“งดงาม สื่อสารทุกสิ่งผ่านตัวตน สร้างสรรค์งานดนตรีที่ JENNIE เป็นตัวเองที่สุด นี่คืออัลบั้มที่กลมกล่อมอีกหนึ่งอัลบั้มในปีนี้”
งใจและกดฟังไปฟังมาอยู่นานว่าจะรีวิวอัลบั้ม RUBY ของ JENNIE ออกมาอย่างไรดีให้ถูกใจทั้งตัวเองและคนอ่านพึงพอใจ จนไปเจอ Key Message หนึ่งของอัลบั้มนี้ที่บ่งบอกจากเนื้อเพลงของ like JENNIE ที่ร้องไว้ว่า ‘I think I really like JENNIE Haters, they don't really like JENNIE’ ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าตัวตนของตัวเองนั้นสำคัญเสมอ ไม่ว่าคนจะเกลียดเราแค่ไหนก็ตามแต่จงอย่าละทิ้งตัวตนของตัวเองเพื่อใคร แกนนี้จะเป็นแกนหลักในการรีวิวอัลบั้มนี้ครับ เอาล่ะเล่าเรื่องกันมายืดยาวแล้วมาเข้าเรื่องรีวิวอัลบั้มนี้กันเลยดีกว่า ไปกันทีละเพลงเลยละกันนะทุกคน

Intro: JANE with FKJ
เปิดอัลบั้มมาอย่างน่าทึ่งด้วยการชวน FKJ มาสร้าง Intro ร่วมกันเพื่อส่งตรงเข้าสู่เพลงอื่นๆ ในอัลบั้มนี้ มันน่าตื่นเต้นมากๆ ที่ได้เห็นศิลปินอย่าง FKJ มาทำสิ่งนี้ร่วมกับ JENNIE เพราะหากใครเคยฟังเพลงของ FKJ ก่อนหน้านี้จะรู้ว่าพวกเขามีทีเด็ดและรายละเอียดทางดนตรีที่น่าสนใจเอามากๆ พอนำมาอยู่ด้วยกันในแทร็กเปิดนี้กลายเป็นว่าเหมือนเรากำลังรอคอยอะไรบางอย่างจากอัลบั้ม RUBY ให้ปรากฏออกมา
like JENNIE
เพลง Represent ตัวเองในแบบฉบับของ JENNIE ที่เลือกหยิบยกเรื่องราวของตัวเองมาพร้อมกับแรปเดือดๆ ฟาดคนฟังให้สะใจกันไปเลยว่าใครๆ ก็อยากเป็นฉัน นี่ไม่ใช่ความมั่นหน้าหรืออะไรแต่เป็นการบอกว่าฉันก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นได้แม้จะมีคนมากมายบนโลกใบนี้ไม่ชอบฉันก็ตาม ความน่าสนใจนอกเหนือจากเนื้อเพลงแล้วคือการเลือกใช้บีทที่มีความสนุกสนาน มีความเป็น Dance Hall บางอย่าง จึงทำให้ทำนองของเพลงติดหูตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง แถมน่าเต้นตามด้วยนะ มันสะใจดีเหมือนกันสำหรับเพลงนี้
start a war
ซิงเกิลช้าๆ ในอัลบั้มนี้ที่หลังจากเราเต้นกันอย่างดุเดือดไปในเพลงก่อนหน้า start a war เหมือนเป็นการมาทำให้จังหวะของอัลบั้มนี้ค่อยๆ ช้าลงเหมือนให้คนฟังได้พักไปในตัว แต่การพักครั้งนี้ก็ยังมีชั้นเชิงอยู่เช่นเคย จังหวะดนตรีที่ใช้ ซาวนด์ต่างๆ ติดหูเอามากๆ แถมเนื้อหายังดีอีกด้วย ถือว่าเป็นการเรียงเพลงที่ถูกต้องมากที่เลือกนำเพลงนี้มาพักความดุเดือดของเพลงที่แล้วก่อนที่จะพากราฟของอัลบั้มนี้พุ่งต่อในเพลงถัดไป

Handlebars (Feat. Dua Lipa)
ถือเป็นเพลงเรือธงของอัลบั้มนี้เลยก็ว่าได้สำหรับซิงเกิลนี้ อันดับแรกการได้ Dua Lipa มาร่วมงานด้วยต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งการนำเอกลักษณ์ของ JENNIE และ Dua Lipa มารวมกันยิ่งเจ๋งเข้าไปใหญ่ การร้องเพลงช้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทั้งคู่ถูกนำมาผนวกกับดนตรีบีทสวยๆ กลายเป็นหนึ่งเพลงฮิตอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องมีข้อพิสูจน์ใดๆ แล้วสำหรับเพลงนี้ มันดัง มันปังแน่นอน อยากให้ทุกคนฟังแล้วลองแกะรายละเอียดเพลงนี้ดู ทั้งคู่ปล่อยของกันหนักมากๆ สำหรับซิงเกิลนี้ของ JENNIE ในอัลบั้มนี้
with the IE (Way Up)
หลังจากที่เริ่มขยับกรู๊ฟของคนฟังในอัลบั้มนี้เพลงนี้ได้มาอยู่ในหมวดที่กำลังจะพาทุกคนลุกขึ้นมาเต้นกันอีกครั้ง เราชอบบีทของเพลงนี้มากๆ การนำเสียงลมหายใจมาอยู่ในเพลงได้นับว่าน่าสนใจไม่น้อย แถมท่อนฮุกเพลงนี้ฟังไปฟังมาติดหูซะอย่างนั้น ว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับเพลงป๊อปยุคที่อเมริการุ่งเรืองยังไงไม่รู้ เหมือนเราได้ฟัง Britney Spears ในสมัยก่อนยังไงยังงั้น

ExtraL (Feat. Doechii)
อีกหนึ่งเพลงที่ถูกปล่อยออกมาเป็นซิงเกิลก่อนอัลบั้มเต็ม เพลงนี้คือใส่กันเต็มตั้งแต่บีทดนตรีที่มีความเป็น EDM ดึงจังหวะเสียงเบสตึ้บๆ ใช้ไลน์การร้องอยู่ข้างหลังเสียงดนตรีอีกที ดีงามมากๆ ยิ่งในช่วงที่ Doechii ออกมาเรียกได้ว่าเหมือนเป็นการซัมมอนศิลปินที่เข้ามาถูกที่ถูกทาง มันคมทั้งไรม์ทั้งวิธีการแรป ยิ่งเสริมให้ JENNIE ดูโดดเด่นเป็นอย่างมากในเพลงนี้
Mantra
ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้มอย่างเป็นทางการที่ออกมาให้พวกเราได้ฟังกันสักพักแล้ว จริงๆ Mantra นี่เหมือนเป็นท่าสูตรของ JENNIE เลยก็ว่าได้ เธอจะมีเสน่ห์มากๆ เมื่อได้ร้องเพลงในแนวนี้ ไล่มาตั้งแต่ SOLO, SPOT จนถึง Mantra ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงที่มาตรฐานยังคงที่และทำได้ดีมากๆ เมื่อต้องมาร้อยเรียงอยู่ในอัลบั้มนี้ทำให้มู้ดเมื่อฟังต่อกันหลายๆ เพลงกลายเป็นเพลงนี้ไม่โดดเด่นจนแย่งซีน แต่กลายเป็นกลมกลืนและอยู่กับเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มได้อย่างลงตัว ส่วนตัวเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ผมชอบอีกหนึ่งเพลงในอัลบั้มนี้ครับ
Love Hangover (Feat. Dominic Fike)
ยังคงอยู่ในช่วงซิงเกิลเพลงฮิตจากอัลบั้มนี้ Love Hangover เพลงชาติของคนมีความรักในยุคนี้ที่ทำออกมาได้น่ารักมากๆ ทั้งวิธีการร้องที่หากสังเกตดูจะมีการเปลี่ยนวิธีการร้องให้มีความน่ารักอยู่ในเพลงนี้ อีกอย่างเมื่อบวกกับการได้ Dominic Fike มาร่วมแจมในเพลงด้วยยิ่งโดดเด่นออกมาชนิดที่ โอเคยอมตกหลุมรักสักครั้งในชีวิตดูก็ได้ เป็นอีกหนึ่งเพลงที่วิธีการทำงานหลังบ้านค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อยสำหรับ ยิ่งดนตรีที่เล่นอยู่ข้างหลังหากฟังรายละเอียดดีๆ จะเห็นว่าใช้เครื่องดนตรีเยอะมากๆ เจ๋งไปเลยสำหรับเพลงนี้ ซื้ออีกหนึ่งเพลงครับ
ZEN
หลังจากที่ให้แฟนเพลงสนุกสนานไปกับช่วงเวลาฮ็อตฮิตของ JENNIE ไปแล้ว เพลง ZEN กลับมาอยู่ในโหมดจริงจังทั้งเนื้อร้องและดนตรีอีกครั้ง เพลงนี้เป็นเพลงที่อาจจะไม่ได้ฮ็อตฮิตเท่าเพลงอื่นๆ ก่อนหน้านี้แต่วิธีการนำเสนอมีความแปลกใหม่ดี ทั้งดนตรีเองทั้งวิธีการร้องเพลงที่มีการใช้คำใช้จังหวะในการร้องที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละช่วง ถือว่าดีมากๆ สำหรับการเลือกร้องด้วยวิธีนี้ออกมาของ JENNIE สรุปโดยรวมเพลงนี้เท่มากๆ

Damn Right (Feat. Childish Gambino, Kali Uchis)
ฮิตแน่ๆ และมันคู่ควรแก่การมีมิวสิกวิดีโอยิ่งนักสำหรับเพลงนี้ Damn Right ถือเป็นการหยิบยกเอกลักษณ์ของ Childish Gambino มาอยู่ในเพลงนี้ได้อย่างไม่ขัดเขิน แถมยกระดับของตัวเนื้อหาหลายๆ อย่างในเพลงนี้ออกไปสู่ตลาดที่กว้างกว่าเดิมได้อีกด้วย อยากให้แมสเหมือนเพื่อนๆ ในอัลบั้มนี้นะสำหรับเพลงนี้
F.T.S
เพลงบัลลาดที่เลี้ยงด้วยเสียงเปียโนสวย ๆ และวิธีการร้องที่พุ่งทะยานทำให้เพลงนี้น่าสนใจมากๆ แถมยังเป็นอีกหนึ่งเพลงในอัลบั้มพาร์ทท้ายๆ ที่รู้สึกได้เลยว่าวิธีการทำงาน การร้อง การเรียบเรียงเพลงมีความเป็นอเมริกันซาวนด์สูงมากๆ เช่นเคยอย่างที่ย้ำไปตลอดคือเพลงในอัลบั้มนี้ต้องติดหูและฟังง่าย เพลงนี้ยังทำหน้าที่นั้นได้ดีเช่นเคย

Filter
อย่างที่บอกว่าเพลงพาร์ทท้ายๆ ในอัลบั้ม JENNIE จะปล่อยของค่อนข้างเยอะ อาจจะไม่ใช่เพลงแมส เพลงฮิตใดๆ ขนาดนั้น แต่นับเป็นการเลี้ยงอารมณ์ของคนฟังให้ไปกับเธอต่อได้อย่างไม่ติดขัด แถมเรื่องที่เล่าในช่วงท้ายๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวโดยตรงของเธอที่อยากจะเล่าออกมาทั้งเรื่องชีวิตและความรัก มันเลยดูเรียลมากๆ เมื่อมาอยู่ในความเข้มข้นช่วงท้ายของอัลบั้มนี้
Seoul City
ร้องเพลงบ่งบอกความเป็นตัวตนก็แล้ว บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองไปเยอะแล้วเพลงนี้จึงกลับมา ชื่อเพลงที่ใช้ชื่อเมืองในเกาหลีใต้ ประเทศที่แจ้งเกิดเธอบ้างกับเรื่องราวของตัวเองในเมืองโซล ความเจ๋งคือมีการนำ Auto Tune มาใช้ในเพลงนี้ด้วย เจ๋งมากๆ พอออกมาอยู่ในรูปแบบนี้กับเสียงของ JENNIE ก็ดูเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี ถือว่าปล่อยของเหมือนกันอีกหนึ่งเพลง
Starlight
โชว์แรป โชว์ร้อง โชว์เต้นมาแล้วในอัลบั้มนี้ ได้เวลาโชว์พลังเสียงในเพลงที่ขายเสียงขายวิธีการร้องที่เป็นจุดเด่นของ JENNIE ใน Starlight อย่างไรก็ดีเพลงนี้ก็ไม่ได้ช้าจนเรารู้สึกว่าต้องขายพลังเสียงอย่างเดียว เพราะดนตรีของเพลงนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเมื่อต้องไล่จังหวะมา สร้างเอกลักษณ์และความแตกต่างเช่นกัน เท่นะทำเล่นไปเพลงนี้
twin
เพลงส่งท้ายในอัลบั้มนี้ที่เลือกใช้เสียงกีต้าร์โปร่งขึ้นมาเป็นตัวชูโรงแล้วร้องเพลงถึงเรื่องราวของตัวเองในอีกแง่มุมที่มักมีอีกคนอยู่ในอีกฝั่งของความคิดเสมอ เพลงนี้จึงเป็นเหมือนเพลงแลนดิ้งของอัลบั้มที่สวยงามหลังจากที่พาคนฟังไปสนุกไปเศร้ากันมาแล้วได้เวลากลับมาพบกับความจริงในช่วงท้ายของอัลบั้มนี้ ถือว่าคิดถูกมากๆ ที่เลือกเพลงนี้มาปิดท้ายเพราะบรรยากาศเพลงและหลายๆ อย่างในเพลงนี้มันเหมาะมาก ปิดอัลบั้มได้อย่างสวยงาม
สรุปภาพรวมของอัลบั้มนี้น่าจะเป็นอัลบั้มที่ JENNIE ปล่อยของทุกอย่างที่มีของเธอให้ทุกคนได้เห็นทุกแง่ทุกมุมในการทำเพลงที่อยากจะเล่าอยากจะสื่อสารแบบชนิดที่ไม่กั๊กใดๆ เลย เป็นอัลบั้มที่กลมกล่อมมากๆ ทั้งในแงของเนื้อหา การเรียงเพลง การวางตำแหน่งต่างๆ ของซาวนด์ดนตรีที่ผ่านการคิดมาอย่างดี เป็นอีกอัลบั้มที่ผมยกให้เป็นอัลบั้มแห่งปีนี้เลยก็ว่าได้ครับสำหรับ RUBY จาก JENNIE