โหมตีปี๊บกันยกใหญ่ เรื่องตั้งบ่อนกาสิโนในประเทศไทย ภายใต้เสื้อคลุมสถานบันเทิงครบวงจร
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในรายการโทรทัศน์ นายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ที่พูดทุกเรื่องยกเว้นปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังย้ำเรื่องกาสิโนว่า เป็นการพนันแบบรับผิดชอบ (Responsible Gambling)
ฟังแล้วก็ให้สงสัยว่า มันจะรับผิดชอบกันได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้กฎหมายก็ไม่เป็นกฎหมายอยู่แล้ว
แต่เอาเถอะ เรื่องนี้ดูเหมือนพรรคเพื่อไทย จะมีเป้าหมายอะไรซ่อนอยู่ เริ่มตั้งแต่แจกการบ้านให้ สส.ไปชี้แจงกับชาวบ้านในพื้นที่ถึงร่างกฎหมายฉบับนี้ว่าเป็นสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีสัดส่วนของกาสิโนเพียง 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น
พร้อมกับจุดกระแส สถานบันเทิงครบวงจรไม่เท่ากับกาสิโน แก้ลำอีกฝ่ายที่ว่า สถานบันเทิงครบวงจรเท่ากับกาสิโน
ความจริงกฎหมายกาสิโน น่าจะถูกฝังกลางสภาไปแล้ว หลังถูกเลื่อนพิจารณาไม่มีกำหนด และในวันถัดมา "ลูกพ่อเนวิน" ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประกาศกลางสภาไม่เอากฎหมายกาสิโน
การบ้านที่เพื่อไทยให้ สส.ไปทำความเข้าใจกับประชาชน จึงเป็นการถอยแบบมีเชิง เพราะดูจากกระแสต้านทั้งในและนอกสภาแล้ว คงต้องพักไว้เหมือนที่แช่แข็ง MOU 44 ด้วยวิธีลากยาวตั้งคณะกรรมการ JBC ออกไปนั่นแหล่ะ
ขณะที่การนำกฎหมายกาสิโนมาพูดถึงในตอนนี้ ก็อยู่ในอารมณ์เดียวกับที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และสงครามภาษีทรัมป์ แต่รัฐบาลกลับจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังไม่ถูก มัวหมกมุ่นหายใจเข้าออกเป็นกาสิโน
จนต้องล่าถอยออกไปในที่สุด
หนนี้กฎหมายกาสิโน ถูกจุดพลุขึ้นโดย "ผู้เฒ่าการเมือง" ทักษิณ ชินวัตร ระหว่างไปปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายกเทศบาลนครเชียงใหม่ จากนั้น คนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาขานรับกันเป็นทอด ๆ
แม้แต่นายกฯ อิ๊งค์ ก็นำมาเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในรายการโทรทัศน์
การพร้อมใจกันออกมาพูดถึงกฎหมายกาสิโน รวมทั้งสื่อซึ่่งเป็นลูกข่ายรัฐบาลก็พร้อมเพรียงกันให้พื้นที่ข่าว จึงเป็นการ "ปลุกผีกาสิโน" ขึ้นใหม่อย่างมีเป้าหมาย เพื่อดึงความสนใจจากสารพัดมรสุมที่รัฐบาลเผชิญอยู่
ไล่ไปตั้งแต่ "อิ๊งค์-แพทองธาร" นายกฯ Gen y ที่ขาดแคลนภาวะผู้นำและความสามารถ ในท่ามกลางปัญหาใหญ่หลวงที่ประเทศและโลกใบนี้กำลังเผชิญ จนทำให้คนในสังคมออกมาตั้งคำถามกันมากขึ้นว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะรัฐล้มเหลว ภายใต้ผู้นำที่ไร้ความสามารถ
คำพูดที่กลุ่มเยาวชนพูดถึงรัฐบาลเมื่อสิบปีก่อน "ผู้นำโง่จะทำให้พวกเราตายกันหมด" ได้เห็นภาพชัดขึ้นในพ.ศ.นี้
อีกด้าน หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนการบังคับโทษจำคุก ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ซึ่งศาลได้ใช้อำนาจตรวจสอบว่า ทักษิณได้รับโทษไปหรือยัง และชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
แม้นักกฎหมายในรัฐบาลจะเชื่อว่าทำทุกกอย่างถูกต้องและอยู่ในขั้นตอนการบริหารโทษของราชทัณฑ์ เป็นไปตามระเบียบที่มีอยู่ก็ตาม แต่เมื่อความสงสัยของสังคม กลายเป็น "ความปรากฎ" ที่ศาลท่านสงสัย จึงนำไปสู่การเรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาไต่สวน
งานนี้ หากหลักฐานชี้ชัดว่า ไม่มีการบังคับตามหมายขังจริง ศาลย่อมสามารถออกคำสั่งใหม่ เพื่อให้ดำเนินการตามคำพิพากษาเดิมให้ครบถ้วน
ตรงนี้กระมัง ที่ทำให้คำพูดของทักษิณ "ไม่ต้องเป็นห่วงผม" เปลี่ยนเป็นความกังวลแทน โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่หลายคนกำลังคลำหาแสงสว่างปลายอุโมงค์ เพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง
ชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล "รัฐมนตรีเกียรติยศ" จึงถูกโยนออกมา แม้จะตีกรอบอยู่เฉพาะในแวดวงหมอดู แต่ก็มีส่วนผสมของภาพที่ประจักษ์ได้ด้วยตา อันแตกต่างจากคำว่า "สัญญาณพิเศษ" ที่สัมผัสจากความรู้สึกกันไปเอง
วันก่อน ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พูดถึงเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลว่า "เรายืนยันชัดเจนแล้วว่าไม่ร่วม หากไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ"
เป็นคำพูดที่หากจะปล่อยผ่านแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปก็ได้ แต่หากจะคิดตามก็ได้อีกเหมือนกัน ในสถานการณ์ที่การเมืองดูมั่ว ๆ มากไปด้วยการต่อรอง ในชั่วโมงนี้อะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้ แม้กระทั่งเปลี่ยนม้ากลางศึก
เมื่อเพื่อไทยไม่ตอบโจทย์-อิ๊งค์ไปไม่รอด!!
เรื่องกฎหมายกาสิโน จึงต้องถูกปั่นออกมาในห้วงเวลานี้ เพราะหากจะทำจริงไม่ต้องชี้แจงประชาชน และไม่ต้องเสียเวลารอถึงสมัยประชุมหน้า เปิดสภาสมัยวิสามัญปลายเดือนนี้ก็นำเข้าพิจารณาได้เลย อย่างที่หลายคนท้าทายไว้
แต่ต้องถามพรรคร่วมรัฐบาลก่อนว่า เห็นพ้องด้วยกันทุกพรรคหรือไม่
หนทางขางหน้ายังอีกยาวไกลหลายหมื่นลี้ สำหรับกฎหมายกาสิโน ดังนั้น การลุกขึ้นมาเซิ้งของคนในเครือข่ายเพื่อไทย จึงเป็นการชิงพื้นที่บนหน้าสื่อ ดึงความสนใจสังคมออกจากสารพัดมรสุมที่รุมถล่มนายกฯ Gen y กับพ่อเสียมากกว่า