ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะหันไปมองทางไหน เรามักพบเจอกับโฆษณามีดโกนขน เลเซอร์กำจัดขน มูสกำจัดขน แว็กซ์กำจัดขน และผู้คนที่ดูสวยใสไร้ขนส่วนเกินอยู่ในทุกพื้นที่ แม้หลายปีที่ผ่านมาจะมีการรณรงค์เรื่อง ‘มาตรฐานความสวยงาม’ หรือ ‘บิวตี้สแตนดาร์ด’ (Beauty Standard) มากมายในสังคมจนผู้คนเกิดการยอมรับความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ สีผิว และรูปร่างได้มากขึ้นแล้ว แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่ได้หมดไป เพราะครั้งนี้มาตราฐานความสวยงามในสังคมได้กลับมาสร้าง ‘ความไม่มั่นใจ’ ให้ผู้คนอีกครั้งภายใต้ข้อจำกัดของการ ‘ไร้ขน’

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 100,000 ปีก่อน การกำจัดขนไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองค่ามาตรฐานความสวยงามทางสังคม แต่เป็นกลยุทธ์ในการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ยุคหิน โดยนักโบราณคดีเชื่อว่า พวกเขาใช้เปลือกหอยเป็นเหมือนแหนบในการดึง และหินออบซีเดียนที่ลับคมในการโกน พวกเขาจะกำจัดหนวดและเส้นผมที่มีความยาวเกินจำเป็นเพื่อไม่ให้ศัตรูสามารถจับได้หากเข้ามาประชิดตัว นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องกันการถูกน้ำแข็งกัดผิว เนื่องจากการจับตัวของหยดน้ำบนเส้นขนที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำในยุคน้ำแข็งอีกด้วย
ในสมัยอียิปต์โบราณ นอกจากการกำจัดขนจะเป็นเรื่องของสุขอนามัยแล้ว ยังสามารถบ่งบอกถึงชนชั้นทางสังคมได้ด้วย อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการกำจัดขนบ่งบอกถึงความสะอาด ดังนั้นคนที่จะมีขน หนวด หรือเคราจะมีเพียงกลุ่มคนรับใช้หรือทาสเท่านั้น
แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่าเกือบ 6,000 ปี แต่เรื่องของ ‘ขน’ ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในการกำหนดค่ามาตรฐานความงามในสังคม โดยส่วนสำคัญที่ทำให้ชุดความคิดนี้ยังคงมีชีวิตอยู่คือ ‘สื่อ’
แล้วการกำจัดขนเริ่มวิวัฒนาการมาเป็นข้อกำหนดความสวยในสังคมตอนไหน?
เมื่อประมาณ 6,000 ปีที่แล้ว ชาวอียิปต์ได้ยกระดับกรรมวิธีและแนวคิดเรื่องการกำจัดขน พวกเขาเชื่อว่าขนตามร่างกาย โดยเฉพาะขนบริเวณหัวหน่าว เป็นสัญลักษณ์ของคนไร้อารยธรรม ใครก็ตามที่มีขนบริเวณนั้นจะถูกมองว่าเป็นคนสกปรก ไม่รู้จักรักษาสุขลักษณะ ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงเลือกที่จะกำจัดขน โดยมีคลีโอพัตราเป็นแรงผลักดันสำคัญของแนวคิดนี้ เพราะเธอได้ทำการกำจัดขนตามร่างกายทั้งหมดรวมถึงเส้นผมบนศีรษะด้วยในสมัยอียิปต์โบราณ นอกจากการกำจัดขนจะเป็นเรื่องของสุขอนามัยแล้ว ยังสามารถบ่งบอกถึงชนชั้นทางสังคมได้ด้วย อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการกำจัดขนบ่งบอกถึงความสะอาด ดังนั้นคนที่จะมีขน หนวด หรือเคราจะมีเพียงกลุ่มคนรับใช้หรือทาสเท่านั้น
แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่าเกือบ 6,000 ปี แต่เรื่องของ ‘ขน’ ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในการกำหนดค่ามาตรฐานความงามในสังคม โดยส่วนสำคัญที่ทำให้ชุดความคิดนี้ยังคงมีชีวิตอยู่คือ ‘สื่อ’

ย้อนกลับไปตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นใบปลิว นิตยาสาร โฆษณาออนไลน์ หรือภาพยนตร์ ล้วนมีแต่ภาพผู้คนที่มีผิวเรียบเนียนไร้ตอขนโลดแล่นอยู่บนพื้นที่สื่อเท่านั้น สิ่งนี้เป็นภาพสะท้อนที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า มาตรฐานความงามในอุดมคติของผู้คนในทุกช่วงเวลาคือภาพลักษณ์ที่ไม่มีขนตามร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น การที่พื้นที่สื่อเต็มไปด้วยภาพผู้คนไร้ขนมาหลายศตวรรษ ทำให้ผู้คนในสังคมเริ่มรู้สึกว่านี่เป็นภาพจำ เกิดความผูกพันธ์ และเร่ิมซึบซับสิ่งเหล่านี้เข้ามาจนกลายเป็นข้อกำหนดมาตรฐานความงามของผู้หญิงในที่สุด
แม้มาตรฐานความงามทางสังคมจะหยั่งรากลึกทางความคิดของผู้คนเพียงใด แต่ในทุกพื้นทีล้วนมีคนชอบแหกกรอบและคิดแตกต่างเสมอ
แม้มาตรฐานความงามทางสังคมจะหยั่งรากลึกทางความคิดของผู้คนเพียงใด แต่ในทุกพื้นทีล้วนมีคนชอบแหกกรอบและคิดแตกต่างเสมอ

ในปี 1999 จูเลีย โรเบิร์ตส์ (Julie Roberts) สร้างกระแสสั่นสะเทือนไปทั่วประวัติศาสตร์วัฒนธรรมป๊อป เมื่อเธอโบกมือระหว่างการแสดงรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง Notting Hill และเผยให้เห็นขนใต้วงแขนของเธอ ในขณะนั้น ภาพดังกล่าวถูกใช้พาดหัวข่าวและเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ โดยอ้างว่าเธอกำลังพยายามสร้างการเคลื่อนไหวด้านสตรีนิยม หัวข้อนี้ยังคงได้รับการพูดถึงอยู่เรื่อยมา แม้จะผ่านมาแล้วถึง 2 ทศวรรษก็ตาม
แม้การเปิดตัวพร้อมขนใต้วงแขนของโรเบิร์ตส์จะได้รับการพูดถึงอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ได้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของผู้คนได้เท่าไหร่นัก จนกระทั่งอีก 20 ปีต่อมา ในปี 2019 ‘บิลลี’ (Billie) แบรนด์มีดโกนยุคใหม่ได้ทำการปล่อยโฆษณาออกมาภายใต้แคมเปญที่ใช้ชื่อว่า ‘Project Body Hair’
แม้การเปิดตัวพร้อมขนใต้วงแขนของโรเบิร์ตส์จะได้รับการพูดถึงอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ได้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของผู้คนได้เท่าไหร่นัก จนกระทั่งอีก 20 ปีต่อมา ในปี 2019 ‘บิลลี’ (Billie) แบรนด์มีดโกนยุคใหม่ได้ทำการปล่อยโฆษณาออกมาภายใต้แคมเปญที่ใช้ชื่อว่า ‘Project Body Hair’

ทุกคนมีขน โลกอาจเสแสร้งทำเหมือนมองไม่เห็นมัน แต่มันมีอยู่จริง และเมื่อไรก็ตามที่คุณอยากโกน บิลลีจะอยู่ตรงนี้กับคุณ
แนวคิดของบิลลี่ในการสร้างประวัติศาสตร์บนหน้าสื่อโฆษณา บิลลี (Billie) แบรนด์มีดโกนยุคใหม่ใต้แคมเปญที่ใช้ชื่อว่า Project Body Hair
นี้คือแนวคิดของบิลลี่ในการสร้างประวัติศาสตร์บนหน้าสื่อโฆษณาครั้งใหญ่ โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเผยภาพขนให้เห็นกันแบบชัดเจนบนโลกของสื่อโฆษณา โดยมีการถ่ายทำให้ผู้ชมสามารถมองเห็นหนวด ไรขนคิ้ว ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง หรือแม้กระทั่งขนในที่ลับของผู้หญิงได้อย่างชัดเจนสมจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถนำเสนอออกมาได้อย่างสวยงามราวกับผลงานศิลปะด้วย
แม้จะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบจำนวนมาก แต่จอร์จินา กูลีย์ (Georgina Gooley) เจ้าของแบรนด์มีดโกนบิลลีก็ยังคงเชื่อว่าควรมีพื้นที่ให้ผู้คนเหล่านี้เช่นเดียวกัน โดยเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอคาดหวังเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะต้องมีคนจำนวนหนึ่งที่ดูโฆษณานี้แล้วรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่สบายใจ หรือแม้กระทั่งขยะแขยงที่ได้เห็นเส้นขนเหล่านี้บนร่างกายของนางแบบ แต่นั่นคือสิ่งที่แบรนด์ต้องการ เพราะในทุกการขับเคลื่อนเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ การถูกคนบางกลุ่มไม่พอใจไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกใหม่อะไรเลย
“หากผู้คนได้เห็นภาพนี้บ่อยขึ้นและเข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมจึงไม่ควรคาดหวังให้ผู้หญิงทุกคนต้องกำจัดขนกาย ฉันหวังว่าเราจะได้เห็นภาพขนบนร่างกายรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้หญิงจะสามารถเลือกที่จะไว้ขนหรือกำจัดขนบนร่างกายของพวกเธอได้ตามใจต้องการ เหมือนที่ผู้ชายสามารถเลือกที่จะโกนหนวดเคราของพวกเขาหรือไม่โกน โดยไม่รู้สึกกดดันอะไร”
‘ขน’ เป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นบนร่างกาย มีหน้าที่ในการช่วยป้องกันการเข้าถึงของสิ่งสกปรกต่างๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดที่ผู้คนจะมีขนในบริเวณต่างๆ กลับกันมันควรเป็นเรื่องที่ถูกยอมรับและมองให้ปกติได้ไม่ต่างจากความแตกต่างของเชื้อชาติ สีผิว หรือรูปร่างที่เกิดขึ้นในสังคม หวังว่าวันหนึ่งผู้คนจะกล้าเปิดเผยขนบนร่างกายได้อย่างมั่นใจ เพราะความสวยไม่จำเป็นต้องไร้ขน
แม้จะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบจำนวนมาก แต่จอร์จินา กูลีย์ (Georgina Gooley) เจ้าของแบรนด์มีดโกนบิลลีก็ยังคงเชื่อว่าควรมีพื้นที่ให้ผู้คนเหล่านี้เช่นเดียวกัน โดยเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอคาดหวังเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะต้องมีคนจำนวนหนึ่งที่ดูโฆษณานี้แล้วรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่สบายใจ หรือแม้กระทั่งขยะแขยงที่ได้เห็นเส้นขนเหล่านี้บนร่างกายของนางแบบ แต่นั่นคือสิ่งที่แบรนด์ต้องการ เพราะในทุกการขับเคลื่อนเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ การถูกคนบางกลุ่มไม่พอใจไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกใหม่อะไรเลย
“หากผู้คนได้เห็นภาพนี้บ่อยขึ้นและเข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมจึงไม่ควรคาดหวังให้ผู้หญิงทุกคนต้องกำจัดขนกาย ฉันหวังว่าเราจะได้เห็นภาพขนบนร่างกายรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้หญิงจะสามารถเลือกที่จะไว้ขนหรือกำจัดขนบนร่างกายของพวกเธอได้ตามใจต้องการ เหมือนที่ผู้ชายสามารถเลือกที่จะโกนหนวดเคราของพวกเขาหรือไม่โกน โดยไม่รู้สึกกดดันอะไร”
‘ขน’ เป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นบนร่างกาย มีหน้าที่ในการช่วยป้องกันการเข้าถึงของสิ่งสกปรกต่างๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดที่ผู้คนจะมีขนในบริเวณต่างๆ กลับกันมันควรเป็นเรื่องที่ถูกยอมรับและมองให้ปกติได้ไม่ต่างจากความแตกต่างของเชื้อชาติ สีผิว หรือรูปร่างที่เกิดขึ้นในสังคม หวังว่าวันหนึ่งผู้คนจะกล้าเปิดเผยขนบนร่างกายได้อย่างมั่นใจ เพราะความสวยไม่จำเป็นต้องไร้ขน