ฮาวทูกู้โลกรวน ฉบับพูดง่าย ทำยาก
วิธีที่ 24 : ธรรมด่วน! (แต่กรรมด่วนกว่า)
รักและโลภนำทางให้คน “ทำ” จนลืม “ธรรม” กรรมจึงก่อวิบัติโลกร้อน รวน เดือด
แนะนำ : ธรรมดี ลดทำชั่ว ตัวและใจต้องบริสุทธิ์ บทสรุปจาก “โอวาทปาติโมกข์” ช่วยโลกให้เย็นลงได้นะ

WHAT (เกิดอะไรขึ้นอ่ะ?)
วันมาฆบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์ “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์”
...“ธรรมะ คือ ธรรมชาติ จงเป็นอยู่อย่างใกล้ชิดธรรมชาติ ก็จะง่ายในการรู้ธรรมะไปตั้งแต่ต้น” ..พระพุทธทาสภิกขุ
...“ธรรมะ คือ ธรรมชาติ ทุกสิ่งเป็นธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็เป็นธรรมชาติ ธรรมชาติของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลที่สามารถปฏิบัติได้จริง ต้องใช้ความเพียร และความอุตสาหะ ความอดทน ในการปฏิบัติ แล้วชีวิตจะได้ดีตลอดไป” ...พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม)

คำสอนของพระพุทธศาสนา ย้ำให้เราเห็นความสำคัญของธรรมชาติ ว่ายากจะแยกออกจากความเป็นมนุษย์
ธรรมชาติ คือหนึ่งในสารบบของธรรม ที่มีกรรม (การกระทำ) และผลแห่งกรรม
มนุษย์เราให้ความสำคัญกับธรรมชาติมาก พร้อมยกคำว่า “แม่” ผู้ให้ชีวิต ขึ้นนำสิ่งที่หล่อเลี้ยงโลกและทุกสรรพชีวิต ธรรมดาที่สุดคือ “แม่น้ำ” ลำรางคูคลองหนองบึงที่ไหลมารวมกัน หล่อเลี้ยงพืชพรรณ สัตว์ และคน โดย “แม่คงคา”
“แม่ธรณี” ผืนแผ่นดืนที่เราเหยียบ โอบอุ้มทุกชีวิต เป็นที่อยู่ ที่กิน ที่พักพิง
“แม่โพสพ” ข้าว อาหารที่ประทังชีวิต
ทั้งสายน้ำ ผืนดิน และพืชพรรณธัญญาหาร ล้วนดำเนินไปตามวัฏจักร ผันเปลี่ยนตามฤดูกาลด้วยเวลาของมันตาม “ธรรมชาติ”

วันนี้ฤดูกาลผิดเพี้ยน บางครั้งร้อน-ฝน-หนาวในคราวเดียวกัน นั่นเป็นเพราะมนุษย์อย่างเราๆ นี่แหละที่ “ก่อกรรม” ทำร้ายธรรมชาติก่อน
เราเร่งพืชให้ออกผล (ใช้ปุ๋ยเคมี) เร่งข้าวให้ออกรวง (สูบน้ำเร่งปุ๋ย) เร่งการเดินทาง (ใช้รถ ใช้เครื่องบิน) เราทำลายวัฏจักรที่เนิบช้าตามธรรมชาติ เพราะเราต้องทำ “ธุรกิจ” เราสูบ เราใช้ เราเผาผลาญธรรมชาติ จนไม่ได้คิดเรื่องของกรรม หรือแม้กระทั่งคนรุ่นหลัง
“ทำไมเขาใช้โลกไม่เผื่อเราเลยวะ ใช้เหมือนว่าจะไม่มีคนมาใช้ต่อจากเขา” เสียงสะท้อนจาก “อนาฅต” ซีรีส์ดราม่า Sci-Fi ของไทย มันคือเรื่องจริงที่ยังไม่เกิดขึ้น
“กรรม คือเครื่องชี้เจตนา” เป็นความหมายของการกระทำในสายตาของกฎหมาย แปลว่าการที่เราทำอะไรลงไปมันมาจากเจตนาภายในใจ การที่เราทำร้ายโลก ก็มาจากเจตนาทำการค้า ทำกำไร ซึ่งหากค้นให้ลึกใจใน สิ่งเหล่านี้มากจาก “โลภะ” หรือความโลภ
WHY (ทำไมโลกร้อนล่ะ, เกี่ยวไร?)
รักและโลภนำทางให้คน “ทำ” จนลืม “ธรรม” กรรมจึงก่อวิบัติโลกร้อน รวน เดือด
เมื่อคนรักรักตัวเองมากกว่ารักโลก บวกกับความโลภ หรือทะยานอยากไม่สิ้นสุด ทำให้ดำเนินธุรกิจเพื่อกอบโกยทรัพย์สิน ชื่อเสียง จนหลีกเลี่ยง “ธรรมาภิบาล”
เราเคยได้ยินคำว่า BCG - ESG -SDG แต่ทั้งหมดจะพินาศเมื่อเราไร้ “ธรรม”
นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม หากเราทุกคนสร้างธุรกิจที่มี “ธรรมาภิบาล” ข่าวเหล่านี้คงน้อยลงหรือแทบไม่เกิดขึ้นเลย

มกราคมไม่ปรานี 2025 ธรรมชาติเริ่มรับน้อง Early January ไฟป่าผลาญสหรัฐฯ พายุหิมะปกคลุมยุโรป แผ่นดินไหวเขย่าทิเบต-ญี่ปุ่น ฝุ่น PM2.5 กลืนกินเอเชีย โรคระบาดในหลายประเทศ เหล่านี้คือ “ผลแห่งกรรม”
แต่ดูแล้วทุกอย่างยิ่งร้ายแรงขึ้น...หรือว่า ความจริงแล้วไม่มีทางออกที่ “ยั่งยืน”
HOW (ทำอย่างไรล่ะทีนี้)
ทางออกที่โลกทำตอนนี้คือ การเก็บ ภาษีคาร์บอน หรือสร้างกลไก คาร์บอนเครดิต เพื่อเก็บกวาดผลกรรมที่ธุรกิจทำไว้ให้โลก ทว่า คนโลภต่างก็หาทางหนีทีไล่และเลี่ยงการจ่ายจนไปเข้าข่าย การฟอกเขียว (Greenwashing) และทั้งหมดก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะก็เกิดการปล่อยคาร์บอนอยู่ดี

สุดท้ายเราอาจต้องให้ศาสนาช่วยเยียวยาโลก ซึ่งเรื่องนี้พูดง่าย แต่ทำยาก เพราะกิเลสหนาๆ จากความโลภต้องใช้ธรรมะขัดเกลาอย่างแรง
ดังนั้น “จงทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์”
ทางออกของเรื่องนี้คือ การทำธุรกิจดีและยั่งยืน ด้วยหลักการ ESG ประกอบด้วย
- E- Environment ทำธุรกิจที่ไม่สร้างผลกระทบและรักษาสิ่งแวดล้อม
- S- Social ทำธุรกิจที่สร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับชุมชนและสังคม บริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม รวมถึงดูแลความปลอดภัย และอาชีวอนามัย ตั้งแต่พนักงานของบริษัทไปจนถึงลูกค้า ชุมชน และผู้ที่ทำงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
- G- Governance ทำธุรกิจที่มีการบริหารงาน กำกับดูแลอย่างซื่อสัตย์โปร่งใส รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ต่อต้านการทุจริต รวมถึงมีวิธี การดำเนินงานที่มีวิธีจัดการความเสี่ยงในด้านต่างๆ ตลอดจนดูแลผลประโยชน์ผู้มีส่วนได้เสีย
ละเว้นการทำความชั่ว ด้วยการทำธุรกิจแบบยั่งยืนด้วยหลักการ BCG ประกอบด้วย
- B-Bio economy นำทรัพยากรชีวภาพมาผลิตให้คุ้มค่ามากที่สุด โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
- C-Circular economy ทำธุรกิจด้วยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน คือการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด มีการใช้ซ้ำหรือนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อให้เกิดของเสียน้อยที่สุด
- G-Green economy ทำธุรกิจด้วยระบบเศรษฐกิจสีเขียว หรือใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี จัดการระบบเศรษฐกิจที่มีผลต่อสภาพแวดล้อมน้อยที่สุด

ไม่เพียงแค่ทำแต่ตัวเอง แต่เพื่อทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เราต้องให้ความสำคัญกับหลัก SDG : Sustainable Development Goals ทั้ง 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสหประชาชาติ (UN) วางกรอบเป็นแนวทางให้ทุกประเทศดำเนินการร่วมกัน ทั้ง 5 มิติ คือ
- People : การให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนและความเป็นอยู่
- Prosperity : เศรษฐกิจและความมั่งคั่ง ที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีและสอดคล้องกับธรรมชาติ
- Planet : การให้ความสำคัญกับการปกป้อง รักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพภูมิอากาศ เพื่อพลเมืองโลกรุ่นต่อไป
- Peace : การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
- Partnership : หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา
หากใครดำเนินธุรกิจตามหลัก BCG - ESG -SDG ได้ การซื้อขายคาร์บอนเครดิต ก็ไม่จำเป็น แบบนี้แหละที่เรียกว่า ใช้ธรรมดี ลดทำความชั่ว ตัวและใจต้องบริสุทธิ์ บทสรุปจาก “โอวาทปาติโมกข์” ที่จะช่วยให้โลกของเราเย็นลง
เพราะถ้าเราไม่ธรรมด่วน! กรรมมันจะด่วนกว่า!! แล้วจะหาว่าเราไม่เตือน