ในที่สุดก็จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ฟาดแข้งกันอย่างดุเดือดติดต่อกันมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบ 16 ทีม ชนิดที่ไม่มีวันหยุดให้พวกเราแฟนฟุตบอลได้พักหายใจกันเลยทีเดียว และถึงตอนนี้ในที่สุดเราก็ได้ตัวแทน 8 ชาติ 8 ทีมสุดท้ายตบเท้าเข้าสู่รอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย
แม้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายอาจจะมีทีมใหญ่ทีมหนึ่งไม่มาตามนัดที่หลายๆ ทีมนัดเอาไว้ และก็เป็นการตกรอบชนิดที่หักปากกาเซียนหลายๆ คนด้วย ซึ่งทีมที่เรากำลังจะพูดถึงผลงานก็คือทีมชาติสเปนอดีตแชมป์โลก 1 สมัยที่ในฟุตบอลโลกหนนี้พวกเขาเปิดหัวได้อย่างสวยงามด้วยการถล่มทีมชาติคอสตาริกาไปด้วยสกอร์ 7-0 แต่ทำไมในนัดล่าสุดที่พวกเขาพบกับโมร็อกโกในรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟอร์มการเล่นที่ดีงามในวันนั้นค่อยๆ หายไป วันนี้ผมจึงอยากจะพาทุกคนไปถอดรหัสเรื่องนี้กันครับ
แม้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายอาจจะมีทีมใหญ่ทีมหนึ่งไม่มาตามนัดที่หลายๆ ทีมนัดเอาไว้ และก็เป็นการตกรอบชนิดที่หักปากกาเซียนหลายๆ คนด้วย ซึ่งทีมที่เรากำลังจะพูดถึงผลงานก็คือทีมชาติสเปนอดีตแชมป์โลก 1 สมัยที่ในฟุตบอลโลกหนนี้พวกเขาเปิดหัวได้อย่างสวยงามด้วยการถล่มทีมชาติคอสตาริกาไปด้วยสกอร์ 7-0 แต่ทำไมในนัดล่าสุดที่พวกเขาพบกับโมร็อกโกในรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟอร์มการเล่นที่ดีงามในวันนั้นค่อยๆ หายไป วันนี้ผมจึงอยากจะพาทุกคนไปถอดรหัสเรื่องนี้กันครับ

1.ติกิ-ตาก้า แทคติกที่ใช้ได้ผลแค่เพียงนัดเดียวเท่านั้น
สิ่งแรกที่อยากพูดถึงเลยก็คือ แทคติกของทีมชาติสเปนในฟุตบอลโลกหนนี้กับ แทคติก ติกิ-ตาก้า แผนการเล่นในตำนานที่ทีมชาติสเปนเล่นกันมาอย่างยาวนาน ยิ่งภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอนริเก้ ด้วยแล้วภาพของแผนการเล่นนี้ชัดเจนตั้งแต่เกมส์แรกที่พวกเขาเจอคอสตาริกา วิธีการเล่นก็คือการครองบอลให้เยอะ บุกเข้าใส่ฝั่งตรงข้ามชนิดที่หากมีช่องว่างระหว่างการยืนเมื่อไหร่ ฟุตบอลของทีมชาติสเปนจะผลิตสกอร์ได้อย่างมากมาย
แต่บนความถนัดที่พวกเขามีก็ถูกทีมชาติฝั่งตรงข้ามจับทางได้ในที่สุด ทั้งในการเจอกับทีมชาติเยอรมันที่ใช้การบีบพื้นที่ในการครองบอล หรือจะเป็นทีมชาติญี่ปุ่นที่หาทางเจาะในช่องว่างระหว่างการยืนของสเปนที่เมื่อเล่นเกมส์รุกพวกเขามักดันขึ้นสูงกว่าปกติ จึงทำให้ทีมชาติญี่ปุ่นเอาชนะได้สำเร็จ และในเกมส์ล่าสุดกับทีมชาติโมร็อกโกที่แก้ทางของพวกเขาด้วยการยืนเล่นเกมส์รับต่ำ หาจังหวะสวนเมื่อมีโอกาส ทำให้ทีมชาติสเปนไม่สามารถครองบอลเข้าแดนสุดท้ายของคู่แข่งได้เลย ตรงนี้เองจึงเป็นการสรุปได้เลยว่า ติกิ-ตาก้า ไม่สามารถใช้ได้ทุกนัดและเมื่อมีทางตันปัญหาก็คือ เฮดโค้ชอย่างหลุยส์ เอนริเก้ ก็ดันแกไขไม่ตรงจุดเสียอย่างนั้น ตรงนี้เองจึงทำให้หลายๆ สื่อเมืองนอกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันเป็นแค่การครองบอลให้จบไปก็เท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่การทำประตูเพื่อคว้าชัยชนะ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พวกเขาตกรอบในครั้งนี้
สิ่งแรกที่อยากพูดถึงเลยก็คือ แทคติกของทีมชาติสเปนในฟุตบอลโลกหนนี้กับ แทคติก ติกิ-ตาก้า แผนการเล่นในตำนานที่ทีมชาติสเปนเล่นกันมาอย่างยาวนาน ยิ่งภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอนริเก้ ด้วยแล้วภาพของแผนการเล่นนี้ชัดเจนตั้งแต่เกมส์แรกที่พวกเขาเจอคอสตาริกา วิธีการเล่นก็คือการครองบอลให้เยอะ บุกเข้าใส่ฝั่งตรงข้ามชนิดที่หากมีช่องว่างระหว่างการยืนเมื่อไหร่ ฟุตบอลของทีมชาติสเปนจะผลิตสกอร์ได้อย่างมากมาย
แต่บนความถนัดที่พวกเขามีก็ถูกทีมชาติฝั่งตรงข้ามจับทางได้ในที่สุด ทั้งในการเจอกับทีมชาติเยอรมันที่ใช้การบีบพื้นที่ในการครองบอล หรือจะเป็นทีมชาติญี่ปุ่นที่หาทางเจาะในช่องว่างระหว่างการยืนของสเปนที่เมื่อเล่นเกมส์รุกพวกเขามักดันขึ้นสูงกว่าปกติ จึงทำให้ทีมชาติญี่ปุ่นเอาชนะได้สำเร็จ และในเกมส์ล่าสุดกับทีมชาติโมร็อกโกที่แก้ทางของพวกเขาด้วยการยืนเล่นเกมส์รับต่ำ หาจังหวะสวนเมื่อมีโอกาส ทำให้ทีมชาติสเปนไม่สามารถครองบอลเข้าแดนสุดท้ายของคู่แข่งได้เลย ตรงนี้เองจึงเป็นการสรุปได้เลยว่า ติกิ-ตาก้า ไม่สามารถใช้ได้ทุกนัดและเมื่อมีทางตันปัญหาก็คือ เฮดโค้ชอย่างหลุยส์ เอนริเก้ ก็ดันแกไขไม่ตรงจุดเสียอย่างนั้น ตรงนี้เองจึงทำให้หลายๆ สื่อเมืองนอกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันเป็นแค่การครองบอลให้จบไปก็เท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่การทำประตูเพื่อคว้าชัยชนะ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พวกเขาตกรอบในครั้งนี้

2.นักเตะเปลี่ยนเกมส์หาไม่ได้เลยที่ม้านั่งสำรอง
เมื่อแผนการเล่นที่เคยเป็นผลเข้าสู่ทางตัน สิ่งที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือการที่หันไปมองที่ซุ่มม้านั่งสำรองของทีมชาติสเปน เรากลับไม่พบตัวผู้เล่นที่สามารถเปลี่ยนเกมส์ได้เลยสักคนเดียว การเปลี่ยนทั้ง คาร์ลอส โซแลห์, อัลบาโร โมราต้า, นิโกลัส วิเลียมส์, อันซู ฟาติ, อเลฮานโดร บัลเด้ และ ปาโบล ซาราเบีย ลงมาต่างไม่ได้ช่วยให้เกมส์ดีขึ้นเลย ยิ่งในรายของ อัลบาโร โมราต้า และ อันซู ฟาติ ต่างไม่สามารถผลิตผลงานเป็นชิ้นเป็นอันได้เลยในการลงเล่นเกมส์นี้ อีกทั้งการเปลี่ยนตัวแบบนี้ยิ่งทำให้เราเห็นว่า พวกเขาขาดผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในเวทีระดับโลกหลายคนมากๆ ให้นึกถึงไวๆ คนที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ขึ้นหนึ่งชื่อ หากต้องไปดวลจุดโทษจริงๆ ชื่อของ เซร์คิโอ รามอส ก็คงลอยมาอยู่ในหัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้มีชื่อติดทีมชาติไปลุยศึกครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ
เมื่อแผนการเล่นที่เคยเป็นผลเข้าสู่ทางตัน สิ่งที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือการที่หันไปมองที่ซุ่มม้านั่งสำรองของทีมชาติสเปน เรากลับไม่พบตัวผู้เล่นที่สามารถเปลี่ยนเกมส์ได้เลยสักคนเดียว การเปลี่ยนทั้ง คาร์ลอส โซแลห์, อัลบาโร โมราต้า, นิโกลัส วิเลียมส์, อันซู ฟาติ, อเลฮานโดร บัลเด้ และ ปาโบล ซาราเบีย ลงมาต่างไม่ได้ช่วยให้เกมส์ดีขึ้นเลย ยิ่งในรายของ อัลบาโร โมราต้า และ อันซู ฟาติ ต่างไม่สามารถผลิตผลงานเป็นชิ้นเป็นอันได้เลยในการลงเล่นเกมส์นี้ อีกทั้งการเปลี่ยนตัวแบบนี้ยิ่งทำให้เราเห็นว่า พวกเขาขาดผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในเวทีระดับโลกหลายคนมากๆ ให้นึกถึงไวๆ คนที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ขึ้นหนึ่งชื่อ หากต้องไปดวลจุดโทษจริงๆ ชื่อของ เซร์คิโอ รามอส ก็คงลอยมาอยู่ในหัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้มีชื่อติดทีมชาติไปลุยศึกครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ

3.จุดโทษ 1,000 ครั้งกับการใช้จริงในครั้งที่ 1,001 ที่ไม่เกิดผลสำเร็จ
ก่อนเกมส์การแข่งขันครั้งนี้ทางเฮดโค้ชอย่าง หลุยส์ เอนริเก้ ได้ออกมาบอกว่า พวกเขาได้มีการฝึกซ้อมการยิงจุดโทษมาตลอดเกือบ 1,000 ครั้งในการเข้าแคมป์เก็บตัวทีมชาติครั้งนี้ ทำให้หลายคนเชื่อว่า หากเกิดการดวลจุดโทษจริงๆ ระหว่าง สเปน กับ โมร็อกโก พวกเขาน่าจะผ่านไปได้ไม่ยากเย็นหนัก แต่เมื่อพอถึงเวลาจริงแล้วทุกสิ่งที่พูดไว้กลับกลายเป็นคนละอย่างหนังคนละม้วนอย่างสิ้นเชิง เพราะทีมชาติสเปนกลับไม่มีใครยิงเข้าประตูไปได้เลยสักลูกเดียวในการดวลจุดโทษกับทีมชาติโมร็อกโก และแพ้ตกรอบไปในที่สุดตรงนี้เองก็จึงเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจว่าจริงๆ แล้ว การซ้อมจุดโทษเกือบ 1,000 ครั้งของพวกเขาต่อให้ยิงเข้าทั้งหมด 1,000 ครั้ง แต่หากครั้งที่ 1,001 เต็มไปด้วยความกดดันและความยากในการยิงทุกสิ่งที่ซ้อมมาก็อาจจะไม่สำเร็จได้เช่นกัน
และนี่ก็เป็น 3 ประเด็นเด็ดที่เราสรุปให้ทุกคนได้อ่านกันสั้นๆ เกี่ยวกับประเด็นการตกรอบครั้งนี้ของทีมชาติสเปนในฟุตบอลโลกหนนี้และก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝันที่พวกเขาวาดไว้กับการก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก แม้จะออกสตาร์ทด้วยผลงานที่สวยหรูก็ตาม
เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะ...สเปน
ก่อนเกมส์การแข่งขันครั้งนี้ทางเฮดโค้ชอย่าง หลุยส์ เอนริเก้ ได้ออกมาบอกว่า พวกเขาได้มีการฝึกซ้อมการยิงจุดโทษมาตลอดเกือบ 1,000 ครั้งในการเข้าแคมป์เก็บตัวทีมชาติครั้งนี้ ทำให้หลายคนเชื่อว่า หากเกิดการดวลจุดโทษจริงๆ ระหว่าง สเปน กับ โมร็อกโก พวกเขาน่าจะผ่านไปได้ไม่ยากเย็นหนัก แต่เมื่อพอถึงเวลาจริงแล้วทุกสิ่งที่พูดไว้กลับกลายเป็นคนละอย่างหนังคนละม้วนอย่างสิ้นเชิง เพราะทีมชาติสเปนกลับไม่มีใครยิงเข้าประตูไปได้เลยสักลูกเดียวในการดวลจุดโทษกับทีมชาติโมร็อกโก และแพ้ตกรอบไปในที่สุดตรงนี้เองก็จึงเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจว่าจริงๆ แล้ว การซ้อมจุดโทษเกือบ 1,000 ครั้งของพวกเขาต่อให้ยิงเข้าทั้งหมด 1,000 ครั้ง แต่หากครั้งที่ 1,001 เต็มไปด้วยความกดดันและความยากในการยิงทุกสิ่งที่ซ้อมมาก็อาจจะไม่สำเร็จได้เช่นกัน
และนี่ก็เป็น 3 ประเด็นเด็ดที่เราสรุปให้ทุกคนได้อ่านกันสั้นๆ เกี่ยวกับประเด็นการตกรอบครั้งนี้ของทีมชาติสเปนในฟุตบอลโลกหนนี้และก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝันที่พวกเขาวาดไว้กับการก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก แม้จะออกสตาร์ทด้วยผลงานที่สวยหรูก็ตาม
เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะ...สเปน