EP.ที่ผ่านมาเป็นรายละเอียดแนวทางการต่อสู้และการวางเกมยาวของ ‘พ่อลูกตระกูลฮุน’ ที่ทำการบ้าน และศึกษาจุดอ่อน-จุดแข็ง ระหว่างไทยและกัมพูชามาอย่างดี
ฮุน เซน ที่กรำศึกทั้งการเมืองในประเทศ ศึกแย่งชิงอำนาจและสมรภูมิรบ มาตั้งแต่อายุ 18 อ่านเกมออกว่า เมื่อมีเรื่องพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา จุดอ่อนของกัมพูชาอยู่ที่ไหน จุดแข็งของกัมพูชาอยู่ที่ไหน
การกล้าออกอาวุธ กล้าออกมาตรการที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่า เป็นข้อเสียเปรียบของกัมพูชา ทั้งปิดด่าน ลดการพึ่งพาจากไทย แม้กระทั่งการตัดไฟฟ้า และตัดอินเตอร์เน็ต เป็นเรื่องที่ ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต สองพ่อลูกคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
กัมพูชาจึงใช่เวลา 15 ปีของความพ่ายแพ้จากศึกเขาพระวิหาร เตรียมการรับมือกับทุกมาตรการที่ ฮุน เซนประกาศ
จริงอยู่…แม้ไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบอย่างรุนแรงในระยะต้น ที่ประชาชนกัมพูชาอาจได้รับ แต่การเมืองในกัมพูชา และอำนาจของ ‘ตระกูลฮุน’ ในกัมพูชาที่ ฮุน เซน เชื่อว่า มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทำให้เขาไม่รีรอที่จะกล้าประกาศ 6 มาตรการที่ฝ่ายไทยไม่เชื่อว่า กัมพูชาจะกล้าทำ
มาตรการทั้ง 6 อาจยังไม่เริ่มขึ้นทันทีในเวลานี้ หรืออาจจะไม่ได้เริ่มขึ้นเลย หากมีการพูดคุยกันสำเร็จ แต่ท่าทีของกัมพูชารอบนี้ ที่หงายไพ่ใบสำคัญออกมา ก็เป็นผลดีที่ไทยควรตระหนัก และเตรียมรับมือหากทุกอย่างเกิดขึ้น
มูลค่าการค้าชายแดน…เกือบสองแสนล้านบาทต่อปีที่จะได้รับผลกระทบ
มูลค้าการลงทุน…กว่า 5 หมื่นล้านบาทของเอกชนไทยในกัมพูชา
ปริมาณแรงงานกัมพูชาอีกนับแสนคน…ขณะที่ไทยเองก็ประสบภาวะวิกฤติแรงงานระดับล่าง
การเข้ามามีบทบาทของมหาอำนาจ…สหรัฐ จีนและรัสเซีย อย่างเต็มตัวในภูมิภาคนี้
ไทย…ศึกษาทำการบ้าน และพร้อมรับมือแล้วหรือไม่?
เมื่อมองเกมการเมืองกัมพูชา ที่รัฐบาลของ พล.อ.ฮุน มาเนต ประสานกับรัฐสภา อันมี สมเด็จฮุน เซน เป็นประธานพฤฒสภาหรือสภาสูง และ ควน สุตารี ผู้หญิงคนแรกของกัมพูชาที่ ฮุน เซนให้การสนับสนุนเป็นประธานรัฐสภา ขณะที่ฝ่ายค้านที่แข็งแรงอย่าง สม รังสี วันนี้กลับต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
การเมืองภายในประเทศกัมพูชา เดินได้เข้มแข็งและเป็นเอกภาพทำให้ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี กำหนดนโยบายและเดินเกมได้อย่างเต็มที่
ส่วนกองทัพกัมพูชา มี เตีย เซยฮา ลูกชายของ เตีย บัญ เป็นรัฐมนตรีกลาโหม และมี พล.อ.เมา โซะพัน เป็นผู้บัญชาการทหารบก มี พล.อ.ฮิง บุนเฮียง เป็นผู้บัญชาการหน่วยองค์รักษ์ หรือ กองพล BHQ (Bodyguard Headquarters) และยังมี พล.อ.สรัย ดึ๊ก เป็นรองผู้บัญชาการทหารบกที่คุมกำลังภูมิภาคด้านเขาพระวิหารซึ่งเผชิญหน้ากับฝ่ายไทย ทั้งหมดเป็นคนสนิทของทั้ง ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต
แม้ในอดีต ฮุน เซน อาจระแวงกองกำลังของอดีตเขมรแดงอยู่บ้าง เพราะนักรบเขมรแดงเหล่านี้ เป็นนักรบชั้นยอดที่เป็นหัวกะทิ ที่ผ่านสมรภูมิสงครามมาแล้วหลายครั้ง แต่ศึกพระวิหารเมื่อปี 2553 และ 2554 นักรบเขมรแดงเหล่านี้ สูญเสียกำลังพลหลักจำนวนมากจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่ของฝ่ายไทย
กำลังเขมรแดงที่เหลือภายใต้การนำของ พล.ต.จัน สุคน และพล.ต.เนี๊ยะ วง ก็มีกำลังหลักไม่มาก นักรบหลักในอดีตต่างก็อยู่ในวัยอาวุโสที่ไม่สามารถออกรบหรือบทบาทหลักได้อีก นอกจากนั้น ทั้งคู่ยังขึ้นตรงกับนายทหารที่เป็นคนสนิทของสมเด็จฮุน เซน อีกด้วย
โดยพล.ต.จัน สุคน ขึ้นตรงกับ พล.อ.สรัย ดึ๊ก ส่วน พล.ต.เนี๊ยะ วง ขึ้นตรงกับพล.ท.แกว ที ผบ.ผบ.พล.สนับสนุนที่ 2 และรอง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 ซึ่งเป็น ผบ.ยุทธบริเวณที่ 3 ฝั่งปราสาทตาเมือน ตาธม กองทัพกัมพูชา จึงอยู่ภายใต้การควบคุมของฮุน เซน และฮุน มาเนตแบบเบ็ดเสร็จ
แม้กระทั่ง สื่อมวลชนกัมพูชา ภายการบริหารประเทศแบบประชาธิปไตยกึ่งเบ็ดเสร็จ สื่อในกัมพูชาส่วนใหญ่ ก็เป็นสื่อของคนใน ตระกูลฮุน เช่นกัน
สงครามที่มีสื่อเป็น Propaganda กัมพูชาก็สามารถทิศทางการนำเสนอไปในทิศทางเดียวกันได้ และกำลังเป็นอาวุธที่ทรงพลังด้านการสื่อสารของกัมพูชาในสมรภูมิรอบนี้
เข็มมุ่งของ พ่อลูกตระกูลฮุน ต่อการนำกัมพูชา เพื่อดึงเกมยาวในสมรภูมิการเมืองระหว่างประเทศรอบนี้ จึงมีภาพของความเป็นเอกภาพที่ชัดเจน
ขณะที่ฝ่ายไทย ‘ตระกูลชิน’ กลับเข้าสู่อำนาจรอบนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเกมการเมืองระหว่างประเทศของคนใน ‘ตระกูลฮุน’ ที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิด ทำให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ติดหล่มอยู่ในวิกฤตศรัทธา และวิกฤติความเชื่อถือ
ในด้านการเมือง พรรคเพื่อไทยมีคะแนนเสียงในสภามาเป็นอันดับสอง และไม่สามารถเป็นพรรคการเมืองที่ครองเสียงข้างมากแบบในอดีตของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยในสมัยนายกฯปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จริงอยู่ แม้จะมีพรรคร่วมที่เปรียบเสมือนพรรคลูก เช่น พรรคประชาชาติ พรรคกล้าธรรม แต่พรรคเพื่อไทยยังคงต้องพึ่งพิงพรรคภูมิใจไทย ที่วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นพรรคที่คุมเสียงในวุฒิสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการคะแนนเสียง สำหรับการประชุมในเรื่องสำคัญๆ ที่ต้องใช้การประชุมร่วมของทั้ง 2 สภา
พรรคเพื่อไทย ยังต้องเจอศึกหนักจากพรรคประชาชน ที่วันนี้แม้จะคุมเสียงในรัฐสภาสู้พรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยไม่ได้ แต่ขุนพลวัยรุ่นของพรรคประชาชน ที่วันนี้ครองพื้นที่สื่อส่วนใหญ่ของประเทศ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กระหน่ำเข้าใส่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลของนายกฯอิ๊งค์ แบบปฏิเสธไม่ได้
คำถามจากสื่อมวลชนที่โหมเข้าใส่ตัวนายกฯ ขณะที่รายการต่างๆทั้งในสื่อทีวี สื่อออนไลน์ ซึ่งล้วนแต่เปิดพื้นที่ให้กับขุนพลของพรรคประชาชนแบบเต็มที่ ก็เป็นเกมการสื่อสารที่ทีมงานนายกฯอิ๊งค์ยังแก้ไม่ตก ต่างจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยในยุคนายกฯปู ที่ยึดครองพื้นที่สื่อได้มากกว่านี้
รัฐบาลนายกฯอิ๊งค์ จาก ตระกูลชิน ยังเจอศึกการเมืองนอกสภาและการเมืองบนถนน ที่กำลังผนึกกำลังใช้ประเด็นไทย-กัมพูชา กระหน่ำแบบรอบทิศ
ไม่เว้นแม้แต่กองทัพ แม้ดูเหมือนทั้งสามเหล่าทัพจะเป็นเอกภาพ จากภาพการนำของ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด เมื่อครั้งภัยพิบัติ น้ำท่วม และดินถล่ม
แต่ภายใต้สถานการณ์ไทย-กัมพูชารอบนี้ เมื่อกระทรวงกลาโหม โดย ภูมิธรรม เวชยชัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เลือกใช้บริการของกองทัพบก โดย ‘บิ๊กอ้วน’ รวมทั้งนายกฯอิ๊งค์ เลือกลงไปเล่นเองในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สถานการณ์ก็ดูเหมือนจะถูกข้อมูลในโซเชียลมีเดีย พยายามแยกปลาออกจากน้ำ
แฮชแทค (#) ให้กำลังใจทหาร แต่ไม่เชื่อรัฐบาล ที่เริ่มมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นหนึ่งในความพยายามของการเมืองนอกสภา ที่ต้องการแยกกองทัพออกจากรัฐบาล ขณะเดียวกันก็สร้างความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ
การเมืองในกองทัพบก ก็แอบมีการปล่อยข่าวลือเรื่องการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ. ที่มีอายุราชการถึงปี 2570 เพื่อเปิดทางให้นายทหารรุ่นน้อง หรือรุ่นอื่นที่ไม่ใช่ ตท.26 เข้ามาแทนที่ ทั้งที่ในความเป็นจริง การเมืองไม่สามารถล้วงลูกการเปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพได้ หากไม่สามารถกุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในคณะกรรมการกลาโหม ที่ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม และผบ.เหล่าทัพ
แม้กระทั่งการเมืองในกองทัพภาคที่ 2 ก็ร้อนแรงไม่ต่างกัน เมื่อพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 จะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมที่จะถึง
แคนดิเดตแม่ทัพ ที่มีถึง 3 คน และทั้ง 3 คนเกษียณอายุราชการพร้อมกัน คือ ปี 2570 ก็มีความพยายามใช้สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ สร้าง Content ผ่านสื่อ ปั่นกระแสโซเชี่ยล เพื่อสร้างบทบาทให้กับแคนดิเดตบางราย
ขณะที่สงครามแย่งชิง Engagement ของสื่อออนไลน์หลายสำนัก ก็ยังเป็นประเด็นหลักที่ร่วมกันปั่นข่าว นำเสนอข่าวสถานการณ์ไทย-กัมพูชา จนเกิดกระแสติดลบให้กับรัฐบาลของนายกฯอิ๊งค์ โดยเฉพาะล่าสุดการแถลงของคณะเจรจาฝ่ายกัมพูชา ที่ชิงออกแถลงก่อนคณะเจรจาฝ่ายไทย ก็เป็นประเด็นร้อนแรง และสร้างยอด Engagement ค่อนข้างสูง และรวดเร็วในโซเชียลมีเดีย
แม้การแถลงของกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับการยอมรับในที่สุดว่า รัดกุม สุขุม และทันเกม แต่ก็ไม่สามารถสร้างภาพบวกกับมาให้รัฐบาลของ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร แห่ง ‘ตระกูลชิน’ ได้
ศึกในประเทศ ทั้งการเมืองในรัฐสภา การเมืองนอกสภา การเมืองบนถนน การเมืองในกองทัพ และสงครามสื่อ สงครามโซเชียลมีเดีย จะทำให้ ตระกูลชิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แพทองธาร ชินวัตร ก้าวขาออกจากหล่ม เพื่อออกไปสู้ศึกคนตระกูลฮุน ที่เดินเกมล่วงหน้าไปแล้วหลายก้าวได้หรือไม่
การให้สัมภาษณ์ล่าสุด แม้ดูเอาจริง และไม่ทิ้งความเป็นนายกเจนวาย ที่พร้อมจะ “ไขว้” กับคนตระกูลฮุนหากยังเล่นนอกเกม แม้จะดูดีขึ้น แต่ยังไม่พอที่จะสร้างศรัทธา จนสามารถก้าวขาขึ้นจากหล่ม
การทำการบ้านเพิ่มเติมให้มากขึ้น และออกมาตรการรับมือ สิ่งที่คนใน ตระกูลฮุน ประกาศเพื่อทันต่อการนำไทยเข้าสู่เวทีนานาชาติหากจำเป็น เป็นเรื่องสำคัญที่นายกฯอิ๊งค์และทีมงานต้องเตรียมรับมือให้พร้อม
แม้ถึงขั้นต้องประกาศตัดความสัมพันธ์ชั่วคราว หรือระยะยาวกับคนในตระกูลฮุน ก็เป็นเรื่องที่นายกฯอิ๊งค์อาจต้องทำ หากถึงวันที่กระแสรอบด้านโหมเข้าใส่
EP.ถัดไปจะถอดรหัสกองทัพกัมพูชา ที่วันนี้ส่ง พล.อ.เอท ซา ลัธ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด/เสนาธิการทหารร่วม ซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทของสมเด็จฮุน เซน ลงมาบัญชาการพื้นที่ยุทธบริเวณฝั่งตรงข้ามชายแดนทั้งหมด โดยให้มีอำนาจบัญชาการเหนือผู้บัญชาการยุทธบริเวณทั้ง 4 ว่า กัมพูชาวางยุทธการเหนือพื้นที่ทั้ง 4 บริเวณนี้อย่างไร