DDU Korean Drama Awards ครั้งที่ 3 หรือรางวัลจากเพจ DDU (ดดู) เพจดังของคนรักซีรีส์และภาพยนตร์เกาหลีในไทยได้ยกให้พัคแฮยอง (Park Hae-Young) นักเขียนบทมือทองได้รางวัลบทซีรีส์ยอดเยี่ยมอีกครั้ง จาก My Liberation Notes ซีรีส์รักของคนทำงานที่เล่าถึงความเว้าแหว่งในจิตใจของคน ความอึดอัดของการถูกตีกรอบในสังคม และการไขว่คว้าความรักที่เป็นเหมือนประตูสู่อิสรภาพที่แท้จริงของชีวิต
My Liberation Notes

เล่าเรื่องราวชีวิตของพี่น้องสามคน และหนึ่งคนแปลกหน้าที่เชื่อมโยงกันด้วยความเหงา
เนื้อเรื่องหลักเล่าผ่าน มีจอง (Kim Ji-Won) น้องเล็กนางเอกของเรื่อง สาวออฟฟิศอินโทรเวิร์ทที่ต้องการบางอย่างมาเติมเต็มในชีวิตและวันหนึ่งเธอก็เริ่มตัดสินใจบอกบางอย่างกับคุณกู ชายแปลกหน้าข้างบ้าน
คุณกู (Son Suk-Ku) ชายแปลกหน้าปริศนาที่เข้ามาช่วยพ่อของมีจองทำงาน ภาพจำของคุณกูคือชายที่ได้แต่ดื่มโชจูอยู่หน้าบ้านทุกวัน
เนื้อเรื่องหลักเล่าผ่าน มีจอง (Kim Ji-Won) น้องเล็กนางเอกของเรื่อง สาวออฟฟิศอินโทรเวิร์ทที่ต้องการบางอย่างมาเติมเต็มในชีวิตและวันหนึ่งเธอก็เริ่มตัดสินใจบอกบางอย่างกับคุณกู ชายแปลกหน้าข้างบ้าน
คุณกู (Son Suk-Ku) ชายแปลกหน้าปริศนาที่เข้ามาช่วยพ่อของมีจองทำงาน ภาพจำของคุณกูคือชายที่ได้แต่ดื่มโชจูอยู่หน้าบ้านทุกวัน

“เชิดชูฉันสิ”
มีจองพูดกับคุณกูชายแปลกหน้าที่เธอไม่แม้แต่จะเคยคุยด้วย เธอเอ่ยประโยคนี้ด้วยความเหนื่อยล้าว้าเหว่ขณะเดินผ่านคุณกูที่กำลังนั่งดิ่มโชจูอยู่ที่เดิมประจำเหมือนทุกวันโดยไม่ทำอย่างอื่น
มีจอง : คุณดื่มเหล้าทุกวันเลยเหรอคะ?
คุณกู : งั้นจะให้ทำอะไร?
มีจอง : เชิดชูฉันค่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นมาก่อนในชีวิต .. เพราะงั้นเชิดชูฉัน ให้ฉันรู้สึกเติมเต็มหน่อยค่ะ
“ความจริงของชีวิตแบบไม่โรแมนติไซส์”
ด้วยบทซีรีส์ที่เล่าความจริงของชีวิตคนแบบที่ไม่มีฟิวเตอร์กั้นไม่โรแมนติไซส์หรือไม่มโนโรแมนติกทำให้บทสนทนาใน My Liberation Notes ออกมาจากความต้องการในจิตใจของตัวละครลึกๆ ตัวละครในเรื่องอย่างมีจองที่เจอกับหนี้สินจากชายคนรักเก่า การนินทาว่าร้ายในที่ทำงาน เธอไม่ได้บอกว่าสิ่งท่ีต้องการจากคุณกูคือการคบกันหรือความรัก แต่คือการเชิดชูซึ่งกันและกัน ยกย่องกันในทุกบทบาทธรรมดาของชีวิต
มีจองพูดกับคุณกูชายแปลกหน้าที่เธอไม่แม้แต่จะเคยคุยด้วย เธอเอ่ยประโยคนี้ด้วยความเหนื่อยล้าว้าเหว่ขณะเดินผ่านคุณกูที่กำลังนั่งดิ่มโชจูอยู่ที่เดิมประจำเหมือนทุกวันโดยไม่ทำอย่างอื่น
มีจอง : คุณดื่มเหล้าทุกวันเลยเหรอคะ?
คุณกู : งั้นจะให้ทำอะไร?
มีจอง : เชิดชูฉันค่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นมาก่อนในชีวิต .. เพราะงั้นเชิดชูฉัน ให้ฉันรู้สึกเติมเต็มหน่อยค่ะ
“ความจริงของชีวิตแบบไม่โรแมนติไซส์”
ด้วยบทซีรีส์ที่เล่าความจริงของชีวิตคนแบบที่ไม่มีฟิวเตอร์กั้นไม่โรแมนติไซส์หรือไม่มโนโรแมนติกทำให้บทสนทนาใน My Liberation Notes ออกมาจากความต้องการในจิตใจของตัวละครลึกๆ ตัวละครในเรื่องอย่างมีจองที่เจอกับหนี้สินจากชายคนรักเก่า การนินทาว่าร้ายในที่ทำงาน เธอไม่ได้บอกว่าสิ่งท่ีต้องการจากคุณกูคือการคบกันหรือความรัก แต่คือการเชิดชูซึ่งกันและกัน ยกย่องกันในทุกบทบาทธรรมดาของชีวิต

“เธอมั่นใจไหมว่าเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง เธอกับฉันจะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง”
ตัวละครทั้งสามพี่น้องที่ต่างมีชีวิตธรรมดา หรือแม้แต่คุณกูที่จมอยู่กับความเศร้ากลับได้มุมมองในชีวิตที่แปลกไปเมื่อเริ่มมีความรัก ถึงแม้จะเป็นความรักแบบที่เริ่มอย่างแปลกประหลาด เริ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ หรือเริ่มจากความเสียใจ แต่เมื่อได้เริ่มแล้วตัวซีรีส์ก็บอกกับเราว่าเมื่อเราเจอคนที่พร้อมสนับสนุนและมีคนให้เรานึกถึง เมื่อนั้นความเศร้าเสียใจที่เราได้พบเจอในชีวิตจะมีวันหมดไปและจะเปลี่ยนเราไปเป็นอีกคนอย่างแน่นอน
ตัวละครทั้งสามพี่น้องที่ต่างมีชีวิตธรรมดา หรือแม้แต่คุณกูที่จมอยู่กับความเศร้ากลับได้มุมมองในชีวิตที่แปลกไปเมื่อเริ่มมีความรัก ถึงแม้จะเป็นความรักแบบที่เริ่มอย่างแปลกประหลาด เริ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ หรือเริ่มจากความเสียใจ แต่เมื่อได้เริ่มแล้วตัวซีรีส์ก็บอกกับเราว่าเมื่อเราเจอคนที่พร้อมสนับสนุนและมีคนให้เรานึกถึง เมื่อนั้นความเศร้าเสียใจที่เราได้พบเจอในชีวิตจะมีวันหมดไปและจะเปลี่ยนเราไปเป็นอีกคนอย่างแน่นอน

“ชมรมอิสรภาพ”
ที่มีจองและเพื่อนในบริษัทก่อตั้งเพื่อแยกย้ายกันเขียนถึงเรื่องราวธรรมดาเพื่อมองหาอิสรภาพในชีวิต ถูกตั้งคำถามว่าเป้าหมายของชมรมนี้อยู่ที่ไหน? มีจองกลับตอบคำถามด้วยการชี้ไปที่ทางด้านหน้าแทน “ฉันจะฝ่าจากที่นี่ไปที่นั่น” ซึ่ง “ที่นั่น” ของมีจองเธอเองก็อาจยังไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน แต่มันคือการเริ่มเดินฝ่าอุปสรรค มองหาหนทางสู่อิสรภาพ(ทางใจ)และก้าวไปข้างหน้าในชีวิต
“อิสรภาพคือสิ่งที่ความรักจะมอบให้”
My Liberation Notes ไม่ได้เล่าถึงการเปิดทางสู่อิสรภาพ(ทางใจ)อย่างโจ่งแจ้งกระทันหันแต่เล่าถึงการเดินทางอย่างค่อยเป็นค่อยไปของตัวละครแบบ Slice of life คนดูจะไม่ได้ดูซีรีส์รักโรแมนติกแบบมีซีนเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ชัดเจนแต่จะได้ดูการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของผู้คน เล่าด้วยความรักในความธรรมดาและสิ่งเล็กๆ ที่จะพาให้หัวใจใจรู้สึกถึงอิสรภาพการหลุดพ้นจากความทุกข์ในชีวิตทุกๆ วันอย่างอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว
ที่มีจองและเพื่อนในบริษัทก่อตั้งเพื่อแยกย้ายกันเขียนถึงเรื่องราวธรรมดาเพื่อมองหาอิสรภาพในชีวิต ถูกตั้งคำถามว่าเป้าหมายของชมรมนี้อยู่ที่ไหน? มีจองกลับตอบคำถามด้วยการชี้ไปที่ทางด้านหน้าแทน “ฉันจะฝ่าจากที่นี่ไปที่นั่น” ซึ่ง “ที่นั่น” ของมีจองเธอเองก็อาจยังไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน แต่มันคือการเริ่มเดินฝ่าอุปสรรค มองหาหนทางสู่อิสรภาพ(ทางใจ)และก้าวไปข้างหน้าในชีวิต
“อิสรภาพคือสิ่งที่ความรักจะมอบให้”
My Liberation Notes ไม่ได้เล่าถึงการเปิดทางสู่อิสรภาพ(ทางใจ)อย่างโจ่งแจ้งกระทันหันแต่เล่าถึงการเดินทางอย่างค่อยเป็นค่อยไปของตัวละครแบบ Slice of life คนดูจะไม่ได้ดูซีรีส์รักโรแมนติกแบบมีซีนเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ชัดเจนแต่จะได้ดูการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของผู้คน เล่าด้วยความรักในความธรรมดาและสิ่งเล็กๆ ที่จะพาให้หัวใจใจรู้สึกถึงอิสรภาพการหลุดพ้นจากความทุกข์ในชีวิตทุกๆ วันอย่างอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว