Work-ไร้-Balance ชีวิตที่ไม่มี Work From Home กระทบทั้งคน-สิ่งแวดล้อมมากแค่ไหน?

11 ก.พ. 2568 - 00:05

  • ผลพลอยได้จากการ Work From Home คืออากาศที่สะอาดขึ้น เมื่อคนไม่เดินทาง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็น้อยลง

  • “ทรัมป์” No.1 ผู้นำ No สน No แคร์ ประกาศยกเลิก Work From Home กระทบ Work-Life Balance ข้าราชการอเมริกัน 1.1 ล้านคน

ecoeyes-work-without-balance-no-work-from-home-is-bad-for-people-and-the-environment-SPACEBAR-Hero.jpg

หลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตคนทำงาน ตั้งแต่การเกิดขึ้นของโรคระบาดอย่างโควิด-19 หลายองค์กรหันมาใช้แนวทางการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home เพื่อ “จำกัดการเดินทาง และเว้นระยะห่าง ลดความแออัด (Social Distancing) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส”

ผลพลอยได้จากการ Work From Home คือ “อากาศที่สะอาดขึ้น” เพราะเมื่อคนไม่ได้เดินทางออกนอกบ้าน การใช้รถก็ลดลง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นผลกระทบในแง่ลบต่อสิ่งแวดล้อมก็ลดน้อยลงไปด้วย

ecoeyes-work-without-balance-no-work-from-home-is-bad-for-people-and-the-environment-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: Work From Home ทำให้คนเรามี Work-Life Balance ที่ดีขึ้น

อีกสิ่งหนึ่งที่ได้กลับคืนมาคือ เวลา ที่เราถูกขโมยไปจากการเดินทาง ซึ่งนั่นสามารถทำให้คนทำงานสร้างผลงานได้มากขึ้น พร้อมได้อยู่กับครอบครัว สัตว์เลี้ยง ลดความเครียดจากการการเดินทางและการจราจรที่ติดขัด โดยต้องยอมรับว่า Work From Home ทำให้คนเรามี “Work-Life Balance ที่ดีขึ้น” มากกว่าชีวิตที่มีแค่ทำงาน! เดินทาง! ทำงาน! (และเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น)

แต่เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย หลายองค์กรเริ่มกลับไปใช้นโยบายการทำงานในสำนักงานเหมือนเดิม ทว่า การยกเลิก Work From Home ส่งผลกระทบไม่เพียงแต่ชีวิตการทำงานของพนักงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงด้วย

ecoeyes-work-without-balance-no-work-from-home-is-bad-for-people-and-the-environment-SPACEBAR-Photo02.jpg
Photo: ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ Photo by Jim WATSON / AFP

“ทรัมป์” No.1 ผู้นำ No สน  No แคร์

ล่าสุด ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับข้าราชการอเมริกันกว่า 1.1 ล้านคน ที่เคยทำงานจากที่บ้าน ด้วยการยกเลิก Work From Home ซึ่งคำสั่งนี้กำหนดให้พนักงานรัฐต้องกลับเข้าทำงานในออฟฟิศเต็มรูปแบบภายใน 30 วันหลังจากประกาศ

แน่นอนว่าเกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนัก ว่าทรัมป์ No สน No แคร์ คือไม่สนใจวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน และไม่แคร์ว่าโลกจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น (ซึ่งทั้งหมดคือเรื่องจริง!)

ecoeyes-work-without-balance-no-work-from-home-is-bad-for-people-and-the-environment-SPACEBAR-Photo03.jpg
Photo: การยกเลิก Work From Home นั่นหมายถึงการเพิ่มรถยนต์อีกมากมายบนท้องถนน

“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของพนักงานรัฐและครอบครัว” ดร.จูเลีย ริชาร์ดสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์จากมหาวิทยาลัยเคอร์ติน กล่าวพร้อมอธิบายว่า “หลายคนวางแผนชีวิตโดยยึดตามความยืดหยุ่นของการทำงานจากที่บ้าน เช่น การเลือกที่อยู่อาศัย โรงเรียนของลูก หรือแม้แต่การทำงานของคู่สมรส การที่ต้องกลับไปทำงานในออฟฟิศทุกวัน จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก”

นอกจากนี้สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กัน คือ “ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” เพราะการให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศ นั่นหมายถึงการเพิ่มรถยนต์อีกนับแสนคันบนท้องถนน

ทั้งนี้ เป็นเพราะฝ่ายบริหารของทรัมป์ไม่ได้มองเรื่องสิ่งแวดล้อมยืนหนึ่ง แต่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบของข้าราชการมากกว่า โดยให้เหตุผลว่า “ชาวอเมริกันสมควรได้รับการบริการที่ดีที่สุดจากข้าราชการที่รักประเทศ”

ทำงานจากที่บ้าน VS ทำงานที่ออฟฟิศ แบบไหนงานมีประสิทธิภาพมากกว่า

การทำงานจากที่บ้านหรือที่ออฟฟิศ มีผลต่อประสิทธิภาพงานที่แตกต่างกันไป ซึ่งจากการศึกษาสามารถจัดแบ่งออกเป็น 2 มุมมอง คือ

  • สนับสนุนการทำงานจากบ้าน

งานวิจัยจากสแตนฟอร์ด ได้ศึกษาคนทำงานกว่า 16,000 คน พบว่าประสิทธิภาพของคนเพิ่มขึ้น 13% เมื่อได้ทำงานจากที่บ้าน เพราะเงียบสงบกว่า ทำงานได้นานกว่า พักเบรกน้อยกว่า และลาป่วยน้อยกว่า โดยคนทำงานมากถึง 77% สร้างผลลัพธ์งานได้มากขึ้น  โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานที่มีรายได้สูง ซึ่งนิยมทำงานจากบ้านมากกว่า เพราะมีความพร้อม มีอิสระในการทำงาน ลดเวลาการเดินทาง เริ่มงานได้เร็วขึ้น และเมื่องานเสร็จไวก็มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น มี Work-Life Balance ที่ดีขึ้น

  • มุมมองของบริษัท

ขณะเดียวกัน หลายบริษัทมองว่า ประสิทธิผลของงานอาจลดลงในระยะยาว เนื่องจากพนักงานบางคนอาจเหี่ยวเฉาจากการขาดปฏิสัมพันธ์กับสังคม และบางงานวิจัยก็ออกมายืนยันว่า ประสิทธิภาพของพนักงานลดลง 18% เมื่อทำงานที่บ้าน ทำให้หลายบริษัทเริ่มมองการทำงานแบบ Hybrid Working หรือทำทั้งที่บ้าน + เข้าออฟฟิศ ผสมกันไป เว้นแต่ในอุตสาหกรรมบริการ เช่น ธนาคาร โรงแรม ศูนย์ราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานระดับสูง ที่ผู้บริหารมองว่ายังคงต้องทำจากที่ออฟฟิศเท่านั้น

ecoeyes-work-without-balance-no-work-from-home-is-bad-for-people-and-the-environment-SPACEBAR-Photo04.jpg
Photo: ประสิทธิภาพของคนทำงานเพิ่มขึ้น 13% เมื่อได้ทำงานจากที่บ้าน เพราะเงียบสงบกว่า ทำงานได้นานกว่า พักเบรกน้อยกว่า และลาป่วยน้อยกว่า

แล้วเรื่องสิ่งแวดล้อมล่ะ?

งานวิจัยเผย Work From Home ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ถึง 54%

เฟิงฉี โหย่ว ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมระบบพลังงานจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ กล่าวว่า งานวิจัยของเราพบว่า การทำงานจากที่บ้านสามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ถึง 54% ส่วนการทำงานแบบ Hybrid Working หรือเข้าออฟฟิศบางวัน ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ 11-29%

นโนบายใหม่ของทรัมป์ที่ยกเลิกวิถีปฏิบัติซึ่ง โจ ไบเดน รัฐบาลก่อนหน้านี้วางไว้เพื่อกำหนดเป้าหมายให้รัฐบาลปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ภายในปี 2045 และลดลง 50% ภายในปี 2025 จึงเป็นการบังคับให้พนักงานรัฐกลับเข้าออฟฟิศเต็มรูปแบบ และจะทำให้การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เคยเกิดขึ้นถูกลบล้างไปอย่างสิ้นเชิง

350 กรัมต่อ 1 ไมล์ คือตัวเลขการปล่อยคาร์บอนของคนอเมริกัน

สาเหตุหลักที่ทำให้การทำงานในออฟฟิศปล่อยคาร์บอนสูงขึ้นก็คือ “การเดินทาง” คนอเมริกันทั่วไปปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 350 กรัม ต่อ 1 ไมล์ที่ขับรถ ถ้าเป็นช่วงจราจรติดขัด การปล่อยมลพิษอาจเพิ่มขึ้นถึง 1.3 เท่า การบังคับให้พนักงานเดินทางไปออฟฟิศทุกวัน จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงและเพิ่มมลพิษโดยไม่จำเป็น

ecoeyes-work-without-balance-no-work-from-home-is-bad-for-people-and-the-environment-SPACEBAR-Photo05.jpg
Photo: ข้อมูลจาก greener.bangkok ระบุมีหน่วยงานลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 50,000 คน (คิดจำนวนพนักงาน) คาดจะช่วยลดการปล่อยมลพิษได้ประมาณ 10% (มากขึ้นจากเดิมที่ 8%)

การลดการเดินทางช่วยลดมลพิษได้แค่ไหน?

มีหลายงานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า การลดการเดินทางด้วยยานพาหนะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น งานวิจัยของ International Energy Agency (IEA) พบว่า ในปี 2020 การลดการเดินทางในช่วงการล็อกดาวน์ โควิด-19 ช่วยลดการปล่อย CO2 จากการขนส่งได้ถึง 10% ของการปล่อย CO2 ทั่วโลกในปีนั้น

ขณะที่ การศึกษาโดย NASA ในปี 2020 พบว่า ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ โควิด-19 ฝุ่น PM 2.5 ในบางเมืองลดลงประมาณ 20-30% เนื่องจากการลดการเดินทางและกิจกรรมทางอุตสาหกรรม

Work From Home ของไทย

ผลสำรวจของนิด้าโพลเผย คนกรุง 33.82% อยาก Work from Home ช่วยลด PM2.5 พร้อมระบุว่าการปิดเรียน การ Work from Home (ช่วงที่ฝุ่นวิกฤต) ช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้ โดยร้อยละ 33.82 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้พอสมควร ร้อยละ 33.21 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้น้อยมาก ร้อยละ 24.50 ระบุว่า ไม่ช่วยแก้ไขปัญหาเลย ในขณะที่ร้อยละ 8.47 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้มาก

อ่านมาถึงตรงนี้คงรู้แล้วว่า Work From Home ไม่ได้สร้างผลดีกับคนทำงานแค่เรื่อง Work-Life Balanceเท่านั้น แต่ยังช่วยโลกของเราลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนั้น โชคดีแค่ไหนที่เรายังมีงานทำ ไม่พอแล้ว ต้องบอกว่า...เราโชคดีแค่ไหนที่มี Work-Life Balance มีงานที่ดีและมีองค์กรที่ดี

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์