*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์บางส่วน*
“ความยุติธรรมที่ปราศจากอำนาจนั้นไร้ประโยชน์ และอำนาจที่ปราศจากความยุติธรรมนั้นไม่ต่างอะไรกับความรุนแรง”
“พลังของเงินและแรงแห่งอำนาจกำลังเหยียบย่ำพวกเราอยู่ บรรดาเศรษฐีกลายเป็นพระราชา คำสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกของพวกเขาเป็นเพียงคำหลอกลวงที่ใช้บังหน้าเท่านั้น”โอ กยองซุก กล่าวปราศรัยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ชี้ให้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมและความเน่าเฟะของสังคม ปลดเปลื้องคำหวานและหน้ากากหลอกลวงของนักการเมือง เผยให้เห็นความจริง ที่ประชาชนควรได้รับรู้ก่อนจะใช้สิทธิและเสียงเลือกผู้นำ
ร้อนระอุไม่ต่างจากการเมืองของประเทศไทย ‘Queenmaker ฉันจะปั้นราชินี’ ออริจินัลซีรี่ย์บนสตรีมมิงแพลตฟอร์ม Netflix ซีรี่ย์การเมืองเฉือดเฉือนที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา ได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง คิม ฮีแอ (Kim Hee Ae) และ มุน โซรี (Moon So Ri) ร่วมแสดงบทนำ กวาดคำวิจารณ์เชิงบวกและคะแนนจาก IMDb ไปถึง 7.9 คะแนน กลายเป็นซีรี่ย์ที่พุ่งขึ้นสู่อันดับสูงสุดในเวลาเพียงสองวันหลังจากเปิดตัว
Queenmaker คือเรื่องราวของ ฮวัง โดฮี หัวหน้าฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ นักแก้ปัญหาที่คอยสะสางเรื่องราวให้ อึนซองกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ระดับประเทศ มานานกว่า 10 ปี จนถูกเรียกว่า ‘กระโถนของอึนซอง’
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาคดีทำร้ายร่างกายพนักงานและคนขับรถของ อึน แชรยอง ลูกสาวคนรองของตระกูลอึน ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนไปที่เสื้อผ้าที่แชรยองสวมใส่ และใช้อาการผมร่วงเป็นข้ออ้างถึงภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ไปจนถึงการแก้ปัญหาการปักหลักประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กลุ่มแรงงานสตรีของ โอกยองซุก ทนายความหญิงผู้ต่อสู้เพื่อชนชั้นแรงงาน ที่ตั้งแคมป์ประท้วงบนชั้นดาดฟ้าของห้างอึนซองเป็นเวลานานกว่า 78 วัน
แล้วเหตุการณ์ที่สั่นคลอนความคิดของเธอก็เกิดขึ้น เมื่อ ฮวัง โดฮี ถูกหลอกใช้ให้ปกปิดเรื่องราวชู้สาวของลูกเขยตระกูลอึนอย่าง แพค แจมิน ที่อ้างว่าถูกเลขาแบล็คเมล์และข่มขู่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ แต่แท้จริงเขากลับข่มขืนและฆาตกรรมเธออย่างไร้ปรานี เมื่อ ฮวัง โดฮี พบกับความจริงอีกด้านที่เกินรับได้ ราวกับสวิตช์ความดีที่ถูกปิดตายมานานด้วยความจงรักภักดีถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง การล้างแค้นเพื่อทวงคืนความยุติธรรมจึงเริ่มต้นขึ้น
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาคดีทำร้ายร่างกายพนักงานและคนขับรถของ อึน แชรยอง ลูกสาวคนรองของตระกูลอึน ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนไปที่เสื้อผ้าที่แชรยองสวมใส่ และใช้อาการผมร่วงเป็นข้ออ้างถึงภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ไปจนถึงการแก้ปัญหาการปักหลักประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กลุ่มแรงงานสตรีของ โอกยองซุก ทนายความหญิงผู้ต่อสู้เพื่อชนชั้นแรงงาน ที่ตั้งแคมป์ประท้วงบนชั้นดาดฟ้าของห้างอึนซองเป็นเวลานานกว่า 78 วัน
แล้วเหตุการณ์ที่สั่นคลอนความคิดของเธอก็เกิดขึ้น เมื่อ ฮวัง โดฮี ถูกหลอกใช้ให้ปกปิดเรื่องราวชู้สาวของลูกเขยตระกูลอึนอย่าง แพค แจมิน ที่อ้างว่าถูกเลขาแบล็คเมล์และข่มขู่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ แต่แท้จริงเขากลับข่มขืนและฆาตกรรมเธออย่างไร้ปรานี เมื่อ ฮวัง โดฮี พบกับความจริงอีกด้านที่เกินรับได้ ราวกับสวิตช์ความดีที่ถูกปิดตายมานานด้วยความจงรักภักดีถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง การล้างแค้นเพื่อทวงคืนความยุติธรรมจึงเริ่มต้นขึ้น
‘ภาพลวงตาของความจริง’ ทุกความเชื่ออาจไม่จริงเสมอไป
“การพูดโกหกบ่อยๆ ซ้ำๆ จะทำให้มันกลายเป็นความจริง”กลไกการสร้างภาพลวงตาของความจริงที่เกิดจากความเคยชินในการรับรู้ของมนุษย์ เช่น เมื่อคุณรู้ว่าหญ้าเป็นสีเขียว คุณก็อาจจะเชื่อว่าสีย้อมที่ทำจากหญ้าจะให้สีเขียวเช่นกัน กลับกัน หากมีผู้คนรอบตัวคอยพูดตอกย้ำว่าสีย้อมหญ้าเป็นสีฟ้า ถึงแม้คุณจะรู้ว่าหญ้าเป็นสีเขียว แต่ก็อาจจะคิดว่าสีย้อมหญ้าเป็นสีฟ้าได้ เนื่องจากความเคยชินจากการรับรู้
ฮวัง โดฮี ก็เช่นกัน
ตัวละครฮวังโดฮี และทีมวางแผนกลยุทธ์ทั้งหมดจากอึนซองกรุ๊ป เป็นภาพแทนของกลุ่มคนที่ถูกปลูกฝังด้วยชุดความคิดและใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ทำให้เชื่อว่า ‘คนรวย’ คือคนที่ถูกต้องเสมอ แม้จะต้องเจอกับเหตุการณ์หรือปัญหาที่ทำให้ต้องยืนอยู่บนทางแยกของความถูกผิด พวกเธอก็มักจะตัดสินใจไหลไปตามความเชื่อที่ถูกปลูกฝังมากกว่าจะใช้สัญชาติญาณของตัวเองในการตัดสินใจ เพราะสำหรับพวกเธอ ‘คนรวย’ คือ ‘เจ้านาย’ และ ‘คนจน’ เป็นเพียง ‘สุนัขรับใช้’ เท่านั้น
“ท่านประธานซนนี่ดีจริงๆ ที่มีคนฉลาดแบบนั้นคอยรับใช้ตลอด เหมือนพาหมาที่กินง่ายถ่ายทุกที่เข้าบ้าน มันก็จะคิดว่าตัวเองเป็นคน อัปเกรดขึ้นมาเชียว”
คำพูดของเพื่อนประธาน ซน ยองชิม เจ้าของอึนซองกรุ๊ป ที่แสดงให้เห็นถึงการแบ่งแยกชนชั้นของตนกับ ฮวัง โดฮี แม้เธอจะทำงาน คอยดูแล และแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตพวกเขามานานกว่า 10 ปีแล้วก็ตาม สิ่งนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำและแสดงให้เห็นว่าในโลกของคนรวย คนจนเป็นเพียงเบี้ยล่างที่มีไว้ใช้ประโยชน์เมื่อยามจำเป็นเท่านั้น
เมื่อแรงสั่นสะเทือนจากการถูกหลอกใช้ทำให้เกราะของเงินที่เคยบดบังโลกแห่งความถูกต้องสลายไป ฮวัง โดฮี ตัดสินใจเข้าหาโอ กยองซุก ทนายความหญิงแกร่งที่ต่อสู้เรื่องสิทธิสตรีมาตลอดชีวิต พร้อมจะต่อสู้และพุ่งชนใส่ทุกปัญหาเหมือนแรด ด้วยความเชื่อมั่นในความถูกต้องและอยากเปลี่ยนแปลงโลกให้ดียิ่งขึ้นของ โอ กยองซุก ฮวัง โดฮีจึงช่วยผลักดันให้เธอเข้าสู่ศึกชิงเก้าอี้ นายกเทศมนตรีกรุงโซล เพื่อแก้แค้นและขัดขวางไม่ให้ แพค แจมิน ได้ครอบครองมันอย่างที่อึนซองกรุ๊ปวางแผนไว้
เพราะทุกคน ‘เท่าเทียม’ กัน การเคารพและรับฟังซึ่งกันและกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ
คุณเคยต้องใช้ชีวิตกับใครที่มีความแตกต่างกับคุณสุดขั้วไหม?เขาอยากไปซ้ายแต่คุณอยากไปขวา เขาชอบสีขาวแต่คุณชอบสีดำ เขาชอบพูดคุยโหวกเหวกเสียงดัง ในขณะที่คุณชอบอยู่เงียบๆ ในมุมของคุณคนเดียว
คนเราไม่มีใครเหมือนกันร้อยเปอร์เซนต์ ไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา ลักษณะนิสัย ชาติพันธุ์ หรือเเม้กระทั่งความคิด หลายครั้งเราพบเห็นการง้องอน ทะเลาะวิวาท และแยกจากกันไปเพราะความแตกต่างที่เกิดขึ้น
แต่ไม่ใช่กับ ฮวัง โดฮี และ โอ กยองซุก
ในตอนต้น เมื่อทั้งสองตัดสิ้นใจจะร่วมต่อสู้ด้วยกัน โอ กยองซุก รับรู้ถึงอุดมการณ์ที่แตกต่างกันของพวกเธอ เธอจึงได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจน และกล่าวว่า
“สัญญากับชั้นสิว่าจะไม่บังคับให้ฉันทำตามวิธีของเธอ เงินที่ไม่สุจริต กลอุบายที่ไม่ยุติธรรม คอนเนคชันที่น่ารังเกียจของเธอ ฉันขอปฏิเสธทั้งหมด”
โดฮีตอบ
“ฉันสัญญา แต่ถ้าคุณเห็นด้วยกับกลยุทธ์ของฉันเมื่อไหร่ ห้ามพูดพร่ำทำเพลงและทำตามฉันแต่โดยดี”
ประโยคข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความเชื่อและแนวทางการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงของพวกเธอ ฮวัง โดฮี หญิงสาวที่เคยชินกับการใช้ทางลัด ผู้เคยได้รับความสะดวกสบายของการมีเส้นสายในแวดวงต่างๆ และ โอ กยองซุก หญิงสาวที่ตรงฉินยิ่งกว่าไม้บรรทัด ไร้ซึ่งความขดงอ และพร้อมจะฝั่นฝ่าทุกอุปสรรค์ที่ขว้างกั้นอย่างไม่หวั่นเกรง แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งสองก็เลือกที่จะรับฟังและเคารพในเส้นทางของกันและกัน มากไปกว่านั้น นี้คือการแสดงให้เห็นถึงวิธีแก้ไขปัญหาความเท่าเทียมและยุติธรรมในสังคม เพื่อล้มล้างวงจรอุบาทที่เกิดขึ้น คุณจำเป็นต้องเริ่มกำจัดและถอนรากถอนโคนความคิดเหล่านี้จากตัวคุณก่อน แล้วจึงจะสามารถเริ่มแก้ไขปัญหาเรื่องความเท่าเทียมในสังคมได้
อีกฉากหนึ่งใน์ซีรี่ย์ที่สะท้อนประเด็นเรื่องความเท่าเทียมได้อย่างชัดเจนคือ การโต้เถียงระหว่างฮวัง โดฮีและโอ กยองซุก ในประเด็นการเปิดเผยความผิดฐานยักยอกเงินของคนในทีม โอ กยองซุกตั้งใจจะลาออกจากการสมัครเพื่อรับผิดชอบทุกอย่างในฐานะหัวหน้าทีมแต่เพียงผู้เดียว แต่โดฮีไม่เห็นด้วยและขอร้องให้เธอเปิดเผยความจริง
“เธอจะลาออกเพื่อปกปิดความผิดของคนๆ หนึ่ง ทิ้งผู้คนมากมายที่หวังให้เธอสร้างโลกที่น่าอยู่ให้พวกเขา เหยียบย่ำความฝันและความสุขของผู้คนเพียงเพราะต้องการปกป้องคนๆ หนึ่งหรอ”
กยองซุกตอบอย่างหมดหนทาง
“แล้วเธอจะให้ฉันย่ำยีสิทธิในการมีชีวิตอยู่ของบางคนเพื่อความสุขของคนจำนวนมากหรอ”
ชีวิตทุกคนมีค่าเท่ากัน ไม่มีความสุขของใครยิ่งใหญ่เกินกว่าใคร นี่คือการแสดงให้เห็นถึงแก่นความเชื่อและความเป็นผู้นำของกยองซุกที่เคารพและเห็นคุณค่าในประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม ชุดความคิดที่ทำให้ผู้คนทั่วกรุงโซลตกหลุมรักและพร้อมที่จะยืนหยัดเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเธอ
แม้ธรรมมะจะชนะอธรรม แต่บางครั้งก็จำเป็นจะต้องเอาชนะความชั่วร้ายด้วยวิธีที่ชั่วร้ายกว่าเช่นกัน
จุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่อง เริ่มต้นขึ้นเมื่อลูกชายของ โอ กยองซุก ถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้น เนื่องจากมีการตัดต่อและเผยแพร่ภาพไม่เหมาะสมของเธอจนสร้างความเดือดดาลให้แก่ลูกชายในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง แพค แจมิน ลูกเขยของอึนซองกรุ๊ป วางแผนโจมตีเธอโดยใช้ ‘ลูกชาย’ จุดอ่อนเดียวที่มีของ โอ กยองซุก มาต่อสู้และโจมตีชื่อเสียงทางการเมือง โดยเขาใช้เส้นสายทั้งหมดที่มี ทั้งนักข่าว นักไอที อธิการบดีกรมตำรวจ อัยการสูงสุด และนักการเมือง มาสร้างสถานการณ์และหวังบีบบังคับให้ โอ กยองซุก ถอนตัวจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่การกระทำต่ำทรามที่ปิดหนทางการต่อสู้ไว้ด้วยเส้นสายและการเงิน เล่นกับความรู้สึกของคนเป็นแม่ ทำให้กยองซุกตัดสินใจเปิดทางให้ ฮวัง โดฮี จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในแบบฉบับของเธอ
โดฮีเข้าหา อึน ซอจิน ลูกสาวคนโตจอมกบฏของอึนซองกรุ๊ปที่ไม่ต้องการให้ แพค แจมิน ได้ตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงโซลอย่างที่แม่เธอต้องการ เธอยื่นขอเสนอโดยการให้เงินลงทุนจำนวน 2,000 ล้านวอนเพื่อแลกกับการล้มล้างอำนาจของแม่เธอ และเส้นสายที่จะสามารถเข้าถึง โอ กยองซุก นายกเทศมนตรีกรุงโซลในอนาคตได้
ฮวัง โดฮี นำเงินที่ได้มาซื้อตัวนักการเมืองอวุโสในพรรคของ แพค แจมิน เพื่อให้เขาช่วยเป็นกระบอกเสียงและเปลี่ยนทิศทางของเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยการกล่าวปราศรัยและแสดงหลักฐานเบื้องหลังการโจมตี โอ กยองซุกทั้งหมด พร้อมทั้งคว่ำบาตรและงดให้การสนับสนุน แพค แจมิน
หลังจากสามารถกู้สถานการณ์ของ โอ กยองซุก สำเร็จ โดฮีเดินหน้าสะสางเรื่องราวที่เธอค้างคาไว้ การเปิดโปงความชั่วร้ายของ แพค แจมิน อาชญากรและฆาตกรที่คร่าชีวิตหญิงสาวบริสุทธิ์คนหนึ่งไป เธอร่วมมือกับ กุก จียอน เลขาสาวคนปัจจุบันของเขาที่กำลังเผชิญชะตากรรมไม่ต่างจากเลขาคนก่อน พวกเธอรวบรวมหลักฐานและเปิดเผยความจริงจนสามารถทำให้ แพค แจมิน ถูกตั้งข้อหาได้ในที่สุด
ความเครียด ความสิ้นหวัง ปัญหาการโดนเอารัดเอาเปรียบ เป็นสิ่งที่ทุกคนในสังคมล้วนเผชิญ และบางครั้งสิ่งเหล่านี้ก็หนักหนาจนสามารถสั่นคลอนความเชื่อและวิถีชีวิตของเราได้ แม้อาจไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้อง แต่บางครั้งการให้คนชั่วได้ลิ้มรสการกระทำชั่วร้ายเหมือนที่ตัวเองเคยฝากไว้บ้างก็เป็นทางเลือกที่ไม่ได้ผิด เพราะมันสามารถย้อนคืนการกระทำ และทวงคืนความรู้สึกยุติธรรมทางจิตใจได้ดีทีเดียว
เรียนรู้ที่จะ ‘ต่อสู้’ เพื่อสร้าง ‘ความสุข’ และ ‘คุณค่า’ ให้กับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
จริงอยู่ที่โลกแห่งความจริงไม่ใจดีเท่าไรนัก ผู้คนพยายามใช้ทางลัดในการปีนป่าย เอารัดเอาเปรียบคนที่ด้อยกว่าเพื่อขยายอำนาจและความร่ำรวย ปะปนไปด้วยคนดีและคนเลว แต่ท้ายที่สุดแล้ว ในสังคมการเมืองที่จำเป็นต้องเลือกผู้ปกครอง คนแบบไหนคือคนที่คุณต้องการจริงๆ?หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้ โอ กยองซุก เป็นนายกเทศมนตรีกรุงโซล เธอบุกตรวจสอบการทุจริตของนักการเมืองในแต่ละพรรค ออกมาตราการปฏิวัติอำนาจ ตรวจเช็คช่องทางการโอนเงินของ อึน ซอจิน ที่ทำการโอนเงินสดกว่า 2,000 ล้านวอนให้ ฮวัง โดฮี จนทำให้พบกับบริษัทฟอกเงินยักษ์ใหญ่ที่ตั้งอยู่ต่างประเทศของอึนซองกรุ๊ป อีกทั้งยังตรวจพบการบุกรุกพื้นที่ต้องห้าม การสร้างห้างสรรพสินค้าบนเขตพัฒนาที่อยู่อาศัยของประชาชน เธอจึงใช้อำนาจที่มีในมือจัดการทวงคืนพื้นที่และผลประโยชน์สู่ประชาชนด้วยการแบ่งกำไรยอดขาย 90% ของห้างสรรพสินค้าอึนซองในทุกไตรมาสให้ประชาชนทุกคนในโซล
ซีรี่ย์ Queenmaker มีจำนวนทั้งหมด 11 ตอนและมีความยาวตอนละ 60 นาที หากใครสนใจอยากรับชมเรื่องราวการเฉือดเฉือนทางการเมืองที่เข้ากับสถานการณ์ประเทศไทยตอนนี้ ก็สามารถรับชมได้ที่ Netflix
