งานแต่งงาน ยังจำเป็นต่อชีวิตคู่อยู่หรือไม่ กับงานที่ใช้เงินมหาศาล และเต็มไปด้วยปากเสียงที่ไม่ลงรอย

26 พ.ย. 2566 - 07:00

  • ด้วยภาวะเศรษฐกิจเป็นพิษ รวมทั้งหน้าตาของทั้งสองครอบครัวที่จะต้องดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน คิดว่า งานแต่งงานยังคงสำคัญอยู่หรือไม่

  • งานแต่งงาน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ลองมาชั่งน้ำหนักกันว่า จริงๆ แล้วมันดีจริงๆ หรือ

The-important-of-wedding-day-SPACEBAR-Hero.jpg

อย่างที่ทราบกันว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี มักจะเป็นช่วงที่คู่บ่าว-สาว จัดงานแต่งงานมากที่สุด ก็เลยอยากจะชวนทุกคนมาถกกัน ในประเด็นเรื่อง ‘งานแต่งงาน ในยุคนี้ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่’ ซึ่งงานแต่งงานที่กล่าวถึงในบทความนี้ หมายถึง งานฉลองมงคลสมรส หรือ งานฉลองแต่งงาน ที่จะจัดขึ้นหลังจากพิธีหมั้นหมาย ที่มีการสวมแหวนและยกสินสอดแล้ว 

เท่าที่ กก. ได้พูดคุยกับเหล่าคนที่พร้อมถึงวัยที่จะต้องแต่งงานแล้ว หรือช่วงวัย 22 – 35 ปี (นับว่าเป็นช่วงวัยที่หลายๆ คน ได้เข้าพิธีวิวาห์เพื่อเริ่มต้นชีวิตกับครอบครัวใหม่) คนส่วนหนึ่งยังคงบอกว่า งานฉลองมงคลสมรสยังคงสำคัญเนื่องจากอยากให้แขกที่มาร่วมงาน ได้ร่วมแสดงความยินดีกับการแต่งงาน มาร่วมชมการตัดเค้ก และร่วมลุ้นว่าใครจะได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวไป 

แต่ก็มีคนอีกส่วนหนึ่งมองว่า การจัดงานฉลองมงคลสมรส เป็นเรื่องสิ้นเปลือง รวมไปถึงบางคนบอกว่า เพียงแค่งานหมั้น และพิธีมอบสินสอดก็ยังมองว่าไม่จำเป็นแล้วในยุคสมัยนี้ เพราะสุดท้ายการจัดงาน ล้วนแต่มีค่าใช้จ่าย ข้อดีก็มีและข้อเสียก็มีเช่นกัน 

ในส่วนของข้อดี ก็คือ การจัดงานแต่งงาน นับว่าเป็นการให้เกียรติครอบครัวของแฟน โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าสาว ที่ฝั่งเจ้าบ่าวต้องมาสู่ขอลูกสาวที่พ่อตาแม่ยายได้ฟูกฟักเลี้ยงดูมาจนโต จนถึงขนาดออกเย้าออกเรือนได้แล้ว รวมไปถึงการได้แต่งตัวสวยๆ ที่เจ้าสาวใฝ่ฝันว่าจะสวมชุดวิวาห์สักครั้งหนึ่งในชีวิต ก็นับว่าเป็นการสานฝันเช่นกัน อีกทั้งยังมีการกลับมารวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนที่เมื่อเรียนจบไปก็ไม่ได้เจอกันเลย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ในงานแต่งงานด้วย 

แต่ในส่วนของข้อเสีย ก็คือการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น ทั้งการจ้างออแกไนซ์มาช่วยจัดงาน การเช่าชุดต่างๆ ในแต่ละพิธี ไม่ว่าจะเป็นชุดไทยในพิธีสงฆ์ และชุดหมั้นหมาย รวมไปถึงชุดฉลองงานแต่งด้วย บางรายยังมีชุด After Party อีก 

ไหนจะซองที่ฝั่งเจ้าบ่าวจะต้องใส่เพื่อมอบให้กับประตูเงินประตูทอง ที่ดูเหมือนว่าแต่ละงานจะไม่ได้มีแค่ 5 ประตูอย่างที่ใจหวัง แต่ดันมีประตูเพิ่มอีกมากมายจากฝ่ายเจ้าสาวที่ไม่เตรียมไว้ นั่นยิ่งเป็นบ่อเกิดแห่งการพูดจาถากถางได้ ถ้าหากว่าในซองมีเงินเพียงเล็กน้อย และถ้าหากเงินค่าสินสอดที่วางไว้มีไม่สมฐานะของเจ้าสาว ก็อาจจะทำให้หลายๆ คน มองว่าฝั่งเจ้าบ่าวไม่เพียบพร้อมในฐานะเอาซะเลย 

ซึ่งจริงๆ แล้วค่าจัดงานแต่งงานทั้งหมด ในปัจจุบันก็เป็นเงินสะสมที่ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ช่วยกันเก็บหอมรอมริบมาเพื่อจัดงานแต่งงานให้ตัวเองทั้งสิ้น และด้วยความที่หน้าตาของบ่าว-สาวนั้นสำคัญ และแล้วก็จะมีการกู้ยืมเงินมาเพื่อจัดงาน สุดท้ายก็เป็นหนี้ เพราะถ้าจะหวังแค่ซองจากผู้มาร่วมงานแสดงความยินดีก็คงจะไม่พอ ไหนจะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยังไม่มั่นคงพอที่จะใช้เงินสิ้นเปลืองได้ด้วย 

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงจะฉงนใจว่า จริงๆ แล้วงานแต่งงานมีไว้เพื่ออะไร หลายๆ คน คิดหาแนวทางการแก้ไขที่จะไม่ทำให้ครอบครัวฝั่งเจ้าสาวรู้สึกไร้เกียรติ ก็จะมีการจัดงานแต่งเงียบๆ ที่มีเพียงครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น เพื่อทำให้พิธีการสู่ขอสมบูรณ์  

งานแต่งงาน แท้จริงแล้วไม่ใช่งานของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเพียงเท่านั้น ดังคำกล่าวที่ว่า “การแต่งงาน คือการแต่งกับครอบครัวของอีกฝั่ง ใช่ว่าจะแต่งแค่กับลูกของเขาเพียงเท่านั้น” ทั้งนี้แล้ว แล้วคุณผู้อ่านล่ะ? คิดว่างานแต่งงานในปัจจุบันนี้ยังสำคัญอยู่หรือไม่

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์