“หลบซ้ายสองครั้ง หลบขวาหนึ่งครั้ง และก็ปล่อยพลังออกมาตรงนี้ แบบนี้”
นี่คือประโยคที่เกิดขึ้นในหัวของเกมเมอร์ระหว่างเล่นเกมแนวโซลไลก์ (souls-like) หรือเรียกสั้นๆ ว่าเกมแนวโซล แนวเกมที่ผู้เล่นสามารถตายในเกมได้ไม่จำกัด และจะกลับมาเกิดที่จุดเกิดล่าสุดทุกครั้ง ผู้เล่นสามารถโจมตีศัตรูเพื่ออัประดับตัวเอง รวมถึงอัปเกรดคุณสมบัติของตัวละครที่เล่น และอาวุธที่ใช้
นี่คือประโยคที่เกิดขึ้นในหัวของเกมเมอร์ระหว่างเล่นเกมแนวโซลไลก์ (souls-like) หรือเรียกสั้นๆ ว่าเกมแนวโซล แนวเกมที่ผู้เล่นสามารถตายในเกมได้ไม่จำกัด และจะกลับมาเกิดที่จุดเกิดล่าสุดทุกครั้ง ผู้เล่นสามารถโจมตีศัตรูเพื่ออัประดับตัวเอง รวมถึงอัปเกรดคุณสมบัติของตัวละครที่เล่น และอาวุธที่ใช้

เกมแนวโซลกำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้เล่นเกม ถ้าเป็นที่พูดถึงกันเร็วๆ นี้คือ Elden Ring ที่ได้รางวัลเกมแห่งปี 2022 ไป นอกจากนี้ยังมีเกมอื่นๆ อีกมาก เช่น Sekiro, Bloodborne, Darksouls, Monster Hunter เป็นต้น จุดกำเนิดของเกมแนวนี้เริ่มมาจากญี่ปุ่น โดยเริ่มมาจากเกม Demon's Souls ของบริษัทพัฒนาเกม FromSoftware นำทีมโดย ฮิเดทากะ มิยาซากิ (Hidetaka Miyazaki)

จุดเด่นของเกมแนวโซลคือความท้าทายของเกม โดยเฉพาะศัตรูที่แต่ละตัวมีความสามารถแตกต่างกัน มีจังหวะการต่อสู้ต่างกัน ความยากจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และท้าทายมากที่สุดตอนเผชิญหน้ากับบอสหรือหัวหน้าใหญ่ในเกม ผู้เล่นต้องอาศัยไหวพริบในการหลบหลีก และความจำในการจำจังหวะการต่อสู้ของศัตรูเพื่อเอาชนะ อย่างไรก็ตาม เกมแนวนี้ไม่ได้ถูกใจไปเสียทุกคน โดยให้ความเห็นว่าทำให้รู้สึก ‘หัวร้อน’ หรือหงุดหงิดเมื่อไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้แม้ตัวละครที่เล่นจะตายไปแล้วหลายร้อยรอบ แต่กลุ่มคนที่ชื่นชอบให้ความเห็นว่ามันท้าทาย และรู้สึกดีเมื่อสามารถเอาชนะได้ด้วยความสามารถของตัวเอง

เกมแนวโซลนั้นไม่ได้มีแค่ของบริษัท FromSoftware ที่พัฒนาออกมา แต่ยังมีเกมแนวโร้กไลก์ (Roguelike) แนวเกม Role-playing ในลักษณะกริดแบบเกมยุค 1980s เช่น Dead Cells, Blasphemous และ Hades ที่ผสานความเป็นเกมแนวโซลเข้าไป ผู้เล่นจะสามารถอัปเกรดตัวเองจากระดับอ่อนที่สุดสู่ระดับที่เก่งที่สุดได้

ในมุมมองของคนที่ไม่เล่นเกม เราอาจเห็นว่าคงเป็นเกมทั่วไปเพื่อเล่นคลายเครียด ซึ่งอันที่จริงแล้วเกมแนวโซลเป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพมนุษย์ในการแก้ปัญหา การเรียนรู้ และเอาตัวรอด นี่คือสิ่งที่ มิยาซากิ ผู้พัฒนาเกมจาก FromSoftware กล่าว เขาให้ความเห็นว่า “ผู้เล่นจะหาทางเอาชนะเกมให้จงได้”
ตามขั้นตอนการเรียนรู้ของผู้เล่น จะเริ่มจากการเริ่มรู้จักศัตรูก่อน ซึ่งใครมีประสบการณ์เกมแนวนี้มาก่อนอาจรับมือได้สักพัก แต่ใครที่ไม่เคยเล่นเลย ตัวละครอาจตายไวกว่าที่คิดจากเงื้อมมือศัตรู ขั้นตอนต่อไปผู้เล่นจะพยายามทำความคุ้นเคยศัตรูด้วยการสังเกตท่าทาง จังหวะการโจมตีของศัตรู เพื่อเรียนรู้ในการหลีกเลี่ยงและโจมตีกลับ ความยาวนานในการเรียนรู้อาจขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และศักยภาพของผู้เล่น และขั้นตอนสุดท้ายเมื่อผู้เล่นจับจุดได้ก็จะสามารถเอาชนะศัตรูได้ในที่สุด
ตามขั้นตอนการเรียนรู้ของผู้เล่น จะเริ่มจากการเริ่มรู้จักศัตรูก่อน ซึ่งใครมีประสบการณ์เกมแนวนี้มาก่อนอาจรับมือได้สักพัก แต่ใครที่ไม่เคยเล่นเลย ตัวละครอาจตายไวกว่าที่คิดจากเงื้อมมือศัตรู ขั้นตอนต่อไปผู้เล่นจะพยายามทำความคุ้นเคยศัตรูด้วยการสังเกตท่าทาง จังหวะการโจมตีของศัตรู เพื่อเรียนรู้ในการหลีกเลี่ยงและโจมตีกลับ ความยาวนานในการเรียนรู้อาจขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และศักยภาพของผู้เล่น และขั้นตอนสุดท้ายเมื่อผู้เล่นจับจุดได้ก็จะสามารถเอาชนะศัตรูได้ในที่สุด

ขั้นตอนการเรียนรู้ศัตรูในเกมแนวโซลเป็นเหมือนการจำลองการเรียนรู้ของมนุษย์ที่มีมานานหลายพันปี มนุษย์อาศัยความผิดพลาดซ้ำๆ จากเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์เพื่อพัฒนาตัวเองให้ช่ำชองมากขึ้น และสิ่งที่มนุษย์ต้องมีคือ ‘ความพยายาม’ และ ‘ความตั้งใจ’ เมื่อเราตั้งใจที่จะเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง ความตั้งใจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราจับข้อผิดพลาดในแต่ละครั้งเพื่อนำไปแก้ไขในอนาคตได้ แต่เมื่อใดที่เราถอดใจไป คงไม่มีวันที่เราจะสามารถเอาชนะศัตรูได้เลย และเมื่อศัตรูไม่ถูกโค่นลง คงไม่มีวันไหนที่ผู้เล่นจะเลื่อนขั้น หรือได้แต้มคะแนนเพื่ออัปเกรดด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเราอาจเกิดอาการหัวร้อนบ้างในบางครั้ง เราควรพักผ่อนและเก็บพลังเพื่อเรียนรู้ข้อผิดพลาดทีละเล็กทีละน้อย เรียนรู้ที่จะใจเย็น และรับมือกับอุปสรรคหรือศัตรูด้วยความอดทน
แน่นอนว่าเราอาจเกิดอาการหัวร้อนบ้างในบางครั้ง เราควรพักผ่อนและเก็บพลังเพื่อเรียนรู้ข้อผิดพลาดทีละเล็กทีละน้อย เรียนรู้ที่จะใจเย็น และรับมือกับอุปสรรคหรือศัตรูด้วยความอดทน