หลังการออกมาร่ายยาวของ ‘หมอมิ้ง’ น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่องสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เมื่อวันอังคารที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา
จากนั้น คนในรัฐบาลแถวถัดไป ต่างพาเหรดกันออกมาชี้แจง ซึ่งตามมาติดๆ ด้วยสองรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง สมคิด เชื้อคง ,ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โดยประเด็นที่ชี้แจงวนเวียนอยู่กับเหตุผลความจำเป็นที่ต้องนำสิ่งที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน
แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งเป็น ‘แกงโฮ๊ะ’ เข้าไปทุกที!!
ไม่ต่างกับที่กฤษฎีกาได้ตั้งคำถามเอาไว้ ตกลงรัฐบาลมีวัตถุประสงค์ใดกันแน่ เพราะนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาไว้นั้นอย่างหนึ่ง ผลการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎรก็ไปอีกทาง ร่างกฎหมายที่ทำออกมาก็ไปอีกทาง
ตกลงจะให้เป็น ‘แหล่งท่องเที่ยวรูปแบบใหม่’ ที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destination) หรือเอามาแก้ไขปัญหา ‘การพนัน’ กันแน่ เพราะหากมีความชัดเจนจะไปทางไหนแล้ว กฤษฎีกาจะได้ยกร่างกฎหมายไปให้ถูกทาง ทำนองนั้น
แต่ที่บอกเริ่มเป็นแกงโฮ๊ะ ก็เพราะคนที่เสนอหน้าออกมาสื่อสารยอมรับเองว่า จะให้ตอบโจทย์ทุกอย่างทั้งแก้ปัญหาการพนัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยด้วย
ทว่าที่ขัดแย้ง ย้อนแย้งกันเองคือ คำพูดรองเลขาฯ ศึกษิษฏ์ บอกจะเอามาช่วยแก้ปัญหาคนไทยออกไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน และหอบเงินออกนอกประเทศปีหนึ่งจำนวนไม่น้อย
‘ปัจจุบันพบว่า มีคนไทยออกไปเล่นการพนันตามประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจไม่ใช่การถูกกฎหมายเลยทีเดียว และยังเป็นเรื่องสีเทา ส่งผลให้เงินเหล่านี้หลุดออกไปนอกระบบ และไปก่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงประชาชน แต่ถ้าประเทศไทยมีสถานบันเทิงครบวงจรจะสามารถดึงเม็ดเงินเหล่านี้กลับมายังประเทศไทยได้ และมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้’
ฟังดูนโยบายสถานบันเทิงทำท่าจะไม่ตรงปกอีกแล้ว
ล่าสุดไม่รู้เป็นการออกมาตอกฝาโลงหรือไม่ เมื่อโทรโข่งใบใหญ่ของรัฐบาล ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’ ออกมาปูดว่า มีกลุ่มทุนจ้องล้ม ร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร เพราะไปกระทบกับผลประโยชน์พนันใต้ดิน และยกเอาปัญหาสังคมขึ้นมาเป็นตัวประกัน
‘ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่มีกลุ่มเสียประโยชน์ ก็จะช่วยกันคว่ำโดยจะหาเหตุผลทางสังคม ซึ่งใช้วิธีขัดขวางทางโซเชียลและผ่านกลุ่มคนอื่น ๆ รวมถึงไอโอ’
ชักจะไปกันใหญ่แล้ว เพราะเท่ากับไปกล่าวหา ‘คนที่ไม่เห็นด้วย’ ว่าเป็นพวกเดียวกับกลุ่มพนันใต้ดิน ทำตัวเหมือนผู้นำประเทศยักษ์ใหญ่สมัยสงครามอิรัก ที่หากประเทศไหนไม่เอาด้วยกับตัวเอง ก็ถีบเขาไปอยู่กับอีกข้างหนึ่ง
โฆษกรัฐบาลกำลังจะเตะโด่งคนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายเคลือบยาพิษ ไปเป็นพวกเดียวกับกลุ่มพนันใต้ดิน?!
ดังนั้น ก็ไม่แปลกที่เริ่มมีคนบางกลุ่ม ออกมาตั้งคำถามกับการผลักดันบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายแบบ ‘รุกรี้รุกรน’ ของรัฐบาลเวลานี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นนโยบายเรือธงที่หาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้ง
แต่กลับรีบร้อนแบบจะเป็นจะตายเสียอย่างนั้น
โดยเฉพาะพนันออนไลน์ ที่เพิ่งถูกโยนออกมาจากเวทีหาเสียงนายกอบจ.ที่เชียงราย หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า มันถูกโยนออกมาเพื่อจงใจให้เป็น ‘คู่เทียบ’ กับบ่อนกาสิโนหรือเปล่า?
พูดง่าย ๆ คือ ให้เห็นถึงความเลวร้าย รุนแรง น่ากลัวของพนันออนไลน์ แล้วค่อยไปจบที่กาสิโน ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นระบบปิดที่เยาวชน ลูกหลานไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายเหมือนพนันออนไลน์ กลายเป็นบีบให้เอาอีกอย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้แทน
เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นการสับขาหลอก หรือกึ่งยิงกึ่งผ่าน แบบถ้าได้ก็ดี หรือจะแห้วทั้งคู่ก็ตาม
แต่ยังมีคนคิดต่อไปว่า นี่คือ ‘ทักษิณสไตล์’ โยนประเด็นออกมาขายฝัน ดึงความสนใจจากสังคม ซื้อเวลาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับลูกสาวไปวันๆ ในห้วงเวลาที่นายกฯ อายุน้อย ไร้ประสบการณ์ ปั่นผลงานไม่ออก
จากเรื่องนั้นสู่เรื่องนี้ เผลอแป๊บเดียวนายกฯ อายุน้อยที่ไม่มีผลงานเป็นโล้เป็นพาย ส่วนพรรคเพื่อไทยก็มือตก ‘คุณพ่อก็มุกแป๊ก’ แต่ก็ลากยาวอยู่มาได้จวนจะครึ่งปีแล้ว
ลองย้อนเวลาหนึ่งปีเศษที่ผ่านมาดูว่า รัฐบาลเพื่อไทยที่มีภาพจำเรื่องความเป็น ‘มือเศรษฐกิจ’ ทำอะไรได้สำเร็จบ้าง ตั้งแต่นโยบายแลนด์บริดจ์ ยันถมทะเลสร้างนิเวศใหม่ รวมทั้ง เรือธงแต่ละลำล้วนแต่ลอยเท้งเต้ง เลื่อนลอย หาจุดหมายไม่เจอ
เวลาผ่านไปยี่สิบปี บริบทสังคมเปลี่ยนไปหมด ทั้งปัจจัยภายใน ภายนอก ทั้งเกิดตัวแปรต่างๆ มากมาย เพราะฉนั้น ยาผีบอกยี่ห้อทักษิณ หรือทักษิโณมิกส์ในอดีตที่เคยขายได้ จึงใช้ไม่ได้กับพ.ศ.นี้ รวมทั้ง ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ที่ถูกขุดขึ้นมาใช้ก็ไปไม่ป็นด้วยเหมือนกัน
ถ้าหมดมุกเรื่องกาสิโน พนันออนไลน์แล้ว รอดูว่า ส.ท.ร.จะโยนประเด็นไหนมาดึงความสนใจสังคม ขายฝัน กลบเกลื่อน ซื้อเวลาให้ลูกสาวอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้อีก!!