In every girl’s life there is a boy she’ll never forget, and a summer where it all started
Unknown
Before Sunrise, La La Land, 365 Days, Call Me by Your Name, ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น
ภาพยนตร์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นภาพยนตร์ที่มีฉากหลังเป็นฤดูร้อนด้วยกันทั้งนั้น แม้จะมีความแตกต่างทางสัญชาติ ช่วงเวลา และสภาพสังคมในช่วงที่เผยแพร่ แต่ตัวละครส่วนใหญ่ที่มักพบเจอในภาพยนตร์รักล้วนตกหลุมรักกันในฤดูร้อนเสมอ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ภาพยนตร์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นภาพยนตร์ที่มีฉากหลังเป็นฤดูร้อนด้วยกันทั้งนั้น แม้จะมีความแตกต่างทางสัญชาติ ช่วงเวลา และสภาพสังคมในช่วงที่เผยแพร่ แต่ตัวละครส่วนใหญ่ที่มักพบเจอในภาพยนตร์รักล้วนตกหลุมรักกันในฤดูร้อนเสมอ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

‘ฤดูร้อน’ คือช่วงเวลาที่ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ นักเรียนนักศึกษาได้หยุดยาวจากการปิดเทอม อากาศสดใสและมีช่วงเวลากลางวันยาวนานมากกว่าฤดูไหนๆ ผู้คนจึงนิยมออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยอากาศที่ค่อนข้างร้อน ผู้คนจึงสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นที่สามารถเผยให้เห็นสรีระได้มากกว่าในฤดูอื่นๆ ทำให้นี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนจะสามารถรู้สึกถึงแรงดึงดูดทางเพศได้มากยิ่งขึ้น
แม้หลายคนอาจรู้สึกว่าการตกหลุมรักในช่วงฤดูอื่นๆ สามารถสร้างความรู้สึกโรแมนติกได้มากกว่า แน่นอนว่าการหลบฝนภายใต้ร่มคันเดียวกันในหน้าฝน หรือการแบ่งปันอ้อมกอดอบอุ่นให้กันในหน้าหนาวเป็นเรื่องที่สามารถสร้างความรู้สึกดีได้ไม่แพ้กัน แต่ในฤดูร้อน ผู้คนจะสามารถใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันผ่านกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้ดีกว่า ก่อเกิดเป็นความใกล้ชิด ผูกพันธ์ และอยากพัฒนาความสัมพันธ์กันในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผลจากการวิจัยที่พบว่า ‘วิตามินดี’ จากแสงอาทิตย์สามารถช่วยส่งเสริมให้รู้สึกดีและทำให้รู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากข้อมูลเหล่านี้ ดูเหมือนว่าฤดูร้อนจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการตกหลุมรัก
ช่วงฤดูร้อนคือช่วงที่มีโอกาสในการพบปะผู้คนใหม่ๆ ได้มากกว่า กิจกรรมต่างๆ มากถูกจัดขึ้นในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นงานเทศกาลดนตรี ปาร์ตี้ริมสระ หรือกิจกรรมเดินป่าตั้งแคมป์แบบกลุ่ม ซึ่งกิจกรรมต่างๆเหล่านี้จะทำให้เรามีโอกาสได้เลือกทำความรู้จักผู้คนได้มากขึ้น สามารถมองหาผู้คนที่มีความชื่นชอบคล้ายกันได้ง่ายขึ้น และเรียนรู้นิสัยใจคอกันได้อย่างลึกซึ้งผ่านกิจกรรมที่ทำร่วมกัน
นอกจากโอกาสที่จะได้พบปะผู้คนมากขึ้น อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าหน้าร้อนคือช่วงเวลาของการพักผ่อน ผู้คนพยายามละทิ้งความกดดันจากงาน โรงเรียน ครอบครัว และหันมาใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้สามารถรับรู้และเข้าใจความต้องการของตัวเอง มีความกล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ และสามารถปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลไปตามความต้องการแท้จริงได้อย่างไม่เกรงกลัว ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ เพราะผู้คนจะลดการ์ดป้องกันตัวเองลงใช้ความรู้สึกนำทางมากกว่าความคิด พยายายามเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้ได้มากที่สุด ทำให้ความสัมพันธ์ในช่วงนี้แทบไม่มีการเล่นแง่ และมีความ healthy มากที่สุด
แม้หลายคนอาจรู้สึกว่าการตกหลุมรักในช่วงฤดูอื่นๆ สามารถสร้างความรู้สึกโรแมนติกได้มากกว่า แน่นอนว่าการหลบฝนภายใต้ร่มคันเดียวกันในหน้าฝน หรือการแบ่งปันอ้อมกอดอบอุ่นให้กันในหน้าหนาวเป็นเรื่องที่สามารถสร้างความรู้สึกดีได้ไม่แพ้กัน แต่ในฤดูร้อน ผู้คนจะสามารถใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันผ่านกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้ดีกว่า ก่อเกิดเป็นความใกล้ชิด ผูกพันธ์ และอยากพัฒนาความสัมพันธ์กันในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผลจากการวิจัยที่พบว่า ‘วิตามินดี’ จากแสงอาทิตย์สามารถช่วยส่งเสริมให้รู้สึกดีและทำให้รู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากข้อมูลเหล่านี้ ดูเหมือนว่าฤดูร้อนจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการตกหลุมรัก
การมีความสัมพันธ์ในหน้าร้อนดีอย่างไร?
ถึงแม้จะมีคำพูดที่ว่า ‘ความรักไม่เลือกเวลาเกิด’ มันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา กับทุกคน และความรักมักนำพาสิ่งดีๆ มาให้เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นความรักที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนกลับมีข้อได้เปรียบกว่าความรักที่เกิดขึ้นในฤดูอื่นๆ อยู่มากช่วงฤดูร้อนคือช่วงที่มีโอกาสในการพบปะผู้คนใหม่ๆ ได้มากกว่า กิจกรรมต่างๆ มากถูกจัดขึ้นในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นงานเทศกาลดนตรี ปาร์ตี้ริมสระ หรือกิจกรรมเดินป่าตั้งแคมป์แบบกลุ่ม ซึ่งกิจกรรมต่างๆเหล่านี้จะทำให้เรามีโอกาสได้เลือกทำความรู้จักผู้คนได้มากขึ้น สามารถมองหาผู้คนที่มีความชื่นชอบคล้ายกันได้ง่ายขึ้น และเรียนรู้นิสัยใจคอกันได้อย่างลึกซึ้งผ่านกิจกรรมที่ทำร่วมกัน
นอกจากโอกาสที่จะได้พบปะผู้คนมากขึ้น อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าหน้าร้อนคือช่วงเวลาของการพักผ่อน ผู้คนพยายามละทิ้งความกดดันจากงาน โรงเรียน ครอบครัว และหันมาใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้สามารถรับรู้และเข้าใจความต้องการของตัวเอง มีความกล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ และสามารถปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลไปตามความต้องการแท้จริงได้อย่างไม่เกรงกลัว ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ เพราะผู้คนจะลดการ์ดป้องกันตัวเองลงใช้ความรู้สึกนำทางมากกว่าความคิด พยายายามเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้ได้มากที่สุด ทำให้ความสัมพันธ์ในช่วงนี้แทบไม่มีการเล่นแง่ และมีความ healthy มากที่สุด

‘มนตร์รักหน้าร้อน’ นอกจากจะพบเห็นได้มากในภาพยนตร์แล้ว ยังพบเห็นได้ในวงการเพลงด้วย
จากข้อมูลในเว็บไซต์วิกิพีเดีย ตั้งแต่ปี 1957 จนถึงปัจจุบัน มีเพลงอย่างน้อย 7 เพลงที่มีชื่อว่า ‘Summer Love’ ตัวอย่างศิลปินเจ้าของบทเพลง Summer love ได้แก่ Justin Timberlake (2007) และวง One Direction (2012) เป็นต้นนอกจากบนพื้นที่ของดนตรีป็อบแล้ว เพลงรูปแบบนี้ยังเคยปรากฏตัวในละครเพลงเรื่อง Grease (1978) โดยมีชื่อเพลงว่า ‘Summer Night’ ที่บรรยายถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในหน้าร้อนของตัวละครเอกทั้ง 2 ไว้
‘summer fling, don't mean a thing . . . summer heat, boy and girl meet . . . it turned colder, that's where it ends’
ฤดูร้อนเป็นฤดูที่มีพลังพิเศษในการเพิ่มโอกาสให้ผู้คนได้ตกหลุมรักกันมากขึ้น อีกทั้งยังมีข้อได้เปรียบที่จะสามารถนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีได้ ใครที่อยากมีช่วงเวลาพิเศษในฤดูร้อนก็อย่าลืมหาเวลาออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คน ถึงประเทศไทยจะมีฤดูร้อนเกือบทั้งปี แต่ว่ารีบหน่อยก็ดีนะคะ