ช่วงค่ำวันก่อน คนในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แทบจะเปิดไวน์เลี้ยงฉลองกัน หลังทักษิณ ชินวัตร ออกมาสยบข่าวลือเรื่องปรับครม.ไม่มีการเขี่ยทิ้ง รทสช.แถมการันตีเก้าอี้รัฐมนตรีให้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังคงอยู่ต่อไป
‘ไม่มี คุยกันรู้เรื่อง ไม่มีอะไรเลย นายพีระพันธุ์ เขาเป็นคนตั้งใจ รู้จักกันมานาน เคยมีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง’
ถ้ามองเผิน ๆ แบบชั้นเดียวเชิงเดียว ไม่คิดอะไรให้ซับซ้อน ก็คงต้องตีความคำพูดข้างต้นของทักษิณ เหมือนอย่างที่คนใน รทสช.คิดและสื่อบางค่ายเอง ก็จับประเด็นไปในทิศทางเดียวกัน นำไปพาดหัวตัวไม้ว่า
‘ไม่กล้าเขี่ยพีระพันธุ์’
ดูเหมือนการพาดหัวข่าวดังกล่าวของสื่อ ออกจะกำกวมอยู่บ้างเล็กน้อย เนื่องจากคำว่า ‘ไม่กล้า’ นั้น ด้านหนึ่งอาจไม่เป็นคุณนักกับพีระพันธุ์ เพราะเหมือนไปท้าทายผู้มีอำนาจทำนอง ‘ไม่แน่จริงนี่หว่า’ อะไรประมาณนั้น
แต่หากย้อนไปดูบางคำพูดโดยเฉพาะประโยคที่ว่า
‘คุยกัน วันก่อนก็มานั่งคุยกัน’
คงได้คำตอบว่าที่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนใด ๆ ในครม.เวลานี้ ก็เพราะพีระพันธุ์ ไปพบหรือในอีกความหมาย คือ ไป ‘มอบตัว’ รายงานตัวกับทักษิณมาแล้วนั่นเอง
หลังเกิดปรากฎการณ์ ‘อีแอบ’ การเมือง และการออกปากไล่รัฐมนตรีที่ไม่มีเลือดสุพรรณฯ กลางวงสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่หัวหิน และทุกอย่างจบลงก่อนไปออกรอบกอล์ฟอย่างผ่อนคลายก่อนสิ้นปี ซึ่งตามมาด้วยคำพูดบนเวทีปราศรัยที่จังหวัดเชียงใหม่ ในทำนองว่า เป็นเรื่องของลิ้นกับฟัน
‘ไม่มีอะไร อยู่ร่วมรัฐบาลไปด้วยกันจนจบ’
ทว่าข้ามผ่านมาถึงศักราชใหม่ อีกฝ่ายก็ยังเดินหน้าพังทุกอย่างที่ขวางหน้า ประกาศพัง...การผูกขาด พัง...ระบบที่เน่าเฟะ พัง...การโกงกินทุกรูปแบบ ชนิดที่ ‘พังแล้ว พังอยู่ พังต่อ’ ทำตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน กล้าแม้กระทั่งวิ่งชนปังตอด้วยซ้ำ
การทำตัวเป็น**‘แกะขาว’**ในรัฐนาวาลำนี้ ทำให้พีระพันธุ์ ผู้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสจากฉายา ‘พีระพัง’ ที่สื่อทำเนียบฯ ตั้งให้ กลายเป็นฮีโร่ในสายตาของฝ่ายอนุรักษ์บางปีกไปในพริบตา โดยเฉพาะกลุ่มที่เคลิบเคลิ้มไปกับการเล่านิทานเรื่องพลังงานราคาถูกข้ามปีของพีระพันธุ์
ล่าสุดหลังปล่อยให้พีระพันธุ์ เดินหน้าพังนั่น พังนี่แบบย่ามใจอยู่หลายวัน อีกฝ่ายเลยได้เวลาออกมาทุบเข้าบ้าง เมื่อ ‘ทักษิณ’ ประกาศบนเวทีปราศรัยที่ จ.เชียงราย ทุบค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาท
‘ปีนี้ค่าไฟฟ้าจะต้องลงไปอยู่ที่เลข 3 ไม่ใช่เลข 4 ใจผมอยากให้เหลือ 3.50 บาท แต่คงได้แค่ 3.70 บาท กำลังให้เค้าช่วยทุบอยู่’
ทันทีที่ ‘พัง’ มาเจอกับ ‘ทุบ’ สื่อจึงมองเป็นการเกทับบลั๊ฟแหลกเรื่องค่าไฟฟ้า ที่พีระพันธุ์เพิ่งมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนไปหมาด ๆ โดยลดให้ 3 สตางค์ จาก 4.18 บาท เหลือ 4.15 บาท และการประกาศทุบราคาค่าไฟฟ้าครั้งนี้ของทักษิณ เหมือนเป็นการแจกการบ้านให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบไปดำเนินการ
เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาพนันออนไลน์ ที่ต้องนำขึ้นมาไว้บนดิน การปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ หรือการแก้ปัญหายาเสพติด ที่รัฐมนตรีกระทรวงที่รับผิดชอบ ต้องออกมาขานรับในทันที
แต่สำหรับค่าไฟที่จะทุบให้เหลือ 3.70 บาทนั้น น่าจะไม่ใช่การบ้านหรือโจทย์ที่โยนให้เจ้ากระทรวงพลังงานคนปัจจุบันไปดำเนินการ หากน่าจะเป็นการโยนเชือกให้เสียมากกว่า?!
ส่วนการกระชากราคาค่าไฟที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 จะเป็นฝีมือใครที่เข้ามาเก็บแต้มตรงนี้ ที่ทักษิณคิด รัฐบาลทำนั้น
งานใหญ่ขนาดนี้ คงไม่ปล่อยให้เป็นผลงานของ รทสช.ที่ประพฤติตัวเป็นแกะขาวในรัฐบาลแน่ ๆ ขนาดแจกเงินหมื่นบาท ยังเจอโรคเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เพื่อรอให้คนแจกตัวจริงมาแจก
นี่อุตส่าห์ลงทุนทุบค่าไฟลงมาทั้งทีจะยกเป็นผลงานพรรคร่วมรัฐบาลให้เสียของทำไม?!
ฉันใด ก็ฉันนั้น ก่อนจะถึงวันทุบค่าไฟลงเหลือ 3.70 บาท วัน ‘อวสาน’ ของคนชื่อพีระพันธุ์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงาน ก็คงมาถึงก่อน ส่วนจะช้าหรือเร็ว หลุดแบบโยกไปอยู่ในตำแหน่งอื่น หรือว่าหลุดวงโคจรให้ขาลอยไปเลย ก็คงขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยในตอนนั้น
เหมือนที่ทักษิณบอกเรื่องปรับครม.ไว้วันก่อนว่า ‘ยังไม่มีเหตุปัจจัย’ นั่นแหล่ะ
แต่อีกไม่นานถ้าถึงเวลาได้ฤกษ์ทุบค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 บาท ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็จะเป็นวันพิฆาต ‘พีระพัง’ ไม่รู้ว่าที่เพิ่งจะกลับลำปกป้องนายกฯ อิ๊งค์ ในที่ประชุมสว.เมื่อวานจะไถ่บาปได้ทันหรือเปล่า?!