อาจจะมีความเป็น ป็อป-พั้งก์ หรือ อัลเทอร์เนทีฟร็อก สักหน่อย แล้วก็อาจจะใส่ท่อนแร็ปเข้าไป ผมว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ทั้งสำหรับคนฟังและตัวผมเองด้วย”

การเติบโตของเจ้าป่าแห่งวงการเพลงป็อบ
หากจะนึกถึงศิลปินสักคนที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในวงการเพลงป็อป ชื่อของ Lauv คงจะเป็นชื่อแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในความคิดของใครหลายๆ เพราะความสำเร็จที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การปล่อยอัลบั้มชุดแรกอย่าง I Met You When I Was 18 (2018) ที่ได้รับการสตรีมมากกว่าพันล้านครั้งบนสตรีมมิงแพล็ตฟอร์ม รวมถึงรางวัล Best New Pop Artist จาก MTV Europe Music Awards 2019 อีกด้วย ผลงานเพลงที่ถูกผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องและความนิยมตลอด 5 ปีที่ผ่านมาคงจะพิสูจน์ได้แล้วว่าสิงโตตัวนี้ คือ ‘สิงโตเจ้าป่า’ แห่งวงการเพลงป็อปในปัจจุบัน“มันเป็นเรื่องที่บ้ามากและดูไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสำหรับผม ผมรู้สึกโชคดีมากๆ ที่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่รัก และสิ่งนั้นก็ยังได้รับความรักจากทุกคนต่อ”
“ผมรู้สึกขอบคุณแฟนเพลงทุกคนมากๆ ผมไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนพวกคุณยังไงได้บ้าง มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกขอบคุณที่พวกคุณชอบผลงานของผม แต่มันคือความรู้สึกขอบคุณที่รักและอยู่เคียงข้างผมตลอดมา ไม่ว่าผมจะเป็นยังไง พวกคุณยังคงรักผมเสมอ เพราะฉะนั้นผมเลยหวังว่าผมเองก็อาจจะเป็นต้นแบบในด้านนั้นให้พวกคุณได้บ้าง ต้นแบบในการที่ไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน และไม่กลัวที่จะเป็นตัวเอง อย่ายอมจำนนและไหลไปตามกระแสของใครเพียงเพราะค่าสังคมมันบีบให้เราเป็น เราทุกคนสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่พวกเราอยากเป็น หากวันไหนที่พวกขึ้นอยากลุกขึ้นมาสู้และอยากได้คนซัพพอร์ต โปรดมองมาที่ผม ผมจะอยู่ตรงนี้เหมือนที่พวกคุณเคยอยู่เพื่อผมเหมือนกัน”