วันอังคารที่ 9 เมษายนที่จะถึงนี้ อาจจะเป็นวันชะตาตัดสินที่สำคัญว่า ทิศทางของประเทศไทยจะเดินต่อไปอย่างไร ในวันที่เส้นแบ่งระหว่าง ขาว-ดำ เลือนรางและพร่ามัว ในสายตาของคนพรรคเพื่อไทยที่มี พ่อของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำจิตวิญญาณมีความเชื่อว่า การนำบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน คือหนทางของการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยไม่ ‘แยแส’ ปัญหาด้านสังคมที่จะตามมา
อดีตนายกฯทักษิณ มีความมุ่งมั่นและต้องการที่จะเร่งให้มีการผลักดันร่างร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ หรือ ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์’ เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรก แบบ ‘ฟาสต์แทรค’ ก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 10 เมษายนนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อหวังผลที่จะผ่านร่างกฎหมายฯ และเร่งให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาในระหว่างปิดสมัยประชุม เพื่อนำกลับมาพิจารณาในวาระ 2-3 ในเดือนกรกฎาคม
ถึงแม้ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะถูกแรงต้านจากภาคประชาชน นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ กลุ่มแพทย์ และองค์กรด้านศาสนาหลักทั้ง 3 ศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ และอิสลาม แต่ก็ดูเหมือนรัฐบาลของพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำกลับถูกกำชับให้ต้อง ‘โหวต’ รับหลักการในวาระแรก
ถึงขนาดมี ‘คำขู่’ ว่า หากพบว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนแตกแถว ไม่โหวตผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกพิจารณาขับออกจากรัฐบาลทันที
แต่หากดูปฏิกิริยาจากบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มมีท่าที ‘ไม่ค่อยสบายใจ’ กับความพยายามในการเร่งรีบผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวเท่าไรนัก โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย ที่เคยแสดงท่าทีไม่ค่อยเห็นด้วย และจัดอยู่ในปีกของพรรคที่แสดงจุดยืนของพรรคแนว ‘อนุรักษ์นิยมใหม่’ โดยเห็นได้จาก บทบาทของ ‘ครูใหญ่’ เนวิน ชิดชอบผู้มากบารมีของพรรค ‘สีน้ำเงิน’
ครูใหญ่ ‘เนวิน’ เพิ่งไปบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘แนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ยุคใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด และองค์การบริหารส่วนจังหวัด’ ให้กับ ผู้ว่าราชการจังหวัดและ นายกอบจ.ทั่วประเทศ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ที่ สนามช้างอารีน่า อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยกล่าวถึงแนวคิดในการผลักดันกฎหมายที่จะให้อำนาจประชาชนที่เป็นผู้เสียภาษี ในการที่เขาจะเลือกว่าภาษีที่เขาเสียจะส่งไปท้องถิ่นไหน ผ่านการยื่นภาษี ภ.ง.ด.90/91 เพื่อช่วยให้ภาษีถูกนำกลับมาใช้เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น
ผู้มากบารมีแห่งเมืองบุรีรัมย์ แสดงความ**‘อึดอัด’** ถึงกับระบายความในใจบางส่วนออกมาว่า แนวคิดที่จะให้ประชาชนมีสิทธิในการระบุใน แบบฟอร์มเสียภาษี ภ.ง.ด.9 ว่าจะส่งเงินลงไปที่จังหวัดไหน แล้วแต่ว่าใครจะสำนึกรักบ้านเกิด ที่พรรคภูมิใจไทยพยายามจะผลักดันเสนอเป็นกฎหมาย แต่อย่างไรคงไม่เร่งด่วนเท่า ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์’
ท่าทีของครูใหญ่ ‘เนวิน’ จึงทำให้บรรดานักวิเคราะห์ทางการเมืองเริ่มมีการประเมินว่า ในที่สุด พรรคภูมิใจไทย อาจจะเปลี่ยนท่าที ‘ไม่โหวตผ่าน’ ร่างกฎหมาย ‘กาสิโน คอมเพล็กซ์’ หากกระแสสังคมที่ออกมาต้าน ‘จุดติด’ จนยากจะฝ่ากระแส ประกอบกับ มีสส.พรรคบางส่วนจากภาคใต้เกรงว่า หากฝืนกระแสสังคมอาจจะมีปัญหากับกลุ่มฐานเสียงในพื้นที่ที่เป็นคนมุสลิม
นอกจากนี้ท่าทีของพรรคร่วมอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคประชาชาติ ก็อยู่ในอาการ ‘น้ำท่วมปาก’ เนื่องจาก สส.ของพรรคทั้ง 9 คน มีเพียง หัวหน้าพรรค คือ ‘พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง’ รมว.ยุติธรรม เป็นชาวพุทธเพียงคนเดียว ส่วน สส. อีก 8 คน ที่เป็นชาวมุสลิม และมีฐานเสียงหลักอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งการจะลงมติผ่าน ร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับดังกล่าว อาจจะขัดต่อหลักศาสนา
สส.ยะลา พรรคประชาชาติ ‘ซูการ์โน มะทา’ สส.ยะลา ออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยของ พ.ต.อ.ทวี ต่อ คณะรัฐมนตรี และประธานวิปรัฐบาล ที่แจ้งต่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ถึงข้อสังเกต และข้อกังวล ผลกระทบในเชิงสังคม และคำถามถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ โดยเห็นควรให้มีการศึกษาเพิ่มเติมให้ชัดเจนก่อน
ขณะเดียวมีการทำหนังสือถึง ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ‘วิสุทธิ์ ไชยณรุณ’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แสดงความกังวลว่า การเปิดให้มีการตั้งกาสิโนแบบถูกกฎหมายขึ้นอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ขัดต่อศีลธรรม และหลักหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ และหลักการศาสนาอิสลามหรือศาสนาอื่น โดยอาจต้องเพิ่มเติมในบทบัญญัติที่เกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่การบังคับใช้กฎหมายหรือการเพิ่มข้อพิจารณาด้านศาสนา และวัฒนธรรม ของประชาชนในท้องที่ ที่จะกำหนดให้เป็นพื้นที่ในการอนุญาตให้จัดตั้งกาสิโนแบบถูกกฎหมายขึ้น
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือ ทั้ง พรรครวมใจสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ และ ชาติไทยพัฒนา ก็อยู่ในสภาวะ ‘อึดอัด’และกำลังมีอาการเครียดอย่างหนักว่าจะเลือกตัดสินใจอย่างไร
ยิ่งไกว่านั้น ถึงแม้จะมี ‘คำขู่’ จาก อดีตนายกฯทักษิณ ว่าหาก ‘แตกแถว’ จะมีการขับพ้นรัฐบาล แต่หลังจากมีแถลงการณ์จาก ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ที่มี อดีตตุลาการศาลรัฐ ‘จรัญ ภักดีธนากุล’ เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ออกมาคัดค้าน โดยเตือนว่า หากมีการโหวตรับร่างกฎหมายดังกล่าว อาจจะเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 65 และ มาตรา 75 และยังขัดต่อ พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 2560 ในมาตรา 6-7 และมาตรา 11 ที่อาจทำให้ผู้ที่โหวตรับรองร่างกฎหมายดังกล่าว กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ และอาจผิดบทบัญญัติที่เกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อกระแสการคัดค้านลุกลามมาจนทำให้คนในทุกองคาพยพของสังคมออกมาคัดค้านกันทั้งประเทศ จึงน่าติดตามว่า ถึงนาทีสุดท้าย พรรคร่วมรัฐบาลจะยังคงมีเอกภาพมากพอที่จะโหวตผ่านร่างกฎหมาย ‘กาสิโน คอมเพล็กซ์’ ฉบับจำแลง หรือไม่
ปัจจุบันพรรคร่วมรัฐบาลมี 314 เสียง ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 70 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคกล้าธรรม 20 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 21 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง และพรรคเล็กอีก 4 เสียง โดยมีงูเห่าที่อยู่ในกลุ่มของ ผู้กอง ‘ธรรมนัส’ สำรองอีกราว 9 เสียง
หากพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชาติ เลือกที่จะตัดสินใจเปลี่ยนท่าที ‘ชักม้าที่ริมผา’ ขอชะลอร่างกฎหมายดังกล่าวไว้ ในนาทีสุดท้าย อาจจะเป็นการ ‘ดับฝัน’ ส่งผลให้ร่างกฎหมาย ‘เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์’ ต้องถูก ‘เบรก’ ไว้ก่อนก็เป็นได้ ทั้งหมดจึงต้องจับตาย่างก้าวของแต่ละฝ่ายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ชนิดห้ามกระพริบตา...