รีวิวคอนเสิร์ต DPR REGIME TOUR BANGKOK แบบจัดเต็ม 2 ชั่วโมง

จบไปแบบสดๆ ร้อนๆ ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมากับอีกหนึ่งคอนเสิร์ตสุดมันส์ส่งท้ายปี DPR REGIME TOUR BANGKOK เวิล์ดทัวร์ของกลุ่มศิลปิน DPR (Dream Perfect Regime) ที่งานนี้ขนความสนุกความดุเดือดมาจัดเต็มให้กับแฟนเพลงชาวไทยยาวนานเกือบ 2 ชั่วโมงเต็มอิ่มเลยทีเดียว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมในฐานะที่เป็นหนึ่งในทีมงานของ SPACEBAR ที่ได้มีโอกาสไปดูคอนเสิร์ตนี้เลยอยากจะมารีวิวให้ทุกคนอ่านกันสักหน่อยว่า ภาพรวมคอนเสิร์ตนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง  

เริ่มต้นจากการเข้างานเนื่องด้วยช่วงเวลาที่เดินทางไปเป็นช่วงเวลาเกือบจะ 19.30 น. แล้วทำให้บริเวณหน้างานแฟนๆ หลายคนได้เข้าไปในฮอลล์ Union Hall เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตรงนี้จึงมีพื้นที่ให้เดินไปเดินมาได้อย่างสะดวกอยู่พักหนึ่ง (แต่แอบทราบมาว่า ช่วงก่อนเข้างานมีปัญหาเรื่องการรันคิวนิดหน่อย แต่พอจะเข้าใจได้เนื่องจากจำนวนคนที่เยอะมากๆ ด้วยเลยอาจจะมีการล่าช้าในส่วนนี้ครับ) จากนั้นเราก็ได้ไปเข้าคิวซื้อเครื่องดื่มมึนเมาเล็กน้อยเพื่อจะได้มีพลังและมีแรงสนุกในคอนเสิร์ต แอบบ่นนิดนึงทำไมต้องซื้อถึง 200 บาทด้วยไม่งั้นอดสแกน แต่ไม่เป็นไรครับเพื่อความมันส์ผมทำได้

เอาล่ะเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เราเดินเข้าฮอลล์มาสิ่งที่พบคือ คนดูเยอะมากๆ และบรรยากาศดูคึกคักชนิดที่ทุกคนพร้อม พร้อมที่จะกระโดดโลดเต้นไปกับคอนเสิร์ตนี้ ทันใดนั้นไฟบนเวทีก็ดับลงพร้อมกับบีทของดนตรีที่ดึงดูดชวนให้เราโยกตาม ทุกคนก็รวมกันไฮป์ให้กับบีทดนตรีที่ดังออกมาชนิดที่พื้นของฮอลล์สะเทือนแบบรับรู้ได้เลย จากนั้นเมื่อทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติทุกคนรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อมา DPR LIVE หรือ ฮง ดาบิน ก็เปิดตัวมาพร้อมกับเพลง LEGACY และชุดนักอวกาศที่โคตรเท่ห์ ยิ่งทำให้แฟนๆ ทุกคนกรี๊ดให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดี เพลงต่อมาอย่าง NEON ก็ยังคงทำงานกับคนดูได้ยอดเยี่ยมเพราะตอนนี้ปรอทของความสนุกกำลังค่อยๆ ไต่ขึ้นไปถึงจุดพีคแล้ว DPR LIVE ไม่รอช้าจัดการกระหน่ำเพลงฮิตทั้งหมดที่เจ้าตัวมาปล่อยของบนเวทีนี้จนหมด อาทิเช่น S.O.S, Thirst, Cheese & Wine, Venus, KISS ME, Jasmine และเพลงฮิตที่ทุกคนร้องตามกันแบบที่ศิลปินไม่ต้องร้องสักท่อนเลยอย่าง Jam & Butterfly ที่งานนี้ทำให้ ฮง ดาบิน ยิ้มแก้มแตกกันไปเลยกับบรรยากาศที่แฟนเพลงทุกคนร่วมกันร้องเพลงนี้ลั่นดังไปทั่วทั้งฮอลล์  

งานนี้ต้องบอกเลยว่า DPR LIVE ดูโดดเด่นเอามากๆ โชว์ของเขาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่ทำออกมาได้อย่างดีทุกส่วน การหยิบเพลงต่างๆ มาร้องในงานนี้และได้ยินเสียงสดๆ เจ้าตัวดูมีเอกลักษณ์เอามากๆ ทั้งนี้เขาเองยังกระหน่ำเพลงให้แฟนเพลงฟังอย่างต่อเนื่องทั้ง Yellow Cab, Summer Tights, Text Me, Hula Hoops, Martini Blue และเพลงสุดท้ายของโชว์จากเขาอย่าง Set It Off ที่ออกมาส่งท้ายความมันส์ก่อนที่จะส่งเวทีต่อให้กับ DPR IAN  

DPR IAN หรือ คริสเตียน ยู ออกมาพร้อมกับชุดสูทสีดำและ Intro เพลง MITO พูดง่ายๆ แค่เปิดตัวออกมาก็ดูอลังการแล้ว ไม่ต้องถามถึงเสียงกรี๊ดที่ผมได้ยิน มันดังมากชนิดที่หากใครหยิบเครื่องวัดเดซิเบลขึ้นมามันอาจจะทะลุปรอทออกไปแล้วก็ได้ และเพลงแรกอย่างเป็นทางการของเขาก็มาถึงกับ So Beautiful ที่ทำได้ดีตั้งแต่เริ่มต้นเลยก็ที่จะส่งต่อความสนุกไปที่เพลง Mood, Dope Lover, Miss Understood, Avalon, Calico, Sometime I’m, 1 Shot, Scaredy Cat, Ribbon, Mr.Insanity (ที่เพลงนี้ทุกคนร้องคำว่า Darling ดังเอามากๆ), Winterfall, Nerves, No Blueberries และเพลง Ballroom Extravaganza ซึ่งในระหว่างโชว์ที่เล่น คริสเตียนจะทักทายกับแฟนเพลงอยู่เป็นระยะพร้อมกับได้บอกว่า เขาดีใจมากๆ ที่ได้มาเล่นครั้งนี้ พร้อมกับแสดงอาการความเป็นห่วงแฟนเพลงที่เป็นลมในงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งได้มีการเรียกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาดูแลอีกด้วย

และเมื่อโชว์มาถึงช่วงสุดท้ายเขาเองก็ออกมาบอกว่า วันนี้โชว์ของพวกเราจะจบลงแล้ว เราขอบคุณทุกคนมากๆ จริงๆ ที่มาดูโชว์ในวันนี้ ครั้งหน้าว่าถ้ากลับมาอีกเขาจะพกเพลงฮิตมาให้เยอะกว่านี้ไปอีก ขอให้ทุกคนขับรถกลับบ้านอย่างปลอดภัยนะครับและพบกันใหม่ ก่อนที่จะลงเวทีไป แต่ลงไปได้ไม่นานเสียงตะโกน DRP WE GANG GANG ก็ดังเอามากๆ ทำให้ทั้ง DPR LIVE และ DPR IAN ขึ้นเวทีมาอีกครั้งพร้อมกับเพลง To Myself สร้างความไฮป์ส่งท้ายก่อนที่จะจบโชว์ลงไปอย่างเป็นทางการ ทิ้งภาพแห่งความสนุกและความสุขไว้กับแฟนเพลงตลอดไป  

โดยรวมต้องถือว่าคอนเสิร์ตนี้สนุกเอามากๆ ทั้งการแสดงบนเวทีก็ดี งานภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเวทีก็น่าสนใจมีเรื่องเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงตลอดเวลา เสียอย่างเดียวเลยที่โชว์มีความยาวที่น้อยไปหน่อย ทำให้ปรอทความเดือดที่เลี้ยงกันมาไปได้ไม่ถึงจุดสูงสุด แต่อย่างไรก็ดีเราก็ต้องขอขอบคุณทาง Seen Scene Space มากๆ ที่จัดงานนี้ขึ้นมาให้พวกเราได้ดูคอนเสิร์ตดีๆ แบบนี้ หวังว่าครั้งหน้าจะพาพวกเขากลับมาไทยอีกครั้งนะครับ  

แล้วไว้พบกันใหม่คอนเสิร์ตต่อไปครับ