
อาจเป็นเรื่องแปลกสำหรับชาวพุทธในประเทศไทยอย่างเรากับการที่ ‘พระ’ จะออกมาทำกิจกรรมต่างๆ ได้เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป แต่เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งใน ‘ประเทศญี่ปุ่น’ ที่กำหนดให้พระเป็น ‘อาชีพ’ หนึ่ง ที่มีสิทธิในการใช้ชีวิตได้เหมือนกับบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรก หารายได้เสริม ไม่จำเป็นต้องโกนหัว หรือแม้กระทั่งแต่งงานสร้างครอบครัว ก็สามารถเกิดขึ้นได้ใน ‘อาชีพพระ’ ณ ประเทศญี่ปุ่นนี้
ชาวญี่ปุ่นคือสังคมที่ได้ยึดแนวทางมหายานที่เชื่อว่า “ทุกคนมีความเป็นพุทธ ที่สามารถหลุดพ้นได้อยู่ในตัว และมุ่งเน้นไปที่การอุทิศตัวเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ร่วมโลกเป็นสำคัญ” ทำให้บทบาทสำคัญของพระจึงเป็นการนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนาให้เข้ามาใกล้ชิดผู้คนมากที่สุด และในยุคที่คนรุ่นใหม่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับศาสนาเหมือนแต่ก่อน การทำให้ธรรมะเข้าถึงผู้คน จึงเป็นการที่ต้องทำตัวให้กลมกลืนและเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของสังคมด้วย
ในสมัยก่อนพระญี่ปุ่นต้องกินอาหารมังสวิรัติและห้ามแต่งงาน แต่ในต่อมาศาสนาพุทธก็ได้แตกออกเป็นหลากหลายนิกาย ซึ่งแต่ละนิกายก็จะมีแนวคิดและแนวทางปฏิบัติไม่เหมือนกัน เล่าย้อนกลับไปในสมัยเมจิ เป็นยุคที่พระในศาสนาพุทธถูกบีบคั้นจากชนชั้นปกครองเป็นอย่างมาก รัฐบาลได้ลดทอนอำนาจของพุทธศาสนาลง โดยการกำหนดให้พระสงฆ์ทุกนิกายสามารถกินเนื้อสัตว์ ในขณะนั้นมีวัดถูกปิดไปเป็นจำนวนมาก และที่หลงเหลืออยู่ก็ไม่ได้รับการสนับสนานจากทางรัฐ พระจึงต้องดิ้นรน หันมาปรับตัวเพื่อรักษาตนและวัดให้อยู่รอด รวมถึงการหารายได้เสริม ทำให้พระสงฆ์ประจำญี่ปุ่นหันมาดำรงชีวิตในแนวทางที่คล้ายคลึงกับบุคคลทั่วไป เหลือเพียงบางนิกายที่ยังคงรักษาพระวินัยเอาไว้
ชาวญี่ปุ่นคือสังคมที่ได้ยึดแนวทางมหายานที่เชื่อว่า “ทุกคนมีความเป็นพุทธ ที่สามารถหลุดพ้นได้อยู่ในตัว และมุ่งเน้นไปที่การอุทิศตัวเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ร่วมโลกเป็นสำคัญ” ทำให้บทบาทสำคัญของพระจึงเป็นการนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนาให้เข้ามาใกล้ชิดผู้คนมากที่สุด และในยุคที่คนรุ่นใหม่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับศาสนาเหมือนแต่ก่อน การทำให้ธรรมะเข้าถึงผู้คน จึงเป็นการที่ต้องทำตัวให้กลมกลืนและเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของสังคมด้วย
ในสมัยก่อนพระญี่ปุ่นต้องกินอาหารมังสวิรัติและห้ามแต่งงาน แต่ในต่อมาศาสนาพุทธก็ได้แตกออกเป็นหลากหลายนิกาย ซึ่งแต่ละนิกายก็จะมีแนวคิดและแนวทางปฏิบัติไม่เหมือนกัน เล่าย้อนกลับไปในสมัยเมจิ เป็นยุคที่พระในศาสนาพุทธถูกบีบคั้นจากชนชั้นปกครองเป็นอย่างมาก รัฐบาลได้ลดทอนอำนาจของพุทธศาสนาลง โดยการกำหนดให้พระสงฆ์ทุกนิกายสามารถกินเนื้อสัตว์ ในขณะนั้นมีวัดถูกปิดไปเป็นจำนวนมาก และที่หลงเหลืออยู่ก็ไม่ได้รับการสนับสนานจากทางรัฐ พระจึงต้องดิ้นรน หันมาปรับตัวเพื่อรักษาตนและวัดให้อยู่รอด รวมถึงการหารายได้เสริม ทำให้พระสงฆ์ประจำญี่ปุ่นหันมาดำรงชีวิตในแนวทางที่คล้ายคลึงกับบุคคลทั่วไป เหลือเพียงบางนิกายที่ยังคงรักษาพระวินัยเอาไว้


ปัจจุบันศาสนาพุทธในญี่ปุ่นนับได้ว่าวิวัฒนาการไปไกลโข จากการพยายามปรับตัวให้เข้ากับผู้คนที่ห่างไกลจากศาสนา และเมื่อพระเป็นอาชีพรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่จำเป็นต้องวางตัวสูงส่งเพื่อให้ผู้คนกราบไหว้บูชา เราจึงสามารถเห็นภาพพระขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ต เป็นศิลปิน เปิดคาเฟ่ เป็นบาร์เทนเดอร์ (ซึ่งในประเทศญี่ปุ่น พระก็สามารถดื่มเหล้าได้ เนื่องจากชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อและให้ความสำคัญกับ ‘ธรรมชาติ’ และ ‘เทพในธรรมชาติ’ เป็นอย่างมาก เหล้าที่ผลิตมาจากกระบวนการหมักข้าวจึงนับเป็นสิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติด้วย) พระสามารถเป็นช่างแต่งหน้า หรือออกมาเปิดเผยตัวตนเรียกร้องสิทธิ LGBTQIA+ ก็ยังได้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกหรือถูกตัดสินจากสังคมรอบข้างอีกต่อไปแล้ว และพระญี่ปุ่นยังสอดแทรกธรรมะไว้ในกิจกรรมต่างๆ ที่ทำ เพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงธรรมะกันได้แบบง่ายๆ สบายๆ และไม่ดูเป็นเรื่องไกลตัว
