









8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นัดประชุมหารือแนวทางก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 13 กรกฎาคม โดยมีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รวมถึงแกนนำจาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงที่อาคารรัฐสภา โดยหลายคนปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ขอให้รอความชัดเจนหลังการประชุม
แต่ภูมิธรรม ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า เป็นการประชุมแกนนำ 8 พรรคเพื่อวางแนวทางในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า จะทำอะไรได้บ้าง ในฐานะพรรคร่วมจะช่วยทำอะไรได้บ้าง ซึ่งพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลได้ให้ความมั่นใจมาโดยตลอด ซึ่งทุกพรรคร่วมก็พยายามจะช่วยสนับสนุน ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยสามารถขอเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ได้ถึง 40 เสียงและก้าวไกลมีอีก 20 เสียงนั้น ก็จะต้องมาหารือกัน ส่วนแผนสำรองสำหรับความไม่แน่นอน ภูมิธรรม ย้ำว่า มีแผนเดียวคือให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้พูดคุยกันแล้วว่าจะทำจนสุดความสามารถ ตามที่เคยประกาศเจตนารมณ์ไว้ ส่วนจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกี่ครั้งนั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณา
ส่วนกรณีที่ ส.ว.มองว่า ถ้าเป็นเพื่อไทย จะโหวตให้ แต่ถ้าก้าวไกล จะไม่โหวตให้นั้น ภูมิธรรม ระบุว่า วันนี้ไม่ควรคิดอะไรที่เกินเลย ขอให้อยู่กับความเป็นจริงที่ต้องมาคุยถึงความมั่นใจว่า จะทำอย่างไรให้ไปสู่เป้าหมาย หากเกิดอะไรขึ้นที่มีความชัดเจน ก็จะต้องมาหารือกันอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.เตือน 7 พรรคร่วม หากเลือกคนที่ขาดคุณสมบัติเป็นนายกฯอาจขัดรัฐธรรมนูญ เสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า ขอไปดูรายละเอียดก่อน มีแต่คำว่า ‘ถ้า’ ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นของแต่ละคนเท่านั้น ก็จะรับฟังทุกเสียงและจะพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด โดยอยู่ที่พรรคแกนนำจะหารือกัน
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ในทางกฎหมายเข้าขายถูกยุบพรรคหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดก่อน
เมื่อถามว่า ทางพรรคร่วมมองว่าหาก กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ควรทำให้เกิดความชัดเจนในส่วนของพรรคร่วมและ ส.ว.เองหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ก้าวล่วง ขอให้เป็นตามกระบวนการทางกฎหมาย ถ้าออกมาเป็นอย่างไร ค่อยพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ ก่อนการประชุมเกิดปัญหาติดขัดเกี่ยวกับห้องที่ใช้ในการประชุม จึงได้เปลี่ยนห้องที่ใช้ในการประชุมถึง 3 ครั้ง
โดยกำหนดการเดิมนัดประชุมที่ห้อง CB403 ก่อนจะย้ายมาห้องวิปรัฐบาลที่บริเวณชั้น 2 ซึ่ง ปรากฏว่า ห้องยังไม่พร้อมเนื่องจากมีการซ่อมแซมอยู่ ทางคณะประชุมจึงได้ย้ายห้องอีกครั้ง โดยย้ายมาประชุมที่ห้องงบประมาณ CB406 ทำให้กำหนดการเริ่มประชุม ที่เดิมเริ่มในเวลา 09.30 น ล่าช้าออกไปจนกระทั่งเวลา 09.50 น. ถึงได้เริ่มการประชุม
แต่ภูมิธรรม ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า เป็นการประชุมแกนนำ 8 พรรคเพื่อวางแนวทางในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า จะทำอะไรได้บ้าง ในฐานะพรรคร่วมจะช่วยทำอะไรได้บ้าง ซึ่งพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลได้ให้ความมั่นใจมาโดยตลอด ซึ่งทุกพรรคร่วมก็พยายามจะช่วยสนับสนุน ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยสามารถขอเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ได้ถึง 40 เสียงและก้าวไกลมีอีก 20 เสียงนั้น ก็จะต้องมาหารือกัน ส่วนแผนสำรองสำหรับความไม่แน่นอน ภูมิธรรม ย้ำว่า มีแผนเดียวคือให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้พูดคุยกันแล้วว่าจะทำจนสุดความสามารถ ตามที่เคยประกาศเจตนารมณ์ไว้ ส่วนจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกี่ครั้งนั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณา
ส่วนกรณีที่ ส.ว.มองว่า ถ้าเป็นเพื่อไทย จะโหวตให้ แต่ถ้าก้าวไกล จะไม่โหวตให้นั้น ภูมิธรรม ระบุว่า วันนี้ไม่ควรคิดอะไรที่เกินเลย ขอให้อยู่กับความเป็นจริงที่ต้องมาคุยถึงความมั่นใจว่า จะทำอย่างไรให้ไปสู่เป้าหมาย หากเกิดอะไรขึ้นที่มีความชัดเจน ก็จะต้องมาหารือกันอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.เตือน 7 พรรคร่วม หากเลือกคนที่ขาดคุณสมบัติเป็นนายกฯอาจขัดรัฐธรรมนูญ เสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า ขอไปดูรายละเอียดก่อน มีแต่คำว่า ‘ถ้า’ ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นของแต่ละคนเท่านั้น ก็จะรับฟังทุกเสียงและจะพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด โดยอยู่ที่พรรคแกนนำจะหารือกัน
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ในทางกฎหมายเข้าขายถูกยุบพรรคหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดก่อน
เมื่อถามว่า ทางพรรคร่วมมองว่าหาก กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ควรทำให้เกิดความชัดเจนในส่วนของพรรคร่วมและ ส.ว.เองหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ก้าวล่วง ขอให้เป็นตามกระบวนการทางกฎหมาย ถ้าออกมาเป็นอย่างไร ค่อยพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ ก่อนการประชุมเกิดปัญหาติดขัดเกี่ยวกับห้องที่ใช้ในการประชุม จึงได้เปลี่ยนห้องที่ใช้ในการประชุมถึง 3 ครั้ง
โดยกำหนดการเดิมนัดประชุมที่ห้อง CB403 ก่อนจะย้ายมาห้องวิปรัฐบาลที่บริเวณชั้น 2 ซึ่ง ปรากฏว่า ห้องยังไม่พร้อมเนื่องจากมีการซ่อมแซมอยู่ ทางคณะประชุมจึงได้ย้ายห้องอีกครั้ง โดยย้ายมาประชุมที่ห้องงบประมาณ CB406 ทำให้กำหนดการเริ่มประชุม ที่เดิมเริ่มในเวลา 09.30 น ล่าช้าออกไปจนกระทั่งเวลา 09.50 น. ถึงได้เริ่มการประชุม