Cocktail กับคอนเสิร์ตใหญ่ที่ราชมังคลากีฬาสถาน นี่น่าจะเป็นหมุดใหญ่ๆ ที่วงดนตรีทุกวง ใฝ่ฝันและต้องการจะไปให้ถึงสักครั้งในชีวิต และในครั้งนี้พวกเขาเดินทางมาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้ว แต่ความแตกต่างในการเดินทางมันกลับกลายเป็นว่า นี่คือคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเขาก่อนอำลาวงการเพลงไปอย่างเป็นทางการเสียอย่างนั้น ฉะนั้นแล้วผมในฐานะแฟนคลับของ Cocktail ตั้งแต่สมัยยังเป็น Underground จึงต้องขอไปเห็นกับตาสักครั้งว่า พวกเขาจะบอกลาแฟนเพลงอย่างไรกันในสถานที่สำคัญแห่งนี้ รวมไปถึงโชว์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะเป็นยังไง ในเมื่อสเกลทุกอย่างมันต้องใหญ่ขึ้นแบบหลายเท่าตัว ฉะนั้นแล้ว ต่อจากนี้คือ รีวิวของ Spacebar VIBE ครับ
(Spacebar VIBE ไปคอนเสิร์ต Cocktail EVER LIVE ในรอบวันที่ 30 มีนาคม ฉะนั้นแล้วปัญหาหรือสิ่งที่ติดขัดบางส่วนอาจได้ถูกรับการแก้ไขแล้วในวันที่ 31 มีนาคม)

เริ่มต้นกันถึงเรื่องของบรรยากาศภายในงานกันเลย ส่วนตัวผมต้องยอมรับเลยว่า เมื่อสอดส่ายสายตาไปพื้นที่บริเวณโดยรอบแล้วต้องบอกว่า คนเยอะมากๆ เยอะแบบสุดทางเดินก็เจอแต่ผู้คนที่ตั้งใจออกจากบ้านมาเพื่อดูคอนเสิร์ตนี้จริงๆ แม้ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันจะเกิดเหตุการณ์สำคัญของประเทศไทยอย่างแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในวงกว้าง แต่ก็ไม่ทำให้ความตั้งใจของแฟนเพลงลดลงแต่อย่างใด รวมไปถึงตัววงและผู้จัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้งานคอนเสิร์ตครั้งนี้เต็มไปด้วยมาตรการและความปลอดภัยจากเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้ ซึ่งต้องถือว่าตรงนี้เองเป็น Magic Moment ของ Cocktail Ever Live ไปโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

สิ่งที่น่าสนใจในเรื่องของการเข้างานและขอแสดงความเห็นในฐานะที่ผมผู้เขียนเองเป็นแฟนฟุตบอลทีมชาติไทยมาเป็นเวลานานและมาดูทีมชาติไทยอยู่บ่อยครั้งที่สนามกีฬาแห่งนี้ ต้องบอกว่า ระบบทางเข้ามันดูแน่นๆจนเกินไปจนรู้สึกว่า มันหายใจลำบากยังไงไม่รู้ ยิ่งในส่วนของระบบการสแกนบัตรเข้างานที่มีการแยกบัตรระหว่างคนที่ซื้อมาจาก แอพพลิเคชัน The Concert และ บัตรกระดาษ ทำไมรายละเอียดยุบยิบมันเยอะไปหมด ช่องทางในการเปิดให้เข้างานที่ไม่บาลานซ์กัน ทำให้คนมันกระจุกรอเข้างานกันไปหมดเลย ใช้เวลาเกือบ 25 นาทีในการได้รับบัตรที่แท้จริงในการเข้างานครั้งนี้ ซึ่งผมก็เชื่อเหมือนกันว่า ฟีดแบ็กอันนี้วันที่ 31 ทางทีมผู้จัดน่าจะแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เข้ามาถึงบรรยากาศในงานต้องบอกว่า ราชมังคลากีฬาสถาน ยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และปราบเซียนอยู่เสมอ ในเรื่องของสภาพภูมิอากาศ แรงซับของเสียงที่สะท้อนทำให้คุณภาพของซาวนด์ต่างๆ อาจจะไม่ได้ดีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันก็ทำได้ดีที่สุดเท่าที่ทุกคนจะทำกันได้แล้ว ผมเชื่อแบบนั้นเลยนะ เพราะ 4 ชั่วโมงที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตนี้มันเต็มอิ่มมากๆ แล้วสำหรับแฟนเพลงคนนึงที่คาดหวังว่าจะได้ฟังเพลงอะไรบ้าง แค่นั้นมันก็มีความสุขแล้วครับ

คอนเสิร์ตเริ่มต้นในช่วงเวลา 19.13 น. 6 หนุ่มสมาชิกวง Cocktail เดินขึ้นบนเวทีพร้อมกับกระหน่ำทุกเพลงที่พวกเขาเตรียมไว้อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร’, ‘สาวเซี่ยงไฮ้’, ‘ฉันร้องไห้เป็นหมื่น’, ‘งานเต้นรำในคืนพระจันทร์เต็มดวง’, ‘ช่างมัน’ , ‘เธอทำให้ฉันเสียใจ’, ‘ดีซะกว่า’ ก่อนที่ โอม นักร้องนำของวงจะแวะพูดคุยเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ Cocktail พูดน้อยมากๆ พวกเขาขนเพลงมาเล่นเยอะจนรู้สึกว่า พวกเขาตั้งใจมากจริงๆ กับคอนเสิร์ตนี้ ฉะนั้นแล้ว ความสนุกเกิดขึ้นต่อเนื่องทันที เมื่อเพลง ‘ดึงดัน’ ขึ้นมาและทุกคนลุ้นกันว่า ใครจะมาร้องเพลงนี้ร่วมกันกับวง Cocktail และเฉลยก็เกิดขึ้นเมื่อ Bowkylion เดินขึ้นเวทีมาพร้อมกับโชว์พลังเสียงลั่นราชมังคลากีฬาสถาน ก่อนที่จะแจมกันกับวงอีก 1 เพลงใน ‘วาดไว้’


องก์แรกของคอนเสิร์ตนี้ผ่านไปอย่างว่องไว วงเดินหน้าต่อทันทีในองก์ที่สองกับเพลง ‘น้ำหอม’, ‘สิ้นฤดู’ , ‘ระบำกลางไฟ’, ‘ทำดีไม่รู้จักจำ’, ‘ความคาดหวัง’ ที่ในเพลงนี้ได้เปิดตัว Guest ชุดใหญ่ไล่ไปเลยตั้งแต่ ตูน บอดี้แสลม, ปั๊บ โปเตโต้ และเจ๋ง บิ๊กแอส ก่อนที่จะต่อเนื่องในความรู้สึกหวือหวาครั้งนี้ด้วยเพลง ‘กาลเวลาพิสูจน์คน’ ที่ได้ ตูน บอดี้แสลม มาร่วมแจมด้วยในเพลงนี้ สร้างเสียงเฮดังลั่นทั่วราชมังคลากีฬาสถาน ก่อนที่วงจะหยิบเพลง ‘ลั่นทม’, ‘เรา’, ‘ไม่เป็นรอง’, ‘คู่ชีวิต’ ก่อนที่จะปิดองก์สองไปอย่างสวยงามชนิดที่ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากวงเลย เพราะอย่างที่เกริ่นไปวงมาเล่นดนตรีให้เต็มอิ่มจริงๆ


องก์ที่สามเดินทางมาถึงกับโชว์เพลงหน้า B ของคอนเสิร์ตนี้ เพลงที่ทุกคนอยากฟัง เพลงสายลึก สายดิ่งมีมาหมด การได้ยินเพลง วัย (ที่มีแขกรับเชิญอย่าง พี่โน่ - ดนัย, ต้น Asia7 และโยเย Asia7) มาร่วมแจมกันในเพลงนี้มันทำให้ความฝันของเด็กที่ฟังเพลงนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ดีใจมากๆ เมื่อได้ยินเพลงนี้ดังในคอนเสิร์ตอีกครั้ง รวมไปถึงเพลง ความเยาว์ ของ The Darkest Romance เพลงของทีมงานคู่บุญของ Cocktail ที่ดูแลเรื่อง Setlist ของคอนเสิร์ตเสมอมาได้มาเล่นในเวทีนี้ด้วย , อาจเพราะ อีกหนึ่งเพลงที่ได้มือกลองคนแรกของ Cocktail อย่าง อายุ มาร่วมแจมกันในเพลงนี้สร้างโมเมนต์ความทรงจำพิเศษให้กับคนดูได้อย่างมาก ก่อนที่จะจบด้วยเพลง ดนตรีกรรม เพลงที่วงไม่เคยเล่นที่ไหนมาก่อนเลย แต่พวกเขาหยิบมาเล่นในคอนเสิร์ตนี้เป็นครั้งแรก


ไปกันต่อที่องก์ที่ 4 และใช่มันไม่ใช่ช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ตนี้แต่มันกลับเป็นช่วงที่แฟนเพลงหลายๆ คนรอคอยจะได้กระโดด ได้โยกตัวไปตามเพลงของพวกเขา เพลงอย่าง ‘หัวใจเหล็ก’, ‘Your Ever’, ‘รักจริงให้ดิ้นตาย’, ‘เวลา’, ‘โปรดเถอะรัก’, ‘นี่แหละความเสียใจ’ เพลงช้ายอดฮิตจากวง Potato ที่ครั้งนี้ได้ ปั๊ป โปเตโต้ มาร่วมแจมกันในเพลงนี้ , ‘ซ้ำซ้อน’, ‘ชั่วชีวิต’, ‘เล่นของสูง’ การเปิดตัวแขกรับเชิญอีกหนึ่งคนที่ทุกคนรอดูว่า เขาจะมาปรากฏตัวแบบไหนกับ เจ๋ง บิ๊กแอส, ‘เธอ’, ‘แรงเสียดทาน’, ‘ตราบธุลีดิน’, ‘น้ำตาสุดท้าย’ และ ‘คุกเข่า’ เพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ตนี้ที่ทุกคนร่วมกันโดด ร่วมกันร้องอย่างสุดเสียง ก่อนที่วงจะวิ่งลงไปจากเวที พร้อมกับภาพ VTR End Credit จะขึ้นมา ซึ่งบางส่วนก็เดินกลับออกจากสถานที่จัดงานกันแล้ว เพราะคิดว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้จบลงแล้ว แต่เปล่าเลย มันยังไม่จบครับ !!

วง Cocktail กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งพร้อมกับเพลง ‘ปรารถนาสิ่งใดฤๅ’ เป็นเพลงสุดท้ายที่เล่นในคอนเสิร์ตครั้งนี้ และใช่ครับ ส่วนตัวผู้เขียนไม่ได้ยืนดูเพลงนี้ เพราะคิดว่า คอนเสิร์ตนี้มันจบลงแล้วจริงๆ แอบเสียดายเลย แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะมันก็คุ้มมากๆ แล้วกับโชว์ที่มีความยาวขนาดนี้และทำได้ดีมากขนาดนี้ สำหรับ Cocktail นี่คืองานมาสเตอร์พีชของพวกเขาเลยก็ว่าได้


อีกเรื่องที่ต้องอวยและยกให้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องเขียนแยกมา คือ วิชวลบนเวทีการสร้างจอที่ใหญ่มากๆ (จอใหญ่กว่าคอนเสิร์ต Blackpink) ทุกวิชวลนำเรื่องราวของวงมาประสานกับเพลง มันดูกลมกล่อมมากๆ ยืนดูเพลินเลย โดยเฉพาะช่วงที่บินโดรนจุดไฟภูเขา เผากระท่อม ก็ทำได้แบบไม่ขัดเขิน แม้จะยิงพลุเยอะจนเหมือนขนพลุจากทั้งประเทศมาแล้ว แต่ก็ไม่ขัดหูขัดตาเลย ยืนดูเพลินๆ จริง
สุดท้ายนี้สรุปเลยคอนเสิร์ตนี้เป็นอีกคอนเสิร์ตที่สร้างมาตรฐานใหม่ไว้เรียบร้อยแล้วว่า การใส่สุดจนหยดสุดท้ายของชีวิตมันเป็นอย่างไรกัน พวกพี่ๆ ทำได้แล้ว เก่งมากๆ ดีใจที่ครั้งนึงในชีวิตได้มีวงดนตรีวงนี้อยู่วงอุตสาหกรรมเพลงไทยครับ ไม่รู้ว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่แฟนเพลงตัวเล็กๆ อย่างผมคนนึงก็ไม่มีวันลืมวงดนตรีที่ชื่อว่า Cocktail แน่นอน