









จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคฯ นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคฯ ผู้บริหารพรรคฯ ส.ส. อดีต ส.ส. พร้อม สก.และอดีต สก. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ร่วมกันเปิดตัวนโยบายพรรคฯ 8 นโยบายหลักด้านการเกษตร อยู่ในหมวดนโยบายเรื่อง “สร้างเงิน” ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง
โดยจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องถือว่าเรากำลังเดินเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเพราะวาระไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายนิติบัญญัตติก็อยู่ได้ไกลสุดไม่เกินวันที่ 23 มีนาคมนี้ จึงเหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนเศษ ก็จะมีการเลือกตั้งสำหรับ ปชป.ได้แสดงความพร้อมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลหรือส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย ซึ่งนโยบายนั้นก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดยุทธศาสตร์ไปแล้วหาก ปชป.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยก็จะเป็นยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ประเทศไปสู่อนาคตที่สดใส คือสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ
“วันนี้ ปชป.เปิดตัว 8 นโยบายทางด้านการเกษตร และนโยบายหลักในการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชน ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศและใน กทม.โดยเหตุที่ ปชป. เล็งเห็นว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและหมู่บ้านนั้น เป็นนโยบายที่พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้ประเทศต่อไป และพัฒนาพื้นที่ชนบทต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะนโยบายด้านการกเษตร ที่เป็นดีเด็นเอของประเทศต่อไป เพราะประชากรไม่ต่ำว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นเกษตรกรรม” จุรินทร์ กล่าว
ด้านเฉลิมชัย กล่าวว่า ระยะเวลา 2 ปี เราทำและมีการสอบถามความพึงพอใจจากประชาชน วันนี้นโยบายจะเป็นนโยบายเริ่มต้นฐานรากของประชาชนชาวไทย และเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นรูปธรรม เราไม่ต้องการเพียงแค่คะแนนเสียงอย่างเดียว ทั้ง 8 นโยบาย คือ
1. การประกันรายได้ เกษตรกร ซึ่งเป็นการจ่ายเงินส่วนต่าง ทั้งข้าว มัน ยางปาล์ม และข้าวโพด ซึ่งจะเป็การสานต่อนโยบายเดิมพรรคฯ ทำอยู่
2. นโยบายให้เกษตรที่ปลูกข้าว คือชาวนา รับ 30,000 บาทต่อ 1 ครัวเรือน เพราะวันนี้ ปชป.ทำนโยบายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนามากกว่าที่เราจะให้เงินไปเพื่อให้เขาเลือกเราแต่เป็นการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั้งยืน
3.ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน เป็นการพัฒนาเด็กที่เป็นทรัพยากรในวันข้างหน้า และให้เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมได้ผลิตนมด้วย
4.ประมงท้องถิ่น เป็นการให้เงินอุดหนุนกับประมง 1 แสนบาทต่อปี ทั้ง 2,800 กลุ่ม
5.ปลดล็อกประมงพาณิชย์ ต้องอยู่ภายใต้ ไอยูยู เพราะว่าเรายังต้องอยู่กับสากลอยู่กับนานาประเทศ
6.สิทธิที่ดินทำกิน คือการออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาของพี่น้องที่ไม่มีที่ดินทำกิน อยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า
7.ออกกรรมสิทธิ์ที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ
8.ธนาคารหมู่บ้าน และชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาททั้งประเทศ รวมทั้งในกรุงเทพฯ ทุกชุมชนด้วย
“นโยบายทั้งหมดจะมีการชี้แจงรายละเอียดให้ทราบต่อไป เพราะต้องแจ้งข้อมูลทั้งหมดให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันว่านโยบายทั้งหมดเป็นสิ่งท่เราคิดมาแล้ว และจะต้องมีมาตรการควบคุมเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบางหน่วยไปเป็นที่เลี้ยงในการพัฒนาซึ่งถือว่านโยบายชัดเจนที่สุดว่าความเข้มแข็งของประเทศ ต้องเกิดจากความเข้มแข็งของฐานราก เราแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ได้แก้ไขปัญหาเพื่อจูงใจเรียกคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นนโยบายทั้งหมด จึงเป็นนโยบายส่วนหนึ่งที่เราเอามาเปิดให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่า ปชป.จะทำอะไรให้ท่านบ้างในการเลือกตั้งครั้งหน้า” เฉลิมชัย กล่าว
ด้าน นิพนธ์ กล่าวว่า การแถลงข่าววันนี้เป็นการแถลงนโยบายภาพรวม ซึ่งอยู่ในยุทธศาสตร์หลักในหมวดสร้างเงิน กลุ่มเกษตร ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ จำนวน 9.7 ล้านครัวเรือน หลังจากนี้พรรคฯจะเตรียมเปิดนโยบายในหมวดสร้างคน ในปลายเดือนนี้ และในหมวดสร้างชาติประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์
จากนั้นจะได้ลงรายละเอียดของนโยบายทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์ด้วย ซึ่งกำลังพิจารณาวันและเวลาที่เหมาะสมต่อไป ทั้งการที่พรรคฯ เปิดนโยบานบางส่วนเพราะต้องการให้ประชาชนจดจำว่าพรรคฯ จะทำอะไรให้บ้าง หากเปิดพร้อมกันทั้งหมดตั้งแต่ตอนนี้เกรงว่าจะไม่ได้ผล เพราะเรามีบทเรียนมาแล้วว่า ประชาชนจะจำนโยบายแค่เรื่องเดียว ทั้งนี้ตนมั่นใจว่านโยบายของ ปชป.ที่ออกไปจะถูกใจประชาชน เพราะส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร
เมื่อถามว่านโยบายชาวนารับ 30,000 บาทเชื่อว่าจะสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนาเพียงพอหรือไม่ เฉลิมชัย กล่าวว่า นโยบายนี้เราคิดแล้วว่าต้องมีมาตรการควบคู่ไม่ใช่มีแค่มาตรการนี้ ตนถึงบอกว่าจะมีภาค 2 โดยจะมีหน่วยงานของรัฐบาลบางหน่วยเป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนาสายพันธุ์ข้าว เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต ซึ่งจะต้องทำควบคู่กันไป ตนขอเวลาแล้วจะแถลงภาพรวมให้เห็นมากขึ้น
เมื่อถามว่านโยบายดังกล่าวจะนำงบประมาณจากส่วนใดมาใช้ จุรินทร์ กล่าวว่า ตนจะเรียนให้ทราบต่อไป แต่ตอนคิด คิดครบแล้ว และเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ต้องแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่องของเงิน ดังนั้นไม่ต้องห่วงพรรคประชาธิปัตย์คิดนโยบายบนพื้นฐานของสิ่งที่ได้ทำมาแล้วส่วนหนึ่ง และทำได้จริงเพราะอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ
เมื่อถามถึงนโยบายภาคจะเปิดได้เมื่อใด จุรินทร์ กล่าวว่า จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป เพราะนโยบายภาคก็จะมีเฉพาะภาคในเรื่องสำคัญๆ ส่วนเรื่องความพร้อมในการเปิดตัวผู้สมัคร รายจังหวัด และกรุงเทพฯ จะเปิดได้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และในอีก 2-3 วันนี้พรรคฯ จะไปเปิดตัวในภาคเหนือ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าพรรคฯ มีความพร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ครบทั้ง 400 เขต
ต่อข้อถามว่ากังวลหรือไม่ที่คนของ ปชป.ย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และจะเกิดการแบ่งคะแนนกัน จุรินทร์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะไม่มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องที่ทราบอยู่นานแล้ว ซึ่งพรรค ปชป. ก็มีผู้สมัครเตรียมการไว้แล้ว จึงไม่กระทบเป้าหมายหลัก
โดยจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องถือว่าเรากำลังเดินเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเพราะวาระไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายนิติบัญญัตติก็อยู่ได้ไกลสุดไม่เกินวันที่ 23 มีนาคมนี้ จึงเหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนเศษ ก็จะมีการเลือกตั้งสำหรับ ปชป.ได้แสดงความพร้อมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลหรือส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย ซึ่งนโยบายนั้นก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดยุทธศาสตร์ไปแล้วหาก ปชป.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยก็จะเป็นยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ประเทศไปสู่อนาคตที่สดใส คือสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ
“วันนี้ ปชป.เปิดตัว 8 นโยบายทางด้านการเกษตร และนโยบายหลักในการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชน ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศและใน กทม.โดยเหตุที่ ปชป. เล็งเห็นว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและหมู่บ้านนั้น เป็นนโยบายที่พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้ประเทศต่อไป และพัฒนาพื้นที่ชนบทต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะนโยบายด้านการกเษตร ที่เป็นดีเด็นเอของประเทศต่อไป เพราะประชากรไม่ต่ำว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นเกษตรกรรม” จุรินทร์ กล่าว
ด้านเฉลิมชัย กล่าวว่า ระยะเวลา 2 ปี เราทำและมีการสอบถามความพึงพอใจจากประชาชน วันนี้นโยบายจะเป็นนโยบายเริ่มต้นฐานรากของประชาชนชาวไทย และเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นรูปธรรม เราไม่ต้องการเพียงแค่คะแนนเสียงอย่างเดียว ทั้ง 8 นโยบาย คือ
1. การประกันรายได้ เกษตรกร ซึ่งเป็นการจ่ายเงินส่วนต่าง ทั้งข้าว มัน ยางปาล์ม และข้าวโพด ซึ่งจะเป็การสานต่อนโยบายเดิมพรรคฯ ทำอยู่
2. นโยบายให้เกษตรที่ปลูกข้าว คือชาวนา รับ 30,000 บาทต่อ 1 ครัวเรือน เพราะวันนี้ ปชป.ทำนโยบายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนามากกว่าที่เราจะให้เงินไปเพื่อให้เขาเลือกเราแต่เป็นการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั้งยืน
3.ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน เป็นการพัฒนาเด็กที่เป็นทรัพยากรในวันข้างหน้า และให้เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมได้ผลิตนมด้วย
4.ประมงท้องถิ่น เป็นการให้เงินอุดหนุนกับประมง 1 แสนบาทต่อปี ทั้ง 2,800 กลุ่ม
5.ปลดล็อกประมงพาณิชย์ ต้องอยู่ภายใต้ ไอยูยู เพราะว่าเรายังต้องอยู่กับสากลอยู่กับนานาประเทศ
6.สิทธิที่ดินทำกิน คือการออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาของพี่น้องที่ไม่มีที่ดินทำกิน อยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า
7.ออกกรรมสิทธิ์ที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ
8.ธนาคารหมู่บ้าน และชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาททั้งประเทศ รวมทั้งในกรุงเทพฯ ทุกชุมชนด้วย
“นโยบายทั้งหมดจะมีการชี้แจงรายละเอียดให้ทราบต่อไป เพราะต้องแจ้งข้อมูลทั้งหมดให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันว่านโยบายทั้งหมดเป็นสิ่งท่เราคิดมาแล้ว และจะต้องมีมาตรการควบคุมเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบางหน่วยไปเป็นที่เลี้ยงในการพัฒนาซึ่งถือว่านโยบายชัดเจนที่สุดว่าความเข้มแข็งของประเทศ ต้องเกิดจากความเข้มแข็งของฐานราก เราแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ได้แก้ไขปัญหาเพื่อจูงใจเรียกคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นนโยบายทั้งหมด จึงเป็นนโยบายส่วนหนึ่งที่เราเอามาเปิดให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่า ปชป.จะทำอะไรให้ท่านบ้างในการเลือกตั้งครั้งหน้า” เฉลิมชัย กล่าว
ด้าน นิพนธ์ กล่าวว่า การแถลงข่าววันนี้เป็นการแถลงนโยบายภาพรวม ซึ่งอยู่ในยุทธศาสตร์หลักในหมวดสร้างเงิน กลุ่มเกษตร ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ จำนวน 9.7 ล้านครัวเรือน หลังจากนี้พรรคฯจะเตรียมเปิดนโยบายในหมวดสร้างคน ในปลายเดือนนี้ และในหมวดสร้างชาติประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์
จากนั้นจะได้ลงรายละเอียดของนโยบายทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์ด้วย ซึ่งกำลังพิจารณาวันและเวลาที่เหมาะสมต่อไป ทั้งการที่พรรคฯ เปิดนโยบานบางส่วนเพราะต้องการให้ประชาชนจดจำว่าพรรคฯ จะทำอะไรให้บ้าง หากเปิดพร้อมกันทั้งหมดตั้งแต่ตอนนี้เกรงว่าจะไม่ได้ผล เพราะเรามีบทเรียนมาแล้วว่า ประชาชนจะจำนโยบายแค่เรื่องเดียว ทั้งนี้ตนมั่นใจว่านโยบายของ ปชป.ที่ออกไปจะถูกใจประชาชน เพราะส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร
เมื่อถามว่านโยบายชาวนารับ 30,000 บาทเชื่อว่าจะสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนาเพียงพอหรือไม่ เฉลิมชัย กล่าวว่า นโยบายนี้เราคิดแล้วว่าต้องมีมาตรการควบคู่ไม่ใช่มีแค่มาตรการนี้ ตนถึงบอกว่าจะมีภาค 2 โดยจะมีหน่วยงานของรัฐบาลบางหน่วยเป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนาสายพันธุ์ข้าว เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต ซึ่งจะต้องทำควบคู่กันไป ตนขอเวลาแล้วจะแถลงภาพรวมให้เห็นมากขึ้น
เมื่อถามว่านโยบายดังกล่าวจะนำงบประมาณจากส่วนใดมาใช้ จุรินทร์ กล่าวว่า ตนจะเรียนให้ทราบต่อไป แต่ตอนคิด คิดครบแล้ว และเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ต้องแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่องของเงิน ดังนั้นไม่ต้องห่วงพรรคประชาธิปัตย์คิดนโยบายบนพื้นฐานของสิ่งที่ได้ทำมาแล้วส่วนหนึ่ง และทำได้จริงเพราะอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ
เมื่อถามถึงนโยบายภาคจะเปิดได้เมื่อใด จุรินทร์ กล่าวว่า จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป เพราะนโยบายภาคก็จะมีเฉพาะภาคในเรื่องสำคัญๆ ส่วนเรื่องความพร้อมในการเปิดตัวผู้สมัคร รายจังหวัด และกรุงเทพฯ จะเปิดได้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และในอีก 2-3 วันนี้พรรคฯ จะไปเปิดตัวในภาคเหนือ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าพรรคฯ มีความพร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ครบทั้ง 400 เขต
ต่อข้อถามว่ากังวลหรือไม่ที่คนของ ปชป.ย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และจะเกิดการแบ่งคะแนนกัน จุรินทร์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะไม่มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องที่ทราบอยู่นานแล้ว ซึ่งพรรค ปชป. ก็มีผู้สมัครเตรียมการไว้แล้ว จึงไม่กระทบเป้าหมายหลัก