ชวนลอง 5 วิธีฮีลหัวใจให้ยังอยู่ไหวในวันที่โลกไม่น่ารักกับเรา

24 ส.ค. 2566 - 05:10

  • บทความนี้คือ บทความที่จะรวบรวม 5 วิธีดูแลหัวใจในวันที่โลกใบนี้ไม่น่ารักกับเรา

how_to_heal_mental_illness_SPACEBAR_Thumbnail_7af7bef5ce.jpeg
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?” 

เชื่อว่านอกจาก “สบายดี” กับรอยยิ้มแล้ว ยังมีอีกหลายคำตอบที่มาพร้อมความอัดอั้น ตึงเครียด หรือเศร้าโศก อาจด้วยบ้านเมือง การงาน ความสัมพันธ์ หรือปัจจัยอื่นๆ ที่กำลังเป็นปัญหาสำหรับเรา 

หากต้องใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี หรือเจอเรื่องราวรุนแรงมา เราอาจฉุดตัวเองขึ้นมาได้ยาก นำไปสู่อาการวิตกกังวล หวาดกลัว อารมณ์แปรปรวน หมดหวัง กระทั่งชินชาจนไม่รู้สึกอะไรเลย หรือบางคนอาจรู้สึกไม่ดีจนโทษตัวเอง ซึ่งหากปล่อยไว้นานๆ จะยิ่งแก้ยากเข้าไปใหญ่ 

วันนี้เราอยากมาแนะนำวิธีดูแลหัวใจที่หลายคนอาจรู้อยู่แล้ว แต่เวลาเจอเรื่องหนักๆ ดันนึกไม่ถึง หวังว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยให้สุขภาพใจของทุกคนแข็งแรง และแบ่งเบาความหนักหนาในใจออกไปได้บ้าง 
how_to_heal_mental_illness_SPACEBAR_Photo01_730fc74212.jpeg

ฝึกสติดีจริง ไม่ต้องอิงศาสนาก็ได้ 

เวลาเจอความเครียดหรือเรื่องหนักหนาสาหัส คำแนะนำสุดคลาสสิกหนีไม่พ้นพึ่งศาสนา-ทำบุญ-ทำสมาธิ ซึ่งหลายครั้งคำแนะนำเหล่านี้ก็ถูกแนะนำให้ผิดที่ ผิดทาง ผิดเวลา ทำให้คนต่อต้านการทำสมาธิหรือการฝึกสติไปโดยปริยาย 

ความจริงการฝึกสติไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับศาสนาด้วยซ้ำ ซึ่งทำได้โดยฝึกอยู่กับปัจจุบัน ดึงสติมาไว้กับลมหายใจเข้า-ออก หรืออาจลองวิธีอื่นอย่างการเปิดดนตรีช่วยเพิ่มสมาธิ ทั้งนี้ หัวใจหลักคือเมื่อเราอยู่กับปัจจุบัน เมื่อนั้นความทุกข์ในอดีตและอนาคตก็ทำอะไรเราไม่ได้ 
how_to_heal_mental_illness_SPACEBAR_Photo02_8625b1c28a.jpeg

หัวใจจะดีได้ ร่างกายต้องดีด้วย 

ในช่วงที่เรารู้สึกห่อเหี่ยว การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ อาจลองออกกำลังกาย ยืดเหยียดในห้อง หรือเดินเล่นข้างนอกให้ธรรมชาติแวดล้อม เพื่อกระตุ้นสารเคมีแห่งความสุข หรือ ‘เอ็นโดรฟิน’ (Endorphin) และกระตุ้นระบบต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ 

นอกจากนี้อย่าลืมรับประทานอาหารให้ครบถ้วน ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และระวังการใช้สารเสพติดเพื่อเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ แอลกอฮอล์ ฯลฯ เพราะแม้ว่าสารเหล่านี้อาจช่วยให้เราหยุดคิดเรื่องหนักใจได้ แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เราจัดการอารมณ์หรือปัญหาที่เกิดขึ้นยากเข้าไปอีก 
how_to_heal_mental_illness_SPACEBAR_Photo03_560526bc08.jpeg
เทคแคร์-ดูแลตัวเอง
การดูแลและปรนเปรอตัวเองก็ทำให้วันแย่ๆ กลายเป็นวันดีๆ ได้เหมือนกัน บางครั้งเราก็ต้องการสิ่งชุบชูใจเล็กๆ น้อยๆ อาจเป็นการได้กินของชอบ เข้าร้านนวด-สปาให้ร่างกายได้พัก หรือซื้อของขวัญให้ตัวเอง เพราะนอกจากคนอื่นแล้ว อย่าลืมว่าเราก็ควรมีความรักและการเอาใจใส่จากตัวเองด้วยเช่นกัน 
how_to_heal_mental_illness_SPACEBAR_Photo04_78091e04b5.jpeg

ใจดีกับตัวเอง 

บางครั้งที่เราทำอะไรผิดพลาดไป การเมตตาต่อตัวเอง (self-compassion) เป็นสิ่งสำคัญมาก ความจริงที่เราต้องทำความเข้าใจคือ ‘คนเราผิดพลาดได้เสมอ’ ซึ่งเราควรเรียนรู้ที่จะยอมรับข้อผิดพลาด และให้อภัยตัวเอง แทนที่จะโทษตัวเองและจมอยู่กับความรู้สึกผิด 

ลองสังเกตความรู้สึกภายในตัว โดยอาจจดบันทึกเพื่อดูว่าเรากำลังคิดอะไร รู้สึกอย่างไร และควรจัดการอย่างไร หรืออาจสังเกตพฤติกรรมอื่นๆ ที่กระตุ้นให้เรารู้สึกแย่แล้วระวังตัวให้มากขึ้น เช่น หากอยู่ในโลกโซเชียลฯ แล้วชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นจนทุกข์ ก็ลองห่างออกมาเพื่อตระหนักว่าตัวเราเองก็มีคุณค่าไม่แพ้ใคร 
how_to_heal_mental_illness_SPACEBAR_Photo05_174b217430.jpeg

อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ 

การเก็บปัญหาไว้กับตัวแล้วหาวิธีแก้เองไม่ใช่ทางออกเสมอไป บางครั้งเราก็ต้องไปเจอผู้คนให้ได้เห็นชีวิตมุมอื่นๆ บ้าง หรือหากมีคนที่พร้อมเปิดใจรับฟัง การเล่าระบาย ถามความคิดเห็นจากพวกเขาก็อาจช่วยได้เช่นกัน 

แต่หากเรื่องที่เราเจอหนักหนามากก็อาจต้องปรึกษาจิตแพทย์ หากใครไม่สะดวกนัดจิตแพทย์ที่โรงพยาบาล ปัจจุบันมีบริการคุยกับจิตแพทย์ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Ooca / Sati / Raksa ซึ่งเป็นบริการที่เข้าถึงง่ายและรวดเร็วกว่า

สุดท้ายนี้อย่าลืมว่าทุกปัญหาต้องใช้เวลาในการหาทางออก หรือแม้จะแก้ไขได้แล้วก็อาจเหลือความรู้สึกไม่ดีที่ต้องใช้เวลาเยียวยา ฉะนั้นระวังอย่ากดดันตัวเองมากเกินไป และอย่าลืมให้เวลาตัวเองค่อยๆ คิด ค่อยๆ เยียวยา 

ไม่ว่าสาเหตุของความโศกเศร้า-หดหู่ของคุณคืออะไร ขอให้ทุกอย่างคลี่คลาย และขอให้หัวใจทุกดวงกลับมาแข็งแรงในเร็ววัน  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์