การเมือง เข้าสู่ช่วงรอวันผึ้งแตกรัง

30 เม.ย. 2568 - 03:28

  • บทเรียนเลือกตั้งซ่อมสส.เขต 8 นครศรีธรรมราช

  • หลายพรรคต้องปรับตัว ปรับกลยุทธ์

  • เลือกตั้งครั้งหน้า อาจ สส.เห็นย้ายค้ายย้ายฝั่งเพียบ

politics-thailand-government-opposition-conflict-SPACEBAR-Hero.jpg

จากผลการเลือกตั้งซ่อมสส.เขต 8 นครศรีธรรมราช ที่ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พ่ายแพ้อย่างยับเยิน ได้คะแนนติดมือมาเพียง 4 พันกว่าคะแนน จากของเดิมในการเลือกตั้งหนก่อนที่ได้มากว่าหนึ่งหมื่นคะแนน 

แม้คนในพรรคประชาธิปัตย์ จะมองคะแนนที่ได้ผ่านแว่นคนละสีกัน โดย เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้า ปชป.ดูจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรมากนัก "ก็ตามที่เห็น เราไม่ได้คาดการณ์ว่าจะแพ้หรือชนะ แต่เราก็รอผลที่ออกมา ก็ว่าไปตามนั้น"

เฉลิมชัย ยืนยันสมาชิกพรรคไม่ได้เสียขวัญ พร้อมปฏิเสธเรื่องการสูญเสียที่นั่งในภาคใต้แล้วจะไม่มีโอกาสนำกลับมาได้อีกในอนาคตว่า "ไม่หรอก รอดูผลการเลือกตั้งครั้งหน้า"

ต่างจาก นิพนธ์ บุญญามณี อดีตแม่ทัพภาคใต้ ปชป.กลับมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความกังวล และแนะให้ผู้บริหารพรรคทบทวนแนวทางการทำงาน เพราะหากไม่ปรับตัว พรรคก็จะพบกับความเสื่อมถอยและล่มสลายในที่สุด

“วันนี้พรรคต้องกล้าถามตัวเองว่า ประชาชนคิดอย่างไรกับพรรค ในสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องกล้าประกาศแนวทางการเมืองที่สุจริต โปร่งใส และทำให้ประชาชนเห็นเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงแค่กล่าวอ้าง แต่ต้องแสดงให้เห็นว่าพรรคกล้าเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่สังคมไม่พึงประสงค์ได้จริงๆ”

นิพนธ์ ย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ จำเป็นต้องวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งว่าเพราะเหตุใดประชาชนจึงหันหลังให้ และจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา เพราะสุดท้ายแล้ว ประชาชนจะมอบอนาคตของประเทศและฝากฝังไว้ให้กับผู้ที่เขาเชื่อถือได้เท่านั้น ถ้าพรรคไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ก็มีแต่จะพ่ายแพ้ 

"พรรคประชาธิปัตย์ ต้องกล้าเปลี่ยนทุกอย่าง หากไม่เปลี่ยน ก็ไม่สามารถอยู่รอดได้"

ความจริงการแพ้-ชนะ ในสนามเลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีธรรมราช ครั้งนี้ มีหลายมิติ หลายปัจจัยที่ซ้อน ๆ กันอยู่ ดูได้จากพรรคภูมิใจไทย ที่สูญเสียเก้าอี้ในเขตนี้ไป ทั้ง ๆ ที่ผู้สมัครได้คะแนนเพิ่มขึ้นกว่า 5 พันคะแนน แต่ก็แพ้ เพราะคู่แข่งได้คะแนนทิ้งห่างถึงหนึ่งหมื่นคะแนน

นั่นเป็นเรื่องที่แม่ทัพภาคใต้ของภูมิใจไทย พิพัฒน์ รัชกิจประการ "โกเกี๊ยะ" ได้ไปสรุปจนตกผลึกแล้วว่าเกิดจากอะไร และเตรียมนำไปปรับแผนสู้ศึกในการเลือกตั้งครั้งหน้า

แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ คงมีความซับซ้อนมากกว่าภูมิใจไทย เพราะนอกจากจะต่อสุู้กับคู่แข่งแล้ว ยังมีปัญหาความสัมพันธ์ภายในพรรคที่แบ่งเป็นกลุ่มผู้อาวุโส กับกลุ่มผู้บริหารพรรค ที่มีแนวทางต่างกันและหลอมรวมกันไม่ติด

จึงทำให้การเลือกตั้งซ่อมเที่ยวนี้ไม่มี สส.ปชป.ใน จ.นครศรีธรรมราช มาช่วยหาเสียงแม้แต่คนเดียว ส่วนจะไปมีใจให้กับผู้สมัครคนไหนนั้น ให้รอดูการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป

ในเมื่อแบรนด์หรือสีเสื้อ ไม่ได้เป็นตัวชี้ขาดแพ้-ชนะ ในสนามเลือกตั้งภาคใต้อีกต่อไป ทำให้การย้ายพรรคไม่ใช่เรื่องแปลก ไปอยู่กับพรรคไหนก็ได้ ถ้าชาวบ้านเห็นว่าเป็นพรรคที่ "ใจถึง พึ่งได้" ก็สามารถกลับเข้าสภามาเป็นสส.ได้อีก

เหตุการณ์แบบนี้ ไม่ได้มีเฉพาะที่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น พรรคไทยสร้างไทย(ทสท) ของคุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่วันนี้เกือบจะร้าง สส.ทั้งๆ ที่มีชื่ออยู่ในสภา 6 ที่นั่ง แต่เกือบจะไม่เหลือสส.เข้ามาข้องแวะมีปฏิสัมพันธ์กับพรรคเลย

เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เพิ่งเปลี่ยนโล้โก้พรรคไปหมาด ๆ เพื่อรับกับความเป็นพรรค "อนุรักษ์นิยมทันสมัย" แม้ 20 สส.จะมานั่งประชุมกันพร้อมหน้า ให้ลุงป้อมยืนยันกับสื่อว่าทุกคนยังอยู่กันครบก็ตาม

แต่ก็เป็นอีกพรรคที่ถูก "ชอตเซลล์" ในตลาดการเมืองไปแล้ว

หรือแม้แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ถูกเปลี่ยนดีเอ็นเอไปแล้ว วันนี้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้ารทสช.กำลังเผชิญกรรมหนักระดับ "อนันตริยกรรม" ถึงขั้นห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ตัดสิทธิ์การเมืองไปตลอดชีวิตกันเลยทีเดียว

รทสช.เป็นอีกพรรคที่อยู่แบบระส่ำกันมาระยะหนึ่ง จึงทำให้สส.ในพรรคหลายคนพร้อม "จรม้า" ตีจากไปเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พูดย้ำอยู่หลายครั้งถึงจำนวนสส.ของกล้าธรรมที่ปัจจุบันมี 24 คน แต่มีซุกไว้ข้างนอกอีกรวมเป็น 34 คน โดยจะทำให้ตัวเลขนี้เป็นจริงภายในสภาชุดนี้

ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่ และจะใช้วิธีไหนนั้น ในทางปฏิบัติทำได้สองทางเท่านั้น คือ ถ้าไม่ถูกขับออกจากพรรค ก็ทำให้พรรคที่สังกัดอยู่สิ้นสภาพ ถึงจะย้ายเข้ามาอยู่พรรคกล้าธรรม ที่เป็น "พรรคน้องใหม่ แต่ใจใหญ่" ได้ 

บนถนนการเมืองไทยนาทีนี้ ไม่ได้มีเฉพาะพรรคกล้าธรรม แต่ **"พรรคโอกาสใหม่"**ที่น่าจะเป็นน้องใหม่กว่า ก็เป็นอีกพรรคที่อยู่ในระดับแม่เหล็ก ดึงดูดนักเลือกตั้งที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่ เข้ามาร่วมสร้างบ้านแปงเมืองด้วย

จากแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองในเขต 8 นครศรีธรรมราช ที่เกิด "กล้าธรรมโมเดล" ขึ้น ทำให้บรรดานักเลือกตั้งไม่เฉพาะในซีกฝ่ายค้าน แต่รวมถึงในพรรครัฐบาลด้วย ต่างเตรียมอพยพย้ายบ้านกันขนานใหญ่

เอาเป็นว่า ถ้ายุบสภาเลือกตั้งตั้งใหม่เมื่อไหร่ ก็จะได้เห็นผึ้งแตกรัง ย้ายหนีพรรคเก่ากันเมื่อนั้น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์