
“Everyday with iKON is like a Birthday, move stupid like it’s your Birthday”
ประโยคจาก ‘บ็อบบี้’ เมนแร็ปเปอร์ของวง iKON และเนื้อเพลงท่อนฮิตจากเพลง ‘Bithday’ น่าจะอธิบายบรรยากาศโดยรวมของคอนเสิร์ตนี้ได้ดีที่สุด เพราะที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 เมืองทองธานี วันที่ 29 กรกฏาคมที่ผ่านมา สมาชิก iKON ทั้ง 5 คนได้พาแฟนๆ Take Off ไปกับความสนุกสนานและความมันส์สุดขีดถึงขนาดที่ช่วงเวลากว่า 2 ชั่วโมง 25 นาทีนั้นดูสั้นเหมือนเพียง 5 นาทีเท่านั้น วันนี้ Spacebar VIBE เลยอยากพาทุกคนย้อนเวลากลับไปในคอนเสิร์ต มาดูกันว่าใน 2023 iKON WORLD TOUR TAKE OFF IN BANGKOK มีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นบ้าง
แต่ก่อนจะเหล่าบรรยากาศคอนเสิร์ตให้ได้อ่านกัน เราขอเหล่าให้ฟังก่อนว่า 2023 iKON WORLD TOUR TAKE OFF IN BANGKOK คือคอนเสิร์ตสำหรับอัลบัมเต็มที่ 3 ที่มีชื่อว่า Take Off ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา โดยภายในอัลบัมนี้ประกอบไปด้วยเพลงทั้งหมดจำนวน 10 เพลง และมีเพลง ‘U’ เป็นเพลงนำ ซึ่งสิ่งที่พิเศษคือจำนวน 9 ใน 10 เพลงได้สมาชิกของวงอย่าง บ็อบบี้ ดงฮยอก และจุนฮเว เข้ามาช่วยในการเขียนเนื้อร้อง และมากไปกว่านั้น สมาชิก 3 คน ได้แก่ ยุนฮยอง ดงฮยอก และจุนฮเว ยังได้ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวเป็นครั้งแรกหลังจากเดบิวต์มาแล้ว 8 ปีอีกด้วย
แต่ก่อนจะเหล่าบรรยากาศคอนเสิร์ตให้ได้อ่านกัน เราขอเหล่าให้ฟังก่อนว่า 2023 iKON WORLD TOUR TAKE OFF IN BANGKOK คือคอนเสิร์ตสำหรับอัลบัมเต็มที่ 3 ที่มีชื่อว่า Take Off ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา โดยภายในอัลบัมนี้ประกอบไปด้วยเพลงทั้งหมดจำนวน 10 เพลง และมีเพลง ‘U’ เป็นเพลงนำ ซึ่งสิ่งที่พิเศษคือจำนวน 9 ใน 10 เพลงได้สมาชิกของวงอย่าง บ็อบบี้ ดงฮยอก และจุนฮเว เข้ามาช่วยในการเขียนเนื้อร้อง และมากไปกว่านั้น สมาชิก 3 คน ได้แก่ ยุนฮยอง ดงฮยอก และจุนฮเว ยังได้ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวเป็นครั้งแรกหลังจากเดบิวต์มาแล้ว 8 ปีอีกด้วย


เริ่มต้นกันที่บรรยากาศหน้างาน เราจะเห็นผู้คนใส่เสื้อผ้าสีแดง สีประจำวง iKON มานั่งรอกันอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงบ่ายโมง สิ่งที่น่าสนใจคือโดยทั่วไปตามงานคอนเสิร์ตเกาหลีแบบนี้ เรามักจะเห็นกลุ่มคนช่วงวัยรุ่นเป็นหลัก แต่ในคอนเสิร์ตนี้เรากลับพบกลุ่มวัยทำงานและวัยกลางคนจำนวนมากเดินทางมาดูคอนเสิร์ตฮิปฮอปนี้ ซึ่งถึงแม้กลุ่มแฟนคลับจะมีช่วงวัยที่หลายหลาย แต่ทุกคนกลับดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี หลายคนพูดคุยและแบ่งปันเรื่องราวความชื่นชอบ ความตื่นเต้น ความดีใจให้กับผู้คนที่อยู่ข้างๆ ราวกับรู้จักกันดีอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากความน่ารักของเหล่า iKONIC ไทยที่เราได้เห็นหน้างาน เรายังได้เห็นบูธขาย Merch และแสตนดี้วัยเด็กสุดน่ารักของศิลปินที่ผู้คนพากันแวะเวียนเข้าไปถ่ายรูปคู่ด้วยอย่างไม่ขาดสาย
หลังจากเดินดูรอบๆ งานสักพัก ช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่เริ่มออกมาประกาศให้ผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมแบบยืนมารวมตัวกันที่ฮอลล์ 6 เพื่อทำการจัดแถวเข้าสู่ฮอลล์การแสดง ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าชมบัตรยืน โดยเราอยู่บริเวณ AL หรือหลุมฝั่งด้านขวาของเวที เราจึงเดินไปบริเวณฮอลล์ 6 เพื่อตั้งแถว การจัดการแถวถือว่าทำได้ดีมาก มีการวางลำดับแถวและขานเลขอย่างเป็นระบบ ทำให้ทุกคนไม่สับสน ไม่เบียดเสียดกัน และที่ดีอย่างมากคือการเปิดประตูตรงเวลา เมื่อถึงช่วงเวลา 17.00 น. ทุกคนที่อยู่โซนบัตรยืนได้ทยอยเข้าไปในฮอลล์จนหมดโดยใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น
เมื่อเข้ามาภายในฮอลล์ เราก็ได้พบกับจอขนาดใหญ่ที่ฉายคำว่า 2023 iKON WORLD TOUR TAKE OFF IN BANGKOK และเครื่องดนตรีมากมายที่ถูกเซ็ตไว้อย่างเรียบร้อย ตลอดเวลาที่อยู่ในฮอลล์จนถึงช่วง 18.10 น. ที่การแสดงเริ่ม ไม่มีผู้คนออกมาเซ็ตเวทีเพิ่มเติมเหมือนที่เราเห็นตามคอนเสิร์ตอื่นๆ เลยสักครั้ง ทุกอย่างเงียบเฉียบ นิ่งสนิท นั่นจึงทำให้ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อไฟดับลงและดนตรีเพลง ‘Tantara’ เริ่มขึ้น
หลังจากเดินดูรอบๆ งานสักพัก ช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่เริ่มออกมาประกาศให้ผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมแบบยืนมารวมตัวกันที่ฮอลล์ 6 เพื่อทำการจัดแถวเข้าสู่ฮอลล์การแสดง ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าชมบัตรยืน โดยเราอยู่บริเวณ AL หรือหลุมฝั่งด้านขวาของเวที เราจึงเดินไปบริเวณฮอลล์ 6 เพื่อตั้งแถว การจัดการแถวถือว่าทำได้ดีมาก มีการวางลำดับแถวและขานเลขอย่างเป็นระบบ ทำให้ทุกคนไม่สับสน ไม่เบียดเสียดกัน และที่ดีอย่างมากคือการเปิดประตูตรงเวลา เมื่อถึงช่วงเวลา 17.00 น. ทุกคนที่อยู่โซนบัตรยืนได้ทยอยเข้าไปในฮอลล์จนหมดโดยใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น
เมื่อเข้ามาภายในฮอลล์ เราก็ได้พบกับจอขนาดใหญ่ที่ฉายคำว่า 2023 iKON WORLD TOUR TAKE OFF IN BANGKOK และเครื่องดนตรีมากมายที่ถูกเซ็ตไว้อย่างเรียบร้อย ตลอดเวลาที่อยู่ในฮอลล์จนถึงช่วง 18.10 น. ที่การแสดงเริ่ม ไม่มีผู้คนออกมาเซ็ตเวทีเพิ่มเติมเหมือนที่เราเห็นตามคอนเสิร์ตอื่นๆ เลยสักครั้ง ทุกอย่างเงียบเฉียบ นิ่งสนิท นั่นจึงทำให้ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อไฟดับลงและดนตรีเพลง ‘Tantara’ เริ่มขึ้น


5 หนุ่ม iKON ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมชุดสีเงินเมทัลลิกเงาวับตามคอนเซ็ปต์อวกาศครั้งนี้ จากฮอลล์ที่เงียบสงัดเมื่อสักครู่ กลับเต็มไปด้วยเสียงเชียร์ของแฟนๆ ดังกึกก้องฮอลล์ ผู้คนพากันโบกแท่งไฟสีแดงในมือพร้อมกระโดดสนุกสนานไปกับเพลงใหม่ของอัลบัมนี้ ก่อนจะร่วมกันเปร่งเสียงร้องเพลง ‘SINOSIJAK’ เพื่อเป็นการบอกถึงการเริ่มต้นคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการตามเนื้อเพลงนี้ที่ร้องว่า It’s showtime นั่นเอง ซึ่งเพียงแค่เริ่มต้นเพลงที่ 2 ทุกคนก็เริ่มกระโดดเต้นกันสุดตัวแล้ว เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน กระโดดมันส์ๆ อย่างต่อเนื่องไปยาวๆ ถึง 4 เพลงเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากเพลงที่ 4 เพลง ‘Ar Ease’ จบลง หนุ่มๆ ก็กล่าวต้อนรับทุกคนเข้าสู่งานคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการพร้อมพูดคุยถึงความดีใจที่ได้กลับมาเจอ iKONIC ไทยบ่อยๆ ในปีนี้
หลังจากพูดคุยและหายลงไปจากเวทีประมาณ 3 นาที iKON ก็ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมพาทุกคนไปสนุกกับเพลงระดับตำนานต่างๆ ของพวกเขา อย่าง ‘Killing Me’ ที่มีการทำดนตรีใหม่ให้มีความร็อกมากยิ่งขึ้น พร้อมเซอร์ไพรส์แฟนๆ ด้วยภาพ จินฮวาน สมาชิกพี่ใหญ่ของวงที่เพิ่งมีประกาศเรียกเข้ากรมไปก่อนจัดคอนเสิร์ตที่ไทยเพียงไม่กี่สัปดาห์ ทำเอาแฟนๆ ตกใจส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ ต่อด้วยเพลง ‘Rythm Ta’ และ ‘Bling Bling’ เพลงฮิปฮอปที่เปิดตามสถานบันเทิงทุกที่ทำคนโยกตามกันทั่วเมือง ตามมาด้วยเพลง ‘Love Scenario’ เพลงติดหูที่ได้ยินเมื่อไรต้องร้องตามจนถึงขั้นเคยโดนสั่งห้ามเปิดในโรงเรียนเพราะทำให้เด็กๆ ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือมาแล้ว ก่อนจะปิดท้ายช่วงนี้ด้วยเพลง ‘U’ เพลงนำของอัลบัมทำนองสนุกสนานที่ทุกคนช่วยกันตะโกนร้องอย่างเสียงดัง ตลอดการแสดงทุกเพลง เราจะเห็นภาพบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตของจินฮวานตัดสลับกับภาพแสดงสดบนเวทีเสมอ ทุกพาร์ทของเขาจะถูกสมาชิกเว้นไว้ให้ โดยจะมีเสียง Backing Track ของจินฮวานคลอตามเบาๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนเขาไม่ได้หายไปไหนและมาอยู่ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย
เมื่อพาทุกคนย้อนวันวานอยากสนุกสนานแล้ว สมาชิกแต่ละคนก็มาพูดคุยกับแฟนๆ พร้อมแอบสปอย์เพลงใหม่ให้ฟังอย่างสบายใจ เนื่องจากไม่มีพี่ใหญ่ของวงมาคอยนั่งห้ามแล้วในคอนเสิร์ตนี้ พวกเขาเล่าให้ฟังว่า “ในอีกไม่นานกำลังจะมีเพลงใหม่ออกมาอีก 1 เพลง ซึ่งจะเป็นเพลงสนุกสนานที่มีกลิ่นอายดนตรีเท่ๆ ตามแบบฉบับของ iKON” พร้อมทั้งบอกว่า “ไม่ใช่แค่วงเท่านั้นที่จะมีเพลงใหม่ แต่บ็อบบี้ก็กำลังแอบซุ่มทำอัลบัมใหม่ของตัวเองเช่นกัน อยากให้แฟนๆ ช่วยติดตามและสนับสนุนพวกเขาในอนาคตด้วย” หลังพูดคุยกันสักพัก 3 หนุ่ม อย่าง ดงฮยอก ยุนฮยอง และจุนฮเว ก็ไปเตรียมตัวสำหรับเวทีโซโล่ของตัวเอง ทิ้งพี่ใหญ่กับน้องเล็กอย่าง บ็อบบี้และชานอูคุยเล่นกับแฟนเพลงไปพลางๆ ทั้งคู่พูดคุยเกี่ยวกับอาหารไทยและแข่งกันพูดประโยคภาษาไทยขโมยหัวใจสาวๆ โดยให้ iKONIC เป็นคนตัดสินว่าใครทำใจเต้นกว่ากันผ่านเสียงกรี๊ด ซึ่งชานอูก็ชนะไปด้วยประโยค “เธอน่ารักจัง ให้ผมไปส่งบ้านไหม”
หลังจากพูดคุยและหายลงไปจากเวทีประมาณ 3 นาที iKON ก็ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมพาทุกคนไปสนุกกับเพลงระดับตำนานต่างๆ ของพวกเขา อย่าง ‘Killing Me’ ที่มีการทำดนตรีใหม่ให้มีความร็อกมากยิ่งขึ้น พร้อมเซอร์ไพรส์แฟนๆ ด้วยภาพ จินฮวาน สมาชิกพี่ใหญ่ของวงที่เพิ่งมีประกาศเรียกเข้ากรมไปก่อนจัดคอนเสิร์ตที่ไทยเพียงไม่กี่สัปดาห์ ทำเอาแฟนๆ ตกใจส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ ต่อด้วยเพลง ‘Rythm Ta’ และ ‘Bling Bling’ เพลงฮิปฮอปที่เปิดตามสถานบันเทิงทุกที่ทำคนโยกตามกันทั่วเมือง ตามมาด้วยเพลง ‘Love Scenario’ เพลงติดหูที่ได้ยินเมื่อไรต้องร้องตามจนถึงขั้นเคยโดนสั่งห้ามเปิดในโรงเรียนเพราะทำให้เด็กๆ ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือมาแล้ว ก่อนจะปิดท้ายช่วงนี้ด้วยเพลง ‘U’ เพลงนำของอัลบัมทำนองสนุกสนานที่ทุกคนช่วยกันตะโกนร้องอย่างเสียงดัง ตลอดการแสดงทุกเพลง เราจะเห็นภาพบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตของจินฮวานตัดสลับกับภาพแสดงสดบนเวทีเสมอ ทุกพาร์ทของเขาจะถูกสมาชิกเว้นไว้ให้ โดยจะมีเสียง Backing Track ของจินฮวานคลอตามเบาๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนเขาไม่ได้หายไปไหนและมาอยู่ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย
เมื่อพาทุกคนย้อนวันวานอยากสนุกสนานแล้ว สมาชิกแต่ละคนก็มาพูดคุยกับแฟนๆ พร้อมแอบสปอย์เพลงใหม่ให้ฟังอย่างสบายใจ เนื่องจากไม่มีพี่ใหญ่ของวงมาคอยนั่งห้ามแล้วในคอนเสิร์ตนี้ พวกเขาเล่าให้ฟังว่า “ในอีกไม่นานกำลังจะมีเพลงใหม่ออกมาอีก 1 เพลง ซึ่งจะเป็นเพลงสนุกสนานที่มีกลิ่นอายดนตรีเท่ๆ ตามแบบฉบับของ iKON” พร้อมทั้งบอกว่า “ไม่ใช่แค่วงเท่านั้นที่จะมีเพลงใหม่ แต่บ็อบบี้ก็กำลังแอบซุ่มทำอัลบัมใหม่ของตัวเองเช่นกัน อยากให้แฟนๆ ช่วยติดตามและสนับสนุนพวกเขาในอนาคตด้วย” หลังพูดคุยกันสักพัก 3 หนุ่ม อย่าง ดงฮยอก ยุนฮยอง และจุนฮเว ก็ไปเตรียมตัวสำหรับเวทีโซโล่ของตัวเอง ทิ้งพี่ใหญ่กับน้องเล็กอย่าง บ็อบบี้และชานอูคุยเล่นกับแฟนเพลงไปพลางๆ ทั้งคู่พูดคุยเกี่ยวกับอาหารไทยและแข่งกันพูดประโยคภาษาไทยขโมยหัวใจสาวๆ โดยให้ iKONIC เป็นคนตัดสินว่าใครทำใจเต้นกว่ากันผ่านเสียงกรี๊ด ซึ่งชานอูก็ชนะไปด้วยประโยค “เธอน่ารักจัง ให้ผมไปส่งบ้านไหม”


หลังจากผลการตัดสินของแฟนๆ ทั้งบ็อบบี้และชานอูก็ขอตัวลงจากเวทีเพื่อส่งต่อช่วงเวลาให้ดงฮยอกในเพลง ‘Kiss Me’ สุดเซ็กซี่ที่ทำเอาแฟนๆ กรี๊ดแทบเป็นลม ต่อด้วยจุนฮเวกับการปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกีต้าร์โปร่งในเพลง ‘Want You Back’ เพลงป็อบ R&B ที่ถูกขับร้องด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่เป็นเอกลักษณ์ ผนวกกับเสียงกีต้าร์ที่ถูกดีดผ่านนิ้วเรียวยาวของเขาสามารถสะกดแฟนๆ ในฮอลล์ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินก็ต้องประหลาดใจที่อยู่ดีๆ เราก็เห็นบ็อบบี้เดินเข้ามาร่วมแจมเวทีของจุนฮเวด้วยอย่างงงๆ แต่กลับสนุกอย่างประหลาด เมื่อเพลงคู่ของทั้งสองจบลง บ็อบบี้ก็เริ่มแร็ปเพลง ‘HeartBROKEN PlaYBoY’ ของเขาอย่างร่าเริง ความสนุกยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนถึงเวทีของยุนฮยองกับเพลงทร็อต หรือเพลงลูกทุ่งเกาหลีอย่าง ‘Fighting’ แม้จะดูเป็นแนวดนตรีที่ไม่เข้ากันเลยสักอย่าง จากเพลงเซ็กซี่ มาเศร้า สู่ร่าเริง และจบลงที่เพลงลูกทุ่ง แต่เมื่อนำมาเลี้ยงต่อกัน รวมกับความน่ารักและเอเนอร์จี้ของสมาชิกกลับทำให้เวทีในช่วงนั้นสนุกและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะทั่วฮอลล์อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงขนาดเมื่อโชว์ทุกพาร์ทจบลง สมาชิกแต่ละคนยังต้องแซวและขำกันเองกับความขาดๆ เกินๆ ในคาแร็กเตอร์แต่ละคน


จบจากช่วงเวทีโซโล่ ก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ตที่สมาชิกพากันขนเพลงเต้นๆ โยกๆ พร้อมชวนกระโดดมาอย่างเต็มที่ ทั้งเพลง SINOSIJAK, What’s worng?, Dumb and Dumber, B-Day, Freedom, Bling Bling ทำเอาแฟนๆ ที่ซื้อบัตรนั่งยังต้องลุกขึ้นมากระโดดกันทุกคน พี่ๆ แดนเซอร์แต่ละคนก็ใส่เต็มไม่มียั้ง เลยยิ่งทำให้ตอนนั้นทุกคนเต้นลืมโลกกันไปหมด หนุ่มๆ นอกจากร้องเพลงก็ยังคอยเซอร์วิสแฟนๆ เสมอ คอยแวะเวียนมาวิ่งเล่น พูดคุย กระโดดใส่ และด้วยความที่พื้นที่จัดเป็นฮอลล์ขนาดเล็กเลยยิ่งทำให้มวลความสนุกสนาน ความบ้า ความสนิทสนมอบอวนไปโดยรอบ ส่วนตัวเรารู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่คอนเสิร์ตแต่คือปาร์ตี้ที่มี 5 หนุ่มเป็นเจ้าของงานมากว่า
หลังจากที่สนุกสนานกันไปเต็มที่กับลิสต์เพลงฮิตสุดมันส์แล้ว หนุ่มๆ 5 คนก็หายไปจากเวทีอีกครั้ง ทำเอาแฟนๆ ที่อารมณ์ค้างพากันตะโกนเรียกชื่อกันไม่มีพักเป็นเวลาหลายนาที เมื่อทุกคนเอาแต่ส่งเสียงและเฝ้ารออย่างไม่ย่อท้อ ก็มีหลอดวัดเดซิเบลปรากฏขึ้นบนจอเพื่อวัดเสียงของแฟนๆ ทุกคนจึงพากันกรี๊ดอย่างเอาเป็นเอาตายจนในที่สุดเมื่อมาตรวัดขึ้นเต็มปรอด 5 หนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดสีขาวที่มีโลโก้คอนเสิร์ตครั้งนี้ พร้อมเริ่มร้องเพลง ‘Driving Slowly’ เพลงใหม่ในอัลบัมนี้ แฟนๆ จึงพากันชูป้ายโปรเจ็คต์รูปดอกไม้ในครั้งนี้ให้ หลังร้องเพลงเสร็จ ยุนฮยองก็ถามแฟนๆ ด้วยความส่งสัยว่าป้ายดอกไม้คืออะไร แฟนๆ ก็เลยให้คำตอบเป็น VTR ที่จัดทำขึ้นเพื่อขอบคุณการเดินทางตลอด 8 ปีของพวกเขา ภายในเต็มไปด้วยภาพความทรงจำ และข้อความให้กำลังใจมากมายประกอบเพลง ‘Just For You’ ที่พวกเขาเคยแต่งขอบคุณแฟนๆ เมื่อนานมาแล้ว โดยเนื้อเพลงมีความหมายว่า ‘ขอบคุณที่อดทนรอกัน พวกเราจะพยายามทำให้ดีที่สุดให้สมกับความรักที่ได้รับ พวกเราจะอยู่ข้างแฟนๆ ให้นานเหมือนที่พวกคุณเคยรอเรา’ เมื่อ VTR จนลง พวกเขาก็หันมาพบกับป้ายโปรเจ็กต์ที่เขียนว่า ‘ไม่ว่าจะตอนเศร้าใจหรือสุขใจ จะอยู่ข้างๆ iKON ตลอดไป’ ซึ่งนั่นก็ทำให้สมาชิกหลายคนน้ำตาซึม เพราะในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับพวกเขา ทั้งการหายไปของหัวหน้าวง หรือการที่พี่ใหญ่เพิ่งเข้ากรมเมื่อเร็วๆ นี้ก็ตาม
หลังจากที่สนุกสนานกันไปเต็มที่กับลิสต์เพลงฮิตสุดมันส์แล้ว หนุ่มๆ 5 คนก็หายไปจากเวทีอีกครั้ง ทำเอาแฟนๆ ที่อารมณ์ค้างพากันตะโกนเรียกชื่อกันไม่มีพักเป็นเวลาหลายนาที เมื่อทุกคนเอาแต่ส่งเสียงและเฝ้ารออย่างไม่ย่อท้อ ก็มีหลอดวัดเดซิเบลปรากฏขึ้นบนจอเพื่อวัดเสียงของแฟนๆ ทุกคนจึงพากันกรี๊ดอย่างเอาเป็นเอาตายจนในที่สุดเมื่อมาตรวัดขึ้นเต็มปรอด 5 หนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดสีขาวที่มีโลโก้คอนเสิร์ตครั้งนี้ พร้อมเริ่มร้องเพลง ‘Driving Slowly’ เพลงใหม่ในอัลบัมนี้ แฟนๆ จึงพากันชูป้ายโปรเจ็คต์รูปดอกไม้ในครั้งนี้ให้ หลังร้องเพลงเสร็จ ยุนฮยองก็ถามแฟนๆ ด้วยความส่งสัยว่าป้ายดอกไม้คืออะไร แฟนๆ ก็เลยให้คำตอบเป็น VTR ที่จัดทำขึ้นเพื่อขอบคุณการเดินทางตลอด 8 ปีของพวกเขา ภายในเต็มไปด้วยภาพความทรงจำ และข้อความให้กำลังใจมากมายประกอบเพลง ‘Just For You’ ที่พวกเขาเคยแต่งขอบคุณแฟนๆ เมื่อนานมาแล้ว โดยเนื้อเพลงมีความหมายว่า ‘ขอบคุณที่อดทนรอกัน พวกเราจะพยายามทำให้ดีที่สุดให้สมกับความรักที่ได้รับ พวกเราจะอยู่ข้างแฟนๆ ให้นานเหมือนที่พวกคุณเคยรอเรา’ เมื่อ VTR จนลง พวกเขาก็หันมาพบกับป้ายโปรเจ็กต์ที่เขียนว่า ‘ไม่ว่าจะตอนเศร้าใจหรือสุขใจ จะอยู่ข้างๆ iKON ตลอดไป’ ซึ่งนั่นก็ทำให้สมาชิกหลายคนน้ำตาซึม เพราะในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับพวกเขา ทั้งการหายไปของหัวหน้าวง หรือการที่พี่ใหญ่เพิ่งเข้ากรมเมื่อเร็วๆ นี้ก็ตาม

เมื่อผ่านช่วงเวลาสุดซึ้งไปแล้ว สมาชิกก็ได้กล่าวขอบคุณแฟนๆ ก่อนจะเริ่มช่วงสุดท้ายของโชว์อย่างจริงจัง พวกเขาเริ่มต้นด้วยการสาดน้ำใส่แฟนๆ เหมือนที่เคยทำทุกครั้ง และเมื่อเรารู้ว่านี่คือโค้งสุดท้ายของโชว์แล้วก็รู้สึกใจหาย ช่วงเวลา 2 ชั่วโมงกว่ากับ iKON มันดูสั้นจนน่าตกใจ เพราะอย่างนี้ถึงมีคำว่า ‘ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ’ ก็เป็นได้ รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเพลง ‘Love Scenario’ อีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับเราคอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่เต็มอิ่มมากๆ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในทุกช่วงเวลากับสมาชิก ได้เห็นการเติบโตและพัฒนาการของพวกเขาตั้งแต่วันที่แข่งขันรายการ WIN จนถึงวันนี้ที่พวกเขาเริ่มแยกย้ายกันไปมีผลงานของแต่ละคนกันแล้ว ได้เห็นความผูกพันธ์ระหว่างวงที่ต่อให้ตัวจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว แต่พวกเขาจะมีพื้นที่ตรงนั้นเสมอ รวมถึงความรักและความใส่ใจที่พวกเขามีให้แฟนๆ ด้วย ในอนาคตก็หวังว่าเราจะได้กลับมาพบกันครบทั้ง 6 คน
‘ไม่ว่าจะตอนเศร้าใจหรือสุขใจ จะอยู่ข้างๆ iKON ตลอดไป’
แล้วไว้พบกันใหม่นะคะ
‘ไม่ว่าจะตอนเศร้าใจหรือสุขใจ จะอยู่ข้างๆ iKON ตลอดไป’
แล้วไว้พบกันใหม่นะคะ