คลังกดดันแบงก์ชาติ เปิดเสรี ‘Virtual Bank’

2 ต.ค. 2567 - 02:30

  • พรรคเพื่อไทยกับผู้ว่าแบงก์ชาติ เหมือนไม่เผาผี เงาไม่เหยียบ

  • เรื่องลดดอกเบี้ยยังไม่เคลียร์ ก็กดดันเรื่อง Virtual Bank

  • คลังประกาศชัด เลิกจำกัดใบอนุญาต ผู้เสนอตัวรายไหนเข้าเกณฑ์ก็ตั้งได้

economy-treasury-pressures-bank-virtual-SPACEBAR-Hero.jpg

ความขัดแย้งในเชิงความคิดเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายการเงินและการคลังระหว่างคนในรัฐบาลของนายกฯ ‘อิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร กับทีมงานแบงก์ชาติของ ‘เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ’ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยิ่งนานวันก็ยิ่งมีรอยร้าวที่ยากจะประสาน ที่อาจจะนำไปสู่สถานการณ์ ‘แตกหัก’ ได้ในทุกนาที

ถึงแม้ รองนายกฯและรมว.คลัง ‘พิชัย ชุณหวชิร’ จะพยายามที่จะลดความขัดแย้งและนัดหมายผู้ว่าฯแบงก์ชาติไปหารือเพื่อปรับมุมมองทางเศรษฐกิจที่เห็นต่างกันในเร็วๆนี้ แต่กลับดูเหมือนบรรดาทีมงานด้านเศรษฐกิจในปีกของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สองรมช.คลัง ทั้ง ‘จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ และ ‘เผ่าภูมิ โรจนสกุล’ แถมยังมี **‘ตัวบวก’**เพิ่มอีกคนอย่าง รมว.พาณิชย์ ‘พิชัย นริพทะพันธุ์’ ก็ยังคงพยายามที่จะ ‘โยนฟืนใส่กองไฟ’ ทำให้สถานการณ์ร้อนแรงขึ้นทุกที 

ทีมงานด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยยังคงขาดความเป็นมืออาชีพ และไม่ยอมเข้าใจและเคารพความเป็น ‘อิสระ’ ในการทำงานของแบงก์ชาติ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเปิด ‘วอร์’ ผ่านสื่อถล่มใส่แบงก์ชาติ โดยไม่ได้ตระหนักว่า บทบาทที่เล่น ‘เกินเบอร์’ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้กำลังกลายเป็นตัว ‘ฉุดรั้ง’ และ ‘บั่นทอน’ ความเชื่อมั่นในทิศทางเศรษฐกิจไทยในสายตาของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างชาติ เนื่องจากเกิดความวิตกว่าแบงก์ชาติอาจถูกแทรกแซงและกดดันให้ต้องกำหนดนโยบายไปในทิศทางที่มีความสุ่มเสี่ยงตามความต้องการของรัฐบาล  

ล่าสุดเสียงบ่นจาก รมว.พาณิชย์ พิชัย เกี่ยวกับเรื่องค่าเงินบาทแข็ง ยังไม่ทันจางหาย เผ่าภูมิ รมช.คลัง คนเก่ง หนึ่งในชาวคณะ ‘มินต์ช็อก’ ที่เดินอยู่ข้างกาย นายกฯ อิ๊งค์ ก็เปิด ‘วอร์’ ซัดอาวุธลับเข้าใส่แบงก์ชาติอีกหนึ่งชุด ถึงแนวคิดในการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank)

รมช.เผ่าภูมิ ไม่เห็นด้วยที่จะมีการ ‘จำกัด’ จำนวนรายของผู้ที่จะได้รับการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ Virtual Bank ไว้เพียง 3 รายตามแนวคิดของแบงก์ชาติ โดยเชื่อว่าควรเปิดกว้างให้กับผู้สนใจทุกรายตามคุณสมบัติเป็นหลัก

หากผู้ประกอบการทั้ง 5 ราย ที่ยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank กับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ก็ควรได้รับใบอนุญาตทั้งหมด ไม่ต้องจำกัดจำนวนราย

‘คลังไม่เห็นด้วยที่จะจำกัดจำนวนใบอนุญาต เป็นจุดยืนของกระทรวงคลังที่พูดมาตั้งแต่วันแรก ประเทศไทยควรจะมี Virtual Bank โดยใบอนุญาตต้องดูที่คุณสมบัติเป็นหลักไม่ใช่จำนวนเป็นตัวตั้ง’

ยิ่งไปกว่านั้นกระบวนการพิจารณาของแบงก์ชาติที่ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน ‘ยาวนาน’ เกินไปควรต้องเร็วขึ้น เพื่อให้สามารถสรุปรายละเอียดเสนอให้กระทรวงคลังพิจารณาเป็นรอบสุดท้าย

แนวคิดของแบงก์ชาติ ‘ธนาคารไร้สาขา’ หรือ ‘Virtual Bank’ คือการเปิดพรมแดนธุรกิจการเงินใหม่ ในการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์รูปแบบใหม่เพื่อให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก

โดยมีเพียงการตั้งสำนักงานใหญ่  ไม่มีการเปิดสาขา ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทั้งรับฝากเงิน ให้สินเชื่อ โอนและชำระเงิน บริการด้านการลงทุน รวมทั้งบริการอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์ที่มีสาขาทุกประการ

คาดว่าธนาคารไร้สาขาจะทำให้ลูกค้ารายเล็กรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น แต่เนื่องจากเปรียบเสมือนเป็นน่านน้ำธุรกิจใหม่ที่น่าห่วงไม่น้อย โดยมี ‘โจทย์ใหญ่’  ก็คือการปิดจุดเสี่ยงรอบทิศทาง เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดให้กับลูกค้าผู้ฝากเงิน และผู้ขอสินเชื่อ จึงต้องมั่นใจว่าผู้ประกอบการจะต้องมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการทางการเงินผ่านระบบและช่องทางดิจิทัล

‘Virtual Bank ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ง่าย เพราะเกี่ยวพันกับเงินฝากของประชาชน ต้องมีเรื่องของความเชื่อมั่น เพราะถ้าเกิดวันหนึ่งธนาคารต้องปิดตัวไป มันมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก แต่กว่าจะยืนอยู่ได้ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าธุรกิจจะได้กำไรพอที่จะยืนอยู่ได้ ดังนั้นเราต้องมั่นใจว่าทุนมันเพียงพอ ธนาคารมีโอกาสอยู่รอด’

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เศรษฐพุฒิ เคยให้ความเห็นถึงสาเหตุที่มีการประเมินว่า จำนวนผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาจัดตั้งในประเทศไทยควรจะจำกัดไว้ในระยะแรกไม่เกิน 3 ราย เนื่องจากเป็นจำนวนที่จะน่าจะ ‘เหมาะสม’ กับขนาดของเศรษฐกิจประเทศ และไม่สร้างบรรยากาศการแข่งขันมากจนเกินไป จนอาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ 

ในช่วง 3-5 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วง Phasing แบงก์ชาติกำหนดว่าการดำเนินงานจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงิน จะต้องมีการ**‘เตรียมพร้อมรองรับภาวะวิกฤต’** และมีการพัฒนากรอบและระบบการ**‘ทดสอบภาวะวิกฤต’** หรือ Stress Test จนมั่นใจก่อนเข้าสู่ช่วง Fully Functioning นอกจากนี้ยังต้องมีการกำหนด Exit Plan ในกรณีที่จะเลิกกิจการ หากการดำเนินงานไม่ประสบผลสำเร็จ 

ปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจ 5 กลุ่มที่ยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank ประกอบด้วย 

  1. กลุ่ม SCBX จับมือกับ KakaoBank และ WeBank
  2. กลุ่ม GULF ร่วมกับ AIS ธนาคารกรุงไทย และ PTTOR
  3. กลุ่ม BTS ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ Sea Group เครือสหพัฒน์ฯ และไปรษณีย์ไทย
  4. กลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น  Ascend Money (TrueMoney) และ Ant Group ของจีน
  5. กลุ่ม ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ร่วมกับ Lightnet Group ร่วมกับ WeLab

ทั้ง 5 กลุ่มจะต้องผ่านการพิจารณารายละเอียดของแผนการจัดตั้งธนาคารไร้สาขาในด้านต่างๆในราว 6 เดือน ก่อนที่จะเสนอรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกต่อคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงินพิจารณาเห็นชอบ เพื่อนำเสนอรายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณาให้กับ รมว.คลัง ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบผลในราวกลางปีหน้า

หากพิจารณาจากกรอบการดำเนินงานของแบงก์ชาติ จะเห็นว่าทั้ง 5 ราย ต่างมีความพร้อมและโอกาสพอ ๆ กัน ซึ่งคงยากที่จะให้คำตอบได้ว่าในที่สุดแล้ว กลุ่มไหนที่จะมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์การพิจารณาของแบงก์ชาติ 

ดูจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจกับท่าทีของ รมช.เผ่าภูมิ ทำไมต้องรีบออกตัว ถึงขนาดเปิด ‘วอร์’กดดันให้แบงก์ชาติไม่กำหนดเงื่อนไขที่จะจำกัดผู้ได้รับใบอนุญาตไว้เพียง 3 ราย สร้างรอยร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติให้ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น จนอาจจะเดินไปถึงจุดแตกหักในที่สุด

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์