



ปชป. ยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ‘จุรินทร์’ ระบุ รอมติกรรมการบริหารและสส.ของพรรคก่อน ด้าน ‘ชัยชนะ’ ยอมรับ เป็นไปได้ร่วมงาน ‘เพื่อไทย’ โฟกัสหาทางออกประเทศ ขณะที่ ‘เดชอิศม์’ รับไปฮ่องกง แก้บนให้ภรรยาหลังชนะเลือกตั้ง แต่ไม่ขอพูดพบ ‘ทักษิณ’ หรือไม่ พร้อมปล่อยวางความแค้น จับมือ ‘เพื่อไทย’ บอกสถานการณ์เปลี่ยน คนเปลี่ยน เหลือแต่ยี่ห้อพรรค
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ยังไม่ได้มีการพิจารณาเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะต้องผ่านการพิจารณาจากกรรมการบริหารพรรคและสส.พรรคก่อน เพราะต้องเป็นมติของพรรค พร้อมยืนยันพรรคไม่เคยมอบหมายให้บุคคลใดไปเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อนในวันที่ 6 สิงหาคม ทั้งยังเชื่อว่า สส.ก็มีอุดมการณ์ในการทำงาน ที่ต้องรอความเห็นร่วมกันในการดำเนินการใดๆทางการเมือง ไม่ว่าพรรคจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไปร่วมรัฐบาลหรือจะเป็นฝ่ายค้าน ขณะนี้ตนไม่สามารถแสดงความเห็นคนเดียวได้ แต่หัวใจสำคัญคือ การไม่แก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นการเข้าร่วมรัฐบาล ในการประชุมพรรคในวันนี้ คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ส่วนคุณสมบัติของเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไรนั้น ตนมองว่าเป็นนักธุรกิจ ส่วนรายละเอียดอย่างอื่น คงไปตอบแทนไม่ได้ และคงต้องรอฟังการชี้แจง หากมีเสนอชื่อเศรษฐาขึ้นมาให้โหวตนายกมนตรี แต่ยังไม่ทราบว่า จะมีชื่อเสนอชื่อเศรษฐาขึ้นมาหรือไม่
ด้านชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า วันนี้ (3 ส.ค.) พรรคประชาธิปัตย์จะประชุมพรรค โดยมีวาระสำคัญคือ แนวทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) เชื่อว่า ทุกคนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อถามว่า ได้รับการติดต่อร่วมรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย ชัยชนะ กล่าวว่า ขอรอผลประชุมวันนี้ก่อน ส่วนหลักการของพรรคประชาธิปัตย์คือไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 ไม่มีพรรคก้าวไกล ไม่ร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อย อีกทั้งคงต้องคำนึงถึงการหาทางออกประเทศเป็นสำคัญ ส่วนเท่าที่ฟังการแถลงของพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ (2 ส.ค.) เท่าที่ดูก็มีเงื่อนไขที่เจรจากันได้
ส่วนกรณีกระแสข่าว เดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และรักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ บินไปพบ ทักษิณ ชินวัตร เจรจาร่วมรัฐบาลนั้น ชัยชนะ กล่าวว่า ขอให้ไปถามเดชอิศม์เอง แต่เท่าที่ตนทราบ ไม่ได้มีการคุยกับทักษิณ
เดชอิศม์ กล่าวถึงกระแสข่าวเดินทางไปพบ ทักษิณ ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเดินทางไปแก้บนหลายประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย เนื่องจากได้บนไว้ให้ภรรยาชนะการเลือกตั้ง จึงเดินทางไปทั่ว ได้เจอคนมากมาย ส่วนได้ไปพบทักษิณหรือไม่ ตนไม่ขอพูดดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่า ได้ไปเจอทักษิณหรือไม่ เดชอิศม์ กล่าวย้ำว่า ไม่ขอพูดดีกว่าเรื่องนี้ เพราะข่าวออกไปยาวมา
ส่วนการไม่ออกมาชี้แจง ทำให้หลายฝ่ายจินตนาการเรื่องนี้ไปยาวมาก เดชอิศม์ กล่าวว่า จริงๆแล้วตนมีพรรคพวกทุกพรรค เจอคนเยอะมาก ไปหลายประเทศทั้งเวียดนาม และพื้นที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และยอมรับว่า ที่ฮ่องกงก็มีการไปแก้บนด้วย
ส่วนกระแสข่าว สส.ในกลุ่มของเดชอิศม์จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เดชอิศม์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับมติพรรค และการจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ จะเป็นมติของ คณะกรรมการบริหารพรรค ชุดที่มีอยู่ รวมกับ สส.ปัจจุบัน เหมือนปี 2562 ที่มีการเถียงกัน 1 วัน 1 คืน สุดท้ายมีมติ 61 ต่อ 16 ให้ร่วมรัฐบาล ถ้าไปก็ไปทั้งพรรค และยืนยันจะไม่มีใครฉีกมติพรรค และไม่มีงูเห่าจากพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ภายใต้มติของกรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้ได้ฟังการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย รับเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ เดชอิศม์ กล่าวว่า หลักของเรา คือต้องไม่แตะมาตรา 112 เพราะเราหาเสียงบนเวทีมาโดยตลอด เราไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแน่นอน เพราะจะทำให้ประเทศวุ่นวาย การร่วมกับพรรคอื่นที่ไม่แตะมาตรา 112 ขอให้เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคและมติของสส. ที่มีความเห็นร่วมกัน ซึ่งหากถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ก็เป็นไปได้
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์เคยอยู่ต่างขั้วกับพรรคเพื่อไทยมาก่อนจะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ เดชอิศม์ ระบุว่า วันนี้เอาประเทศชาติเป็นหลัก เอาความคิดแค้นส่วนตัว ความชิงชัง สมัยอดีต มาบวกทั้งหมด ตนว่า มันไม่น่าจะเหมาะสม วันนี้เหตุการณ์เปลี่ยน คนก็เปลี่ยนไปหมด เหลือแต่ยี่ห้อของพรรค คนในพรรคเปลี่ยนไปหมดแล้ว ปัญหาของประเทศวันนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ความต้องการของประชาชนก็เปลี่ยนไป วันนี้ประชาชนต้องการแก้ปัญหาปากท้อง ถ้าเราเอาความแค้น ความชิงชังส่วนตัวมาเป็นหลัก ตนคิดว่า ไม่ยุติธรรมกับประชาชน
เมื่อถามว่า ปัจจัยหลักที่จะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลคืออะไร เดชอิศม์ ระบุว่าคือเรื่องแนวนโยบาย และต้องถกเถียงกันในพรรค ต้องให้เกียรติ สส.ใหม่ที่เข้ามา 25 คน สะท้อนปัญหาของประชาชนในพื้นที่ของตนเอง และเอามาสะท้อนเป็นปัญหาของประเทศชาติ ถ้ามีหนทางที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้เราก็ยินดี แต่ถ้าไปแล้วทำให้ประเทศถอยหลังสร้างปัญหา หรือเกิดความแตกแยกมากขึ้น เราคงไม่ร่วมอย่างแน่นอน เป็นฝ่ายค้านก็ได้เรายินดี
เมื่อถามว่า จะมีสส.ประชาธิปัตย์บางกลุ่มที่ไม่สามารถจับมือกับเพื่อไทยได้หรือไม่ เดชอิศม์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ต้องคุยกันว่าจะมีมติอย่างไร ที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาว จึงยังไม่ได้คุยกัน
เมื่อถามถึงอุดมการณ์ของมวลชนที่อาจจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย จะต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาด้วยหรือไม่ เดชอิศม์ ระบุว่า วันนี้ มีทั้งฝ่ายที่เชียร์และไม่เชียร์ จึงต้องนำมาคุยกันในที่ประชุม เพื่อสะท้อนความเห็นจากทุกจังหวัด
เมื่อถามว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมรัฐบาลหรือไม่ เดชอิศม์ ระบุว่า มีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้ การประชุมในวันนี้จะเป็นการพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน ส่วนจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ยังไม่สามารถชี้ขาดได้ ขึ้นอยู่กับการประชุมครั้งหน้าที่จะต้องมีกรรมการบริหารพรรคและสส.ปัจจุบันร่วมหารือกัน
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ยังไม่ได้มีการพิจารณาเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะต้องผ่านการพิจารณาจากกรรมการบริหารพรรคและสส.พรรคก่อน เพราะต้องเป็นมติของพรรค พร้อมยืนยันพรรคไม่เคยมอบหมายให้บุคคลใดไปเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อนในวันที่ 6 สิงหาคม ทั้งยังเชื่อว่า สส.ก็มีอุดมการณ์ในการทำงาน ที่ต้องรอความเห็นร่วมกันในการดำเนินการใดๆทางการเมือง ไม่ว่าพรรคจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไปร่วมรัฐบาลหรือจะเป็นฝ่ายค้าน ขณะนี้ตนไม่สามารถแสดงความเห็นคนเดียวได้ แต่หัวใจสำคัญคือ การไม่แก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นการเข้าร่วมรัฐบาล ในการประชุมพรรคในวันนี้ คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ส่วนคุณสมบัติของเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไรนั้น ตนมองว่าเป็นนักธุรกิจ ส่วนรายละเอียดอย่างอื่น คงไปตอบแทนไม่ได้ และคงต้องรอฟังการชี้แจง หากมีเสนอชื่อเศรษฐาขึ้นมาให้โหวตนายกมนตรี แต่ยังไม่ทราบว่า จะมีชื่อเสนอชื่อเศรษฐาขึ้นมาหรือไม่
ด้านชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า วันนี้ (3 ส.ค.) พรรคประชาธิปัตย์จะประชุมพรรค โดยมีวาระสำคัญคือ แนวทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) เชื่อว่า ทุกคนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อถามว่า ได้รับการติดต่อร่วมรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย ชัยชนะ กล่าวว่า ขอรอผลประชุมวันนี้ก่อน ส่วนหลักการของพรรคประชาธิปัตย์คือไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 ไม่มีพรรคก้าวไกล ไม่ร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อย อีกทั้งคงต้องคำนึงถึงการหาทางออกประเทศเป็นสำคัญ ส่วนเท่าที่ฟังการแถลงของพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ (2 ส.ค.) เท่าที่ดูก็มีเงื่อนไขที่เจรจากันได้
ส่วนกรณีกระแสข่าว เดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และรักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ บินไปพบ ทักษิณ ชินวัตร เจรจาร่วมรัฐบาลนั้น ชัยชนะ กล่าวว่า ขอให้ไปถามเดชอิศม์เอง แต่เท่าที่ตนทราบ ไม่ได้มีการคุยกับทักษิณ
เดชอิศม์ กล่าวถึงกระแสข่าวเดินทางไปพบ ทักษิณ ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเดินทางไปแก้บนหลายประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย เนื่องจากได้บนไว้ให้ภรรยาชนะการเลือกตั้ง จึงเดินทางไปทั่ว ได้เจอคนมากมาย ส่วนได้ไปพบทักษิณหรือไม่ ตนไม่ขอพูดดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่า ได้ไปเจอทักษิณหรือไม่ เดชอิศม์ กล่าวย้ำว่า ไม่ขอพูดดีกว่าเรื่องนี้ เพราะข่าวออกไปยาวมา
ส่วนการไม่ออกมาชี้แจง ทำให้หลายฝ่ายจินตนาการเรื่องนี้ไปยาวมาก เดชอิศม์ กล่าวว่า จริงๆแล้วตนมีพรรคพวกทุกพรรค เจอคนเยอะมาก ไปหลายประเทศทั้งเวียดนาม และพื้นที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และยอมรับว่า ที่ฮ่องกงก็มีการไปแก้บนด้วย
ส่วนกระแสข่าว สส.ในกลุ่มของเดชอิศม์จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เดชอิศม์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับมติพรรค และการจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ จะเป็นมติของ คณะกรรมการบริหารพรรค ชุดที่มีอยู่ รวมกับ สส.ปัจจุบัน เหมือนปี 2562 ที่มีการเถียงกัน 1 วัน 1 คืน สุดท้ายมีมติ 61 ต่อ 16 ให้ร่วมรัฐบาล ถ้าไปก็ไปทั้งพรรค และยืนยันจะไม่มีใครฉีกมติพรรค และไม่มีงูเห่าจากพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ภายใต้มติของกรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้ได้ฟังการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย รับเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ เดชอิศม์ กล่าวว่า หลักของเรา คือต้องไม่แตะมาตรา 112 เพราะเราหาเสียงบนเวทีมาโดยตลอด เราไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแน่นอน เพราะจะทำให้ประเทศวุ่นวาย การร่วมกับพรรคอื่นที่ไม่แตะมาตรา 112 ขอให้เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคและมติของสส. ที่มีความเห็นร่วมกัน ซึ่งหากถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ก็เป็นไปได้
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์เคยอยู่ต่างขั้วกับพรรคเพื่อไทยมาก่อนจะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ เดชอิศม์ ระบุว่า วันนี้เอาประเทศชาติเป็นหลัก เอาความคิดแค้นส่วนตัว ความชิงชัง สมัยอดีต มาบวกทั้งหมด ตนว่า มันไม่น่าจะเหมาะสม วันนี้เหตุการณ์เปลี่ยน คนก็เปลี่ยนไปหมด เหลือแต่ยี่ห้อของพรรค คนในพรรคเปลี่ยนไปหมดแล้ว ปัญหาของประเทศวันนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ความต้องการของประชาชนก็เปลี่ยนไป วันนี้ประชาชนต้องการแก้ปัญหาปากท้อง ถ้าเราเอาความแค้น ความชิงชังส่วนตัวมาเป็นหลัก ตนคิดว่า ไม่ยุติธรรมกับประชาชน
เมื่อถามว่า ปัจจัยหลักที่จะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลคืออะไร เดชอิศม์ ระบุว่าคือเรื่องแนวนโยบาย และต้องถกเถียงกันในพรรค ต้องให้เกียรติ สส.ใหม่ที่เข้ามา 25 คน สะท้อนปัญหาของประชาชนในพื้นที่ของตนเอง และเอามาสะท้อนเป็นปัญหาของประเทศชาติ ถ้ามีหนทางที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้เราก็ยินดี แต่ถ้าไปแล้วทำให้ประเทศถอยหลังสร้างปัญหา หรือเกิดความแตกแยกมากขึ้น เราคงไม่ร่วมอย่างแน่นอน เป็นฝ่ายค้านก็ได้เรายินดี
เมื่อถามว่า จะมีสส.ประชาธิปัตย์บางกลุ่มที่ไม่สามารถจับมือกับเพื่อไทยได้หรือไม่ เดชอิศม์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ต้องคุยกันว่าจะมีมติอย่างไร ที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาว จึงยังไม่ได้คุยกัน
เมื่อถามถึงอุดมการณ์ของมวลชนที่อาจจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย จะต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาด้วยหรือไม่ เดชอิศม์ ระบุว่า วันนี้ มีทั้งฝ่ายที่เชียร์และไม่เชียร์ จึงต้องนำมาคุยกันในที่ประชุม เพื่อสะท้อนความเห็นจากทุกจังหวัด
เมื่อถามว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมรัฐบาลหรือไม่ เดชอิศม์ ระบุว่า มีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้ การประชุมในวันนี้จะเป็นการพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน ส่วนจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ยังไม่สามารถชี้ขาดได้ ขึ้นอยู่กับการประชุมครั้งหน้าที่จะต้องมีกรรมการบริหารพรรคและสส.ปัจจุบันร่วมหารือกัน