



‘เดชอิศม์’ นำ 20 สส. แถลงจุดยืน โหวต ‘เศรษฐา’ เพราะพรรคไม่มีเอกภาพ และไม่มีมติชัดเจน ชี้ 3 เสาหลักยังโหวตคนละทาง ฟังอภิปรายแล้วไม่ติดใจคุณสมบัติ จึงให้ความเห็นชอบเพื่อลดสุญญากาศทางการเมือง พร้อมประกาศเป็นฝ่ายค้านเต็มรูปแบบ ลั่นเป็น สส.ยุคใหม่ ไม่รับมรดกความขัดแย้ง เป็นเพื่อนได้ทุกพรรค หากพบ ‘ทักษิณ’ มีความผิด คงถูกประหารชีวิต ย้อนโทษขับออก ไม่รู้ใครขับใคร เพราะต้องใช้มติ กก.บห. - สส.พรรค
เดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ 16 สส.พรรคประชาธิปัตย์แหกมติพรรค ให้ความเห็นชอบเศรษฐา ทวีสินเป็นนายกรัฐมนตรีว่า พรรคประชาธิปัตย์เริ่มไม่มีเอกภาพ ตั้งแต่การประชุมวิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 2 รอบ ซึ่งมีเจตนาที่จะให้องค์ประชุมร่วมทั้ง 2 ครั้งทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรค พี่น้อง สส.และค่าใช้จ่ายของพรรค
ซึ่งในการประชุมพรรคที่พิจารณาเรื่องการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แบ่งออกเป็น 3 แนวทางคือ ไม่เห็นชอบ งดออกเสียง และเห็นชอบ จึงได้ซักถามถึงสาเหตุ โดยส่วนใหญ่ที่ระบุว่า จะไม่เห็นชอบ ได้อ้างถึงความขัดแย้งในอดีต สส.ใหม่จึงอยากให้แยกหน้าที่สส.ปัจจุบันกับความขัดแย้งในอดีตออกจากกัน มิฉะนั้นก็จะเกิดอคติตลอดไป ทำให้ผู้ใหญ่บางคนเดินออกจากห้องประชุม
ขณะที่บางส่วนที่เสนอให้เห็นชอบ มองว่า ขณะนี้ประเทศอยู่ในทางตัน ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ประเทศจะเกิดสุญญากาศนานไม่ได้ ส่วนบางคนบอกว่าควรงดออกเสียง ให้เหมือนกับกรณี การให้ความเห็นชอบพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ทำให้จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลุกขึ้นพูดว่า อย่าโหวตกันเลย เพราะจริงๆ เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. ทำให้ในการประชุมพรรควันนั้น ไม่มีการโหวตมติพรรค
กระทั่ง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา สส. ของพรรคประมาณ 20 คน ได้ฟังการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งสส.เกือบ 100% สามารถรับได้ เพราะมองว่าปัญหาเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งถึงการลงมติ 3 คนแรกพบว่า จุรินทร์ งดออกเสียง ชวนหลีกภัยและบัญญัติ บรรทัดฐาน ลงมติไม่เห็นชอบ ทำให้ สส.มองว่า พรรคไม่มีมติ เพราะหากมีมติจะไม่สามารถแหกออกได้ สส.จึงยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง และที่ผ่านมา เรามองว่า พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลสมานฉันท์ กปปส. เคยขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนวิน ชิดชอบ และกลุ่มเพื่อนเนวิน ก็เคยเป็นงูเห่า ออกมา สนับสนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี พวกเขายังสมานฉันท์กันได้ เราเป็นประชาธิปัตย์ยุคใหม่ไม่เคยสวมเสื้อเหลืองเสื้อแดง เราไม่ควรรับมรดกความขัดแย้งจากรุ่นเก่า สส.เห็นว่า เราควรสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งรวมเสียงสร้างมากได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้เราจะเป็นฝ่ายค้าน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ สส. 16 คนโหวตให้เศรษฐา
เดชอิศม์ ยังยืนยันว่า ตอนนี้เราเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ในฐานะ สส.ประชาธิปัตย์และพรรคฝ่ายค้าน เราไม่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะไปเป็นรัฐบาล และเราก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจเองได้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติของพรรค แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีหนังสือเทียบเชิญร่วมรัฐบาลจากพรรคการนำมาก่อน
ส่วนกรณีที่บินไปพบทักษิณ ชินวัตรที่ฮ่องกง เดชอิศม์ กล่าวว่า ตนเป็น สส.รุ่นใหม่ พบพูดคุยได้ทุกพรรค เราแยกหน้าที่ออกจากความผูกพัน หน้าที่กับความแค้นความอคติในอดีต และส่วนตัวเองก็สนิทกับหัวหน้าพรรคเกือบทุกพรรค ถ้าการบินไปพบทักษิณเป็นความผิด คงต้องถูกประหารชีวิตเพราะสนิทกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค
ส่วนที่หลายคนมองว่า สส.ทั้ง 16 คนต้องการให้พรรคมีมติขับออกจากพรรคเพื่อไปหาพรรคใหม่นั้น เดชอิศม์ ระบุว่า ปกติการจะมีมติขับออกต้องเป็นการหารือร่วมกันระหว่าง สส.พรรคและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเสียง สส.ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งนี้หมดแล้ว ไม่รู้ใครจะขับใครออกกันแน่ แต่ส่วนตัวตอนนี้ ฝ่ายเราไม่คิดจะขับใครออกจากพรรค อยากให้มีการพูดคุยเจรจา แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาเจรจากับเราเลย ขอยืนยันว่า ตนไม่อยากรับมรดกความเครียดแค้นจากอดีต อยากทำในสิ่งที่ดีๆ จริงๆ แล้วพวกเรายินดีที่จะออกจากตำแหน่ง สส.วันนี้ วันพรุ่งนี้ได้เลย หากรู้สึกว่าได้ทรยศประชาชน ไม่ว่าคนใต้หรือคนทั้งประเทศ เราไม่เคยคิดทรยศ เราซื่อสัตย์ เราไม่เคยทรยศ เรามาจากการเลือกตั้ง เราทำเพื่อพี่น้องประชาชนสิ่งที่แคร์ที่สุดคือชาติและประชาชน
ส่วนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพรรค ขณะนี้จุดเริ่มต้นน่าจะเริ่มจากการประชุม วิสามัญพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้ได้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการแข่งขัน เรายินดีให้ความร่วมมือ เมื่อปี 62 ตนไม่ได้เลือกจุรินทร์ แต่เมื่อมติพรรคออกมา พวกตนก็ยอมรับและทำตัวเป็นลูกพรรคที่ดีปกป้องมาตลอด ทั้งนี้มองว่าตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่แตกเพียงแต่ความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นขอให้ทุกคนลดทิฐิ หันมาพูดคุยกันและพากันผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้
เดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ 16 สส.พรรคประชาธิปัตย์แหกมติพรรค ให้ความเห็นชอบเศรษฐา ทวีสินเป็นนายกรัฐมนตรีว่า พรรคประชาธิปัตย์เริ่มไม่มีเอกภาพ ตั้งแต่การประชุมวิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 2 รอบ ซึ่งมีเจตนาที่จะให้องค์ประชุมร่วมทั้ง 2 ครั้งทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรค พี่น้อง สส.และค่าใช้จ่ายของพรรค
ซึ่งในการประชุมพรรคที่พิจารณาเรื่องการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แบ่งออกเป็น 3 แนวทางคือ ไม่เห็นชอบ งดออกเสียง และเห็นชอบ จึงได้ซักถามถึงสาเหตุ โดยส่วนใหญ่ที่ระบุว่า จะไม่เห็นชอบ ได้อ้างถึงความขัดแย้งในอดีต สส.ใหม่จึงอยากให้แยกหน้าที่สส.ปัจจุบันกับความขัดแย้งในอดีตออกจากกัน มิฉะนั้นก็จะเกิดอคติตลอดไป ทำให้ผู้ใหญ่บางคนเดินออกจากห้องประชุม
ขณะที่บางส่วนที่เสนอให้เห็นชอบ มองว่า ขณะนี้ประเทศอยู่ในทางตัน ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ประเทศจะเกิดสุญญากาศนานไม่ได้ ส่วนบางคนบอกว่าควรงดออกเสียง ให้เหมือนกับกรณี การให้ความเห็นชอบพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ทำให้จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลุกขึ้นพูดว่า อย่าโหวตกันเลย เพราะจริงๆ เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. ทำให้ในการประชุมพรรควันนั้น ไม่มีการโหวตมติพรรค
กระทั่ง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา สส. ของพรรคประมาณ 20 คน ได้ฟังการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งสส.เกือบ 100% สามารถรับได้ เพราะมองว่าปัญหาเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งถึงการลงมติ 3 คนแรกพบว่า จุรินทร์ งดออกเสียง ชวนหลีกภัยและบัญญัติ บรรทัดฐาน ลงมติไม่เห็นชอบ ทำให้ สส.มองว่า พรรคไม่มีมติ เพราะหากมีมติจะไม่สามารถแหกออกได้ สส.จึงยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง และที่ผ่านมา เรามองว่า พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลสมานฉันท์ กปปส. เคยขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนวิน ชิดชอบ และกลุ่มเพื่อนเนวิน ก็เคยเป็นงูเห่า ออกมา สนับสนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี พวกเขายังสมานฉันท์กันได้ เราเป็นประชาธิปัตย์ยุคใหม่ไม่เคยสวมเสื้อเหลืองเสื้อแดง เราไม่ควรรับมรดกความขัดแย้งจากรุ่นเก่า สส.เห็นว่า เราควรสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งรวมเสียงสร้างมากได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้เราจะเป็นฝ่ายค้าน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ สส. 16 คนโหวตให้เศรษฐา
เดชอิศม์ ยังยืนยันว่า ตอนนี้เราเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ในฐานะ สส.ประชาธิปัตย์และพรรคฝ่ายค้าน เราไม่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะไปเป็นรัฐบาล และเราก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจเองได้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติของพรรค แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีหนังสือเทียบเชิญร่วมรัฐบาลจากพรรคการนำมาก่อน
ส่วนกรณีที่บินไปพบทักษิณ ชินวัตรที่ฮ่องกง เดชอิศม์ กล่าวว่า ตนเป็น สส.รุ่นใหม่ พบพูดคุยได้ทุกพรรค เราแยกหน้าที่ออกจากความผูกพัน หน้าที่กับความแค้นความอคติในอดีต และส่วนตัวเองก็สนิทกับหัวหน้าพรรคเกือบทุกพรรค ถ้าการบินไปพบทักษิณเป็นความผิด คงต้องถูกประหารชีวิตเพราะสนิทกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค
ส่วนที่หลายคนมองว่า สส.ทั้ง 16 คนต้องการให้พรรคมีมติขับออกจากพรรคเพื่อไปหาพรรคใหม่นั้น เดชอิศม์ ระบุว่า ปกติการจะมีมติขับออกต้องเป็นการหารือร่วมกันระหว่าง สส.พรรคและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเสียง สส.ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งนี้หมดแล้ว ไม่รู้ใครจะขับใครออกกันแน่ แต่ส่วนตัวตอนนี้ ฝ่ายเราไม่คิดจะขับใครออกจากพรรค อยากให้มีการพูดคุยเจรจา แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาเจรจากับเราเลย ขอยืนยันว่า ตนไม่อยากรับมรดกความเครียดแค้นจากอดีต อยากทำในสิ่งที่ดีๆ จริงๆ แล้วพวกเรายินดีที่จะออกจากตำแหน่ง สส.วันนี้ วันพรุ่งนี้ได้เลย หากรู้สึกว่าได้ทรยศประชาชน ไม่ว่าคนใต้หรือคนทั้งประเทศ เราไม่เคยคิดทรยศ เราซื่อสัตย์ เราไม่เคยทรยศ เรามาจากการเลือกตั้ง เราทำเพื่อพี่น้องประชาชนสิ่งที่แคร์ที่สุดคือชาติและประชาชน
ส่วนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพรรค ขณะนี้จุดเริ่มต้นน่าจะเริ่มจากการประชุม วิสามัญพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้ได้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการแข่งขัน เรายินดีให้ความร่วมมือ เมื่อปี 62 ตนไม่ได้เลือกจุรินทร์ แต่เมื่อมติพรรคออกมา พวกตนก็ยอมรับและทำตัวเป็นลูกพรรคที่ดีปกป้องมาตลอด ทั้งนี้มองว่าตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่แตกเพียงแต่ความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นขอให้ทุกคนลดทิฐิ หันมาพูดคุยกันและพากันผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้