เรารู้ว่าเทรนด์รักษ์โลกมาแรง...แต่ลองนึกภาพคนคนหนึ่งใส่เสื้อผ้าที่รังสรรค์มาจากถุงขนม แก้วกาแฟ ขวดน้ำ ช้อนพลาสติก ซองซอส โดยทุกชิ้นคือขยะที่เขา “ผลิตขึ้นเอง” ในแต่ละวันตลอดทั้งเดือน แล้วใส่มันเดินทั่วเมืองเหมือนเป็นคอลเลคชั่นใหม่จาก Paris Fashion Week
แม้จะฟังดูแปลกนิดๆ (และมีกลิ่นหน่อยๆ) แต่เชื่อไหมว่ามีคนทำจริง เขาคือ Robin Greenfield ชายหนุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและนักผจญภัยชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงจากการใช้วิธีการที่ไม่ธรรมดาในการกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงผลกระทบของการบริโภคที่มากเกินไปและการสร้างขยะที่ไม่จำเป็น ซึ่งหนึ่งในโครงการที่โดดเด่นของเขาคือ “30 Days of Wearing My Trash” ที่เขาใช้เวลา 30 วันในการสวมใส่ชุดที่บรรจุขยะทั้งหมดที่เขาผลิตขึ้นในแต่ละวัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงปริมาณขยะที่เราสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว และทำให้คนทั้งลอสแอนเจลิสได้รู้ซึ้งถึง “น้ำหนักที่แท้จริงของการบริโภค” เพราะแฟชั่นของเขาไม่ได้มาเพื่อสวย แต่มาเพื่อสะเทือนใจ

โครงการนี้เริ่มต้นในเมืองนิวยอร์กและได้รับความสนใจอย่างมาก มีการเผยแพร่ไปทั่วโลก เมื่อปี 2016 โดยมีการรับชมนับครั้งไม่ถ้วน และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาขยะและการบริโภคที่มากเกินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อขยะไม่ได้จบที่ถัง แต่มาจบที่ตัวเขา
โปรเจกต์ Trash Me เริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ ว่า ถ้าทุกคนต้องแบกขยะของตัวเองทุกวันจะยังใช้ชีวิตแบบเดิมอยู่หรือเปล่า?
คำตอบของ Robin คือ “งั้นฉันขอลองเองเลยแล้วกัน”

เขาใช้ชีวิตแบบคนอเมริกันทั่วไป กินข้าวกล่อง ดื่มน้ำขวด ซื้อของหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตตามปกติ โดยไม่หลีกเลี่ยงการสร้างขยะแม้แต่น้อย ทว่า ความต่างเพียงอย่างเดียวคือ เขาเก็บทุกชิ้นไว้ และแพ็กใส่ถุงพลาสติกใส เพื่อแปลงร่างเป็นชุดแฟชั่นแนบเนื้อแบบ full look ที่จัดเต็มทั่วร่าง ตั้งแต่เสื้อ กางเกง เหมือนลุคแฟชั่นที่ผ่านการคิดมาแล้วทั้งภาพรวม
ครบ 30 วัน เขาแบกขยะรวมกว่า 40.8 กิโลกรัม (เขาสร้างขยะเฉลี่ยประมาณ 3 ปอนด์ หรือประมาณ 1.36 กิโลกรัม) ใส่เดินตามท้องถนนในลอสแอนเจลิส ไม่ใช่แค่สะดุดตา แต่มันแรงกระเพื่อมทางความคิด

ทุนนิยมแบบนี้ มันหนักไปหน่อยนะ
Robin ไม่ได้มาแบบเบาๆ เขาชี้ตรงๆ ว่าระบบทุนนิยมและบริษัทยักษ์ใหญ่ คือตัวการของปัญหาขยะล้นโลก
“พวกเขาโฆษณาว่าตัวเองเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งที่จริงแล้วคือผู้ผลิตขยะตัวพ่อ”
“เราชินกับการทิ้งแล้วลืม ขยะเข้าถังเมื่อไหร่ เราก็เลิกสนใจมันทันที” Robin ว่าไว้แบบนั้น
...นั่นแหละคือปัญหา
แค่เปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ ก็เปลี่ยนโลกได้
Robin ไม่ได้บอกให้เราย้ายเข้าป่า (แม้ว่าเขาเคยทำมาแล้ว) แต่เขาแค่เสนอว่าถ้าอยากเปลี่ยนโลก อาจเริ่มจาก ซื้อของมือสอง ปลูกผักเอง กินอาหารที่ไม่ต้องแกะจากพลาสติกหลายชั้น ใช้ซ้ำแทนใช้ทิ้ง และสำคัญสุด เลิกรักสิ่งของมากกว่ารักตัวเอง
นอกจาก Trash Me เขายังได้ดำเนินโครงการอื่นๆ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เช่น การเดินทางข้ามประเทศด้วยจักรยานไม้ไผ่เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้ชีวิตโดยไม่ซื้ออาหารเป็นเวลา 1 ปี โดยการปลูกและเก็บเกี่ยวอาหารเอง และการสร้างบ้านขนาดเล็กจากวัสดุรีไซเคิล

Robin Greenfield ยังเป็นนักเขียนและนักพูดที่มุ่งมั่นในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม โดยการนำเสนอแนวคิดและวิธีปฏิบัติที่เป็นมิตรกับโลกและชุมชน
สำหรับโปรเจกต์ Trash Me ถูกทำเป็นหนังสั้น โดยทีมสารคดี Living on One ร่วมกับนักเคลื่อนไหวอีกหลายคน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเปลี่ยนโลกที่มองเห็นได้ด้วยตา (และที่สำคัญมีกลิ่นด้วยถ้าคุณอยู่ใกล้)

Robin Greenfield ชายคนนี้เขาทำแล้ว เราล่ะเริ่มกี่โมง?
Photo : Facebook Robin Greenfield