พูดคุยกับ ดีเจป๊อป-นฤพนธ์ ไชยเพิ่ม ในวันที่ดิสโก้เคยเป็นยุคทองในไทย

13 ธ.ค. 2565 - 08:17

  • ชวนระลึกความหลังในวันที่ดิสโก้เป็นกระแสสุดฮิตของวัยรุ่นยุค 70s-80s กับ ป๊อป-นฤพนธ์ ไชยเพิ่ม ดีเจอารมณ์ดีจาก Smile Radio พร้อมชวนไปงาน Christmas at the Palace งานดิสโก้ชวนระลึกบรรยากาศจากทีม Smile Radio

talk-with-dj-pop-thai-disco-SPACEBAR-Spotlight
หากพูดถึงดิสโก้ เราจะนึกถึงอะไรกันมากที่สุด? ลูกบอลดิสโก้ที่หมุนส่องแสงระยิบระยับบนเพดาน หรือจะเป็นท่าเต้นสุดไอคอนิกบนเฟลอร์แดนซ์ หรือจะเป็นหนังที่ จอห์น ทราโวลตา (John Travolta) เล่นในเรื่อง Saturday Night Fever สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นกระแสนิยมที่เกิดขึ้นในช่วง 1970s ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ส่งอิทธิพลไปไกลทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเองก็เคยมียุคทองของดิสโก้ด้วยเช่นกัน 
 
เชื่อว่าคนเจนฯ นี้คงนึกถึงภาพบรรยากาศดิสโก้ในประเทศไทยไม่ออกกันแน่ๆ เพราะถ้ามองสถานที่ท่องเที่ยวรอบตัวในตอนนี้ก็คงไม่เจอร่องรอยเกี่ยวกับดิสโก้หลงเหลืออยู่แล้ว เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ ป๊อป-นฤพนธ์ ไชยเพิ่ม ดีเจอารมณ์ดีจาก Smile Radio เกี่ยวกับดิสโก้เมื่อวันวานในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัฒนธรรมการท่องเที่ยว ความเจ๋งของดนตรีดิสโก้ ท่าเต้น การแต่งตัว รวมไปถึงสถานที่ที่วัยรุ่นไทยวัยโจ๋ในยุคนั้นต้องเที่ยวกัน
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2ugyVfZvczjorar805iCzm/ee48a2a3b90bac26c90258ddc7634d03/talk-with-dj-pop-thai-disco-SPACEBAR-Photo01
ใครที่ยังไม่รู้จักดนตรีแนวดิสโก้ ดนตรีแนวดิสโก้เป็นดนตรีที่พัฒนามาจากดนตรีแนวบลูส์ โซล และฟังก์ โดยมีจุดเด่นพิเศษคือจังหวะที่สนุกสนาน บวกกับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังมาแรงในยุคนั้น ดิสโก้จึงกลายเป็นเพลงสมัยใหม่ที่สามารถขับเคลื่อนชีวิตวัยรุ่นยุคนั้นด้วยสีสัน และที่สำคัญคือดนตรีดิสโก้สามารถแสดงภาพจำของชีวิตกลางคืนที่สนุกสนานได้เป็นอย่างดี 
 
“ดิสโก้เป็นภาพของไนท์ไลฟ์ ความรุ่มรวย ความหรูหรา ของคนในยุคนั้น มีเรื่องของปาร์ตี้ การแต่งตัว แฟชั่น เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างคลับสตูดิโอ 54 (Studio 54) ทุกคืนที่นั่นจะคลาคล่ำไปด้วยคนทุกแวดวง นางแบบ ดาราฮอลลีวูด บุคคลสำคัญทางการเมืองเข้ามารวมตัวกัน” ดีเจป๊อปเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส 
 
ย้อนกลับไปในช่วงนั้น คลับดิสโก้แทบจะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เพราะเป็นเสมือนสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่เต็มไปด้วยมิติหลายอย่าง สำหรับคนที่โด่งดังเป็นสถานที่ที่สามารถมาออกงานสังคมกับคนในวงการได้ หรือสำหรับคนทั่วไปก็สามารถเป็นพื้นที่ความบันเทิงได้ ทั้งนัดเจอเพื่อน นัดเดท หรือพบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตาได้เช่นกัน  
 
“พฤติกรรมการเที่ยวของคนยุคนั้นไม่เหมือนกับคนยุคนี้ คือคนยุคนั้นมีหลายเจนฯ ตั้งแต่ผู้ใหญ่ คนเริ่มทำงาน เด็กมหา'ลัย เด็กมัธยมปลาย ทุกคนมองว่าการได้ไปสังสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคลับหรู คลับถูก ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/qzCDNTxy0Df6GscMNbfcO/5dd416698052cc797ec255f31df49301/talk-with-dj-pop-thai-disco-SPACEBAR-Photo02
Photo: The Palace The Best In Discotheque
ถ้าเป็นที่เมืองไทยเราคงต้องพูดถึง The Palace ดิสโก้เธคในตำนานของหนุ่มสาวยุค 70s-80s ถ้าเทียบเป็นพุทธศักราชคงเป็นช่วง พ.ศ. 2527-2535 ดีเจป๊อปเล่าให้ฟังว่าที่ The Palace นั้นไม่แค่การเปิดเพลงดิสโก้ แต่ยังมีการขับรถมาจอดโชว์ มีการประลองรถแต่งสวยๆ มากมาย รวมถึงสถานที่ต่างๆ อย่างสยาม หรือย่านวิภาวดี-รังสิต บริเวณตึกไทยรัฐ เป็นต้น  
 
“คนที่ชอบแข่งรถจะไปเที่ยวด้วยการซิ่ง โชว์ จอด และไปวนหน้าคลับที่ The Palace ส่วนคนที่ไปดูก็จะปรบมือเชียร์กัน เบื่อๆ ก็เข้าไปเต้นต่อ ทุกคนมากันเป็นทีม ในทีมเป็นเด็กมัธยมปลายที่มีนักแข่งรถประจำโรงเรียน ซึ่งแต่ละโรงเรียนก็จะมีทีมของตัวเอง เหมือนในหนังเลย ทุกสัปดาห์ในย่านวิภาวดี-รังสิต การบินไทย ไทยรัฐ จะเป็นสนามประลองรถ แต่ไม่ได้แข่งเอาเป็นเอาตายนะ เป็นการอวดการแต่งรถมากกว่า” 
 
“ถ้าเป็นที่อื่นก็จะเป็นดังกิ้นโดนัท สยาม สาขาแรกๆ เลย มีสกาล่าด้านล่างตรงข้ามสยามเซ็นเตอร์ บางคนนั่งบันไดสยามเซ็นเตอร์ เมื่อก่อนเป็นบันไดแบบอัฒจันทร์เลย เป็นชั้นๆ นั่งออกันตรงนั้น และมักมีแมวมองมาดู ซึ่งมีคนแจ้งเกิดเป็นดารา นักร้อง จากตรงนั้นเยอะเหมือนกัน” ดีเจป๊อปกล่าว
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6bum4BWw3axbMCsyfewNLN/2ad8cd6740ae79430866b4b26488cc62/talk-with-dj-pop-thai-disco-SPACEBAR-Photo03
อย่างที่รู้กันว่ากระแสการฟังเพลงไทยในยุคนั้น เป็นการรับอิทธิพลมาจากตะวันตกเต็มๆ อะไรที่เป็นของใหม่มาแรงไทยก็จะโอบรับเข้ามาด้วย เช่นเดียวกันกับดิสโก้ที่กำลังเป็นกระแสมาแรงในฝั่งตะวันตก ที่นอกจากไทยที่รับมาแล้ว ก็ยังมีประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน 
 
ขณะที่วัฒนธรรมดิสโก้กำลังคุกรุ่นในไทย บรรดานายทุน เจ้าของสถานบันเทิง ก็เริ่มหันมาลงทุนทำคลับกันมากมาย จนกลายมาเป็นสถานบันเทิงที่วัยรุ่นทุกคนต้องไปเที่ยวกัน ดีเจป๊อปยังเล่าให้ฟังว่า ยุคนั้นไม่มีแค่คลับหรือดิสโก้เธคเอาไว้เต้นกันอย่างเดียว แต่ยังมีคลับที่เป็นพื้นที่สำหรับเด็กวัยใสอีกด้วย ถ้าใครเคยดูซีรีส์ Stranger Things ซีซัน 4 จะพบฉากที่อีเลฟเวนเล่นโรลเลอร์สเก็ตอยู่บนลานท่ามกลางเสียงดนตรีที่ครึกครื้น ซึ่งในประเทศไทยก็เคยมีลานสเก็ตแบบนั้นเช่นกัน 
 
“มันเป็นการจำลองดิสโก้มาไว้ในลานสเก็ต ในลานสเก็ตจะติดแอร์ ติดไฟแบบดิสโก้ มีลำโพง มีดีเจเปิดแผ่น มีดีเจแซว และเล่นเป็นรอบๆ กันไป ลานแบบนี้มีทุกที่ อนุสาวรีย์ฯ ประตูน้ำ บางลำภู สมัยนั้นกฎหมายไม่ค่อยรุนแรงเลยมีการขายเครื่องดื่มมึนเมา เบียร์ เป็นปกติ ปัจจุบันไม่มีแล้ว”
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1FV4nZ3ZlN2YBKwTDn7AU2/2eac93e2f6979ab95cbdf6d91e8566f2/talk-with-dj-pop-thai-disco-SPACEBAR-Photo04
Photo: The Palace The Best In Discotheque
ส่วนสำหรับคลับกลางคืนที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ที่เด่นๆ ดังๆ ในยุคนั้น ก็จะมี ซุปเปอร์สตาร์ พัฒน์พงศ์ ที่พัทยามีดิสโก้ดั๊ก (Disco Duck) และพัลลาเดียม (Palladium) ถ้าหรูขึ้นมาหน่อยก็เป็น บับเบิลส์แอนด์บียอนด์ (Bubbles & Beyond) โรงแรมดุสิตธานี แต่ถ้าเป็นระดับหรูหราที่ใครๆ ก็ต้องนึกถึงคือไดอาน่า โรงแรมโอเรียนเต็ล 
 
ดีเจป๊อปอธิบายว่าแต่ละแห่งที่กล่าวมาก็จะแบ่งเป็นกลุ่มคนเที่ยวที่แตกต่างกันไปทั้งอาชีพและช่วงวัย แต่คลับที่รวมคนหลายกลุ่มกันอย่างแท้จริงคือ The Palace  
 
“The Palace ครอบคลุมหมดเลย ยุคนั้นไม่ได้เข้มเรื่องตรวจบัตร คนมาเที่ยวในชุดนักเรียนก็ยังมี แบบเอาชุดมาเปลี่ยนข้างหน้าแล้วค่อยไปเที่ยว บางคนมาทั้งชุดนอน แบบหนีที่บ้านมาเที่ยวก็มี The Palace คือที่ที่ทุกคนอยากไป ถึงแม้ว่าไปแล้วจะไม่รู้จักใคร แต่ก็ไปเพื่อได้เจอคนที่เราอยากเจอ” 
 
“ถ้าไปคลับอื่นเราอาจไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง แต่ที่ The Palace ใครเขินคนก็ขึ้นไปเล่นพูลได้ มีเกมลุ้นรางวัล มีเครื่องม้าพยศเล่นได้ มีการประกวดแต่งกายกันอย่างสนุกสนาน มีฟลอร์แดนซ์ มีดาราที่อยู่ในมุมของเขา ซึ่งหลายคนรู้กันว่าถ้าเฉียดไปมุมนี้ จะได้กระทบไหล่ดารา”
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3hT7sVLi0neVY63vEiXTZh/eee28a117687fbb218d4426a2cd16bba/talk-with-dj-pop-thai-disco-SPACEBAR-Photo05
Photo: The Palace The Best In Discotheque
ที่ขาดไม่ได้เลยคือท่วงท่าในการเต้น ในการมาเที่ยวดิสโก้เธคสิ่งที่ทุกคนจะมาฉายแววกันคือท่าเต้นที่สนุกสอดคล้องกับจังหวะเพลงดิสโก้ ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ยุคนั้นยังไม่มีมิวสิกวิดีโอ พัฒนาการของท่าเต้นจึงเกิดการคิดขึ้นเองบ้าง หรือจดจำตามกันมาบ้าง ซึ่งต่างจากสมัยนี้ที่มีการจดจำท่าแบบตายตัวจากมิวสิกวิดีโอ หรือจากศิลปินบนจอโทรทัศน์  
 
“ก่อนที่จะมาดิสโก้ เป็นการเต้นบัมพ์ ซึ่งเป็นการเต้นขยับในระดับที่รุนแรงกว่าเต้นลีลาศ วัยรุ่นในยุคนั้นรู้สึกว่าการเต้นลีลาศมันเชย เลยคิดอะไรใหม่ที่มันเต้นง่าย จึงสร้างการเต้นบัมพฺ์ขึ้น ที่้เรียกว่าเต้นบัมพ์ เพราะเป็นการเอาส่วนต่างๆ ของร่างกายมาปะทะกัน เริ่มจากไหล่ หันหลัง หมุนตัว เอว สะโพกชนกัน 
 
“จากการเต้นบัมพ์ก็ขยับมาเป็นเต้นดิสโก้ที่เริ่มรุนแรงมากขึ้น มีการย่อ หมุนเอว เหวี่ยงไปตามฟลอร์แดนซ์ มีเต้นเดี่ยว เต้นคู่ เต้นเป็นหมู่คณะ มีการออกแบบท่า มีหัวหน้าหมู่เต้นนำ ทุกคนเต้นพร้อมกันหมด เป็นภาพที่สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง มีการแบ่งกลุ่มเต้น แต่ละกลุ่มที่มีความแตกต่างกันมาแข่งขันประชันกัน”  
 
จากจุดสูงสุดในยุค 80s ดิสโก้เริ่มเสื่อมความนิยมลงในยุค 90s กลางๆ จากการนิยมฟังเพลงแบบวงดนตรีที่เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมการฟังดนตรีของคนที่เริ่มมีความหลากหลายขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างที่เขาว่ากันว่า กระแสต้องมีวันที่ผ่านพ้นไป ดนตรีดิสโก้เริ่มมีมากเกินไป ไม่ว่าไปที่คลับไหนก็มีการเปิดเพลงดิสโก้ เมื่อมากเกินไป ผู้คนก็เริ่มเกิดความเบื่อหน่ายมากขึ้น จึงมีการค้นหาเพลงใหม่ๆ ฟังกันมากขึ้น เช่น ฮิปฮอป ป๊อป ร็อก อัลเทอร์เนทีฟ เป็นต้น
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4ygstsZ3moOUBpNum6DI2n/a980fd28b4696557ffb56420789e4312/talk-with-dj-pop-thai-disco-SPACEBAR-Photo06
ต่อให้ยุคทองดิสโก้จะไม่มีแล้ว คนเจนฯ ใหม่ก็เริ่มหันกลับมาฟังเพลงดิสโก้กันมากขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ด้วยโอกาสนี้เอง ทาง Smile Radio จึงได้จัดงานขึ้นเพื่อย้อนวันวานยุคทองดิสโก้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ในงาน ‘Christmas at the Palace’ งานที่จะพาคุณย้อนวันวานกลับไปสัมผัสบรรยากาศดิสโก้เธคแบบ The Palace อีกครั้ง พร้อมพบดีเจมากมายจาก Smile Radio มาเปิดเพลงที่คุ้นเคยกันอีกครั้ง ตั้งแต่ Earth Wind & Fire, Anita Ward, Bee Gees, Boney M., The Trammps ไปจนถึง Madonna  
 
นอกจากมีการเปิดเพลงดิสโก้แล้ว ยังมีการลุ้นรางวัลอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตั๋วเครื่องบิน วอยเชอร์ พร้อมลุ้นเลขสลาก และสร้างความทรงจำดีๆ ในเทศกาลคริสต์มาสด้วยนักร้องจากคณะประสานเสียงมาร้องเพลงให้ฟัง มีพี่อุ้ย-รวิวรรณ จินดา มาร้องเพลงให้ฟัง 
 
Smile Radio Christmas at the Palace จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2565 ณ โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ ในราคาบัตร 3,000 บาท สามารถซื้อบัตรกันได้แล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือสอบถามทางไลน์ @smileradio 
 
ติดตามการเคลื่อนไหวทาง Facebook บนแฟนเพจ Smile Radio และสามารถติดตามฟังรายการวิทยุได้ทั้งเว็บไซต์ smileradio.live และบนแอปพลิเคชัน ‘Smile Radio’ 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์