หัวโค้งสุดท้ายของเทศกาลหาเสียง บรรดาพรรคการเมืองต่างบรรเลงปี่กลองไม่ยั้งมือ หวังกอบโกยคะแนนนิยมเข้ากระเป๋าให้ได้มากเท่าที่จะหาได้ ก่อนเดตไลน์จะสิ้นสุดลง เข้าสู่วันเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงในอีกไม่เกิน 20 วันต่อจากนี้ หากจับทิศทางลมจากกระแสโพลสำนักต่างๆ ต้องยอมรับข้อมูลทางสถิติชี้เป้าไปในทิศทางเดียวกัน ว่าเป็นช่วงขาขึ้นสำหรับกระแสความนิยมของ ‘พรรคฝั่งประชาธิปไตย’ โดยเฉพาะ 2 พรรคใหญ่อย่าง ‘เพื่อไทย’ และ ‘ก้าวไกล’ ที่ดีวันดีคืน แซงหน้า ‘ขั้วอำนาจ 3 ป.’ และ ‘พรรคฝั่งอนุรักษ์นิยม’ อื่นๆ
‘อาวุธ’ ที่ใช้หาเสียงไม่พ้นประเด็นการต่อต้านกระแสสืบทอดอำนาจของ ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ที่วันนี้สวมหัวโขนนักการเมืองเต็มตัว ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 1 ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ และการใช้คำว่า ‘ประชาธิปไตย’ เป็นแบรนเนอร์ติดหน้าผากหาเสียง
ศึกกับขั้วตรงข้ามกับ ‘ฝ่ายอนุรักษ์นิยม’ เรียกได้ว่าแทบไม่มีผลกับคะแนนของเพื่อไทย เพราะชัดเจนอยู่แล้วจากการประกาศยุทธศาสตร์ ‘แลนด์สไลด์’ แต่สำหรับศึกระหว่างขั้วเดียวกันร้อนปรอทแตก โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บนโลกโซเชียลฯ เกิดวิวาทะอย่างโจ่งครื่ม
อย่างกรณี ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ว่า “ประชาชนต้องการพรรรคการเมือง...ที่มี วุฒิภาวะ มีความสามารถที่จะทำงานกับผู้อื่นๆ ได้ มีความสามารถที่จะทำงานเป็น ทำได้จริงมีประสบการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงปัญหาและชีวิตประชาชนได้ใน วันนี้มิใช่ความสามารถที่ไกลเกินเอื้อม ไม่ใช่ฝันถึงดวงดาว แต่ไปได้ไกลแค่ต้นมะพร้าว” พร้อมกันนี้ยังระบุ ว่าพรรคเพื่อไทยทำมาก่อนทุกเรื่อง ตั้งแต่นโยบายสุราพื้นบ้าน สมรสเท่าเทียม การกระจายอำนาจ และการแก้ไขโครงสร้างทางการเมือง ให้รัฐราชการเป็นของประชาชน
นี่แสดงให้เห็นถึงความกังวลช่วงโค้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ว่าคะแนนที่ถ่ายเทไปอยู่ ‘บ้านเพื่อน’ อาจดับฝันแลนด์สไลด์ได้ ปรากฎการณ์ความหวั่นไหวเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังการประชุมติวเข้มผู้สมัคร ส.ส. เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา
‘อาวุธ’ ที่ใช้หาเสียงไม่พ้นประเด็นการต่อต้านกระแสสืบทอดอำนาจของ ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ที่วันนี้สวมหัวโขนนักการเมืองเต็มตัว ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 1 ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ และการใช้คำว่า ‘ประชาธิปไตย’ เป็นแบรนเนอร์ติดหน้าผากหาเสียง
ศึกกับขั้วตรงข้ามกับ ‘ฝ่ายอนุรักษ์นิยม’ เรียกได้ว่าแทบไม่มีผลกับคะแนนของเพื่อไทย เพราะชัดเจนอยู่แล้วจากการประกาศยุทธศาสตร์ ‘แลนด์สไลด์’ แต่สำหรับศึกระหว่างขั้วเดียวกันร้อนปรอทแตก โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บนโลกโซเชียลฯ เกิดวิวาทะอย่างโจ่งครื่ม
อย่างกรณี ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ว่า “ประชาชนต้องการพรรรคการเมือง...ที่มี วุฒิภาวะ มีความสามารถที่จะทำงานกับผู้อื่นๆ ได้ มีความสามารถที่จะทำงานเป็น ทำได้จริงมีประสบการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงปัญหาและชีวิตประชาชนได้ใน วันนี้มิใช่ความสามารถที่ไกลเกินเอื้อม ไม่ใช่ฝันถึงดวงดาว แต่ไปได้ไกลแค่ต้นมะพร้าว” พร้อมกันนี้ยังระบุ ว่าพรรคเพื่อไทยทำมาก่อนทุกเรื่อง ตั้งแต่นโยบายสุราพื้นบ้าน สมรสเท่าเทียม การกระจายอำนาจ และการแก้ไขโครงสร้างทางการเมือง ให้รัฐราชการเป็นของประชาชน
นี่แสดงให้เห็นถึงความกังวลช่วงโค้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ว่าคะแนนที่ถ่ายเทไปอยู่ ‘บ้านเพื่อน’ อาจดับฝันแลนด์สไลด์ได้ ปรากฎการณ์ความหวั่นไหวเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังการประชุมติวเข้มผู้สมัคร ส.ส. เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา

‘แพทองธาร ชินวัตร’ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 1 ได้กล่าวกับผู้สมัครจำนวนกว่า 200 คน ว่า “โพลของพรรคเพื่อไทยดีมาก ก็ทำให้ทุกคนมีกำลังใจ แต่ก็ไม่อยากให้ประมาท เพราะอีกกว่า 20 วัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ จึงขอให้ทุกคนเร่งลงพื้นที่นำเสนอนโยบายกับพี่น้องประชาชน ไม่ต้องกังวลพรรคคู่แข่ง เนื่องจากเขาไม่มีศักยภาพเหมือนเรา จึงเล่นแต่ในโซเชียลมีเดีย ทำให้โพลบางสำนักขยับขึ้น ดังนั้นในช่วงใกล้โค้งสุดท้าย ผู้สมัครทุกคนก็ต้องเน้นใช้โซเชียลฯ”
ตีความจากถ้อยคำของ ‘พี่อ้วน’ และ ‘อุ๊งอิ๊ง’ กรณี ‘พรรคคู่แข่ง’ คอการเมืองเดาตรงกันว่าเป็น ‘พรรคก้าวไกล’ ที่ถูกพาดพิง เพราะเป็นหัวกระทิด้านการใช้โซเชียลมีเดียกว่าใครเพื่อน ตอกย้ำความกังวลีถึงกระแส ‘พิธาเอฟเฟกต์’ ที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ฉุดรั้งยังไงก็ไม่อยู่
อย่างไรก็ดี ‘ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง’ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นเรื่องนี้กับ SPACEBAR ว่า เมื่อก่อนพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ครองพื้นที่ และกระแสผลสำรวจที่นำโด่งมาตลอด แต่ทางกลับกันอาจหลงลืมไปว่า จุดเด่นของพรรคก้าวไกลคือการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ และการมีทีมโซเชียลมีเดียที่เข้มแข็ง เจาะฐานเสียงคนรุ่นใหม่ และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ทุกกลุ่ม ทำให้การเก็บข้อมูลบนออนไลน์ ในประเด็นพรรคการเมืองหรือผู้นำทางการเมืองในใจ ส่วนใหญ่จะไปอยู่กับแฟนคลับของก้าวไกล ซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางกระแสได้
ตีความจากถ้อยคำของ ‘พี่อ้วน’ และ ‘อุ๊งอิ๊ง’ กรณี ‘พรรคคู่แข่ง’ คอการเมืองเดาตรงกันว่าเป็น ‘พรรคก้าวไกล’ ที่ถูกพาดพิง เพราะเป็นหัวกระทิด้านการใช้โซเชียลมีเดียกว่าใครเพื่อน ตอกย้ำความกังวลีถึงกระแส ‘พิธาเอฟเฟกต์’ ที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ฉุดรั้งยังไงก็ไม่อยู่
อย่างไรก็ดี ‘ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง’ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นเรื่องนี้กับ SPACEBAR ว่า เมื่อก่อนพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ครองพื้นที่ และกระแสผลสำรวจที่นำโด่งมาตลอด แต่ทางกลับกันอาจหลงลืมไปว่า จุดเด่นของพรรคก้าวไกลคือการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ และการมีทีมโซเชียลมีเดียที่เข้มแข็ง เจาะฐานเสียงคนรุ่นใหม่ และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ทุกกลุ่ม ทำให้การเก็บข้อมูลบนออนไลน์ ในประเด็นพรรคการเมืองหรือผู้นำทางการเมืองในใจ ส่วนใหญ่จะไปอยู่กับแฟนคลับของก้าวไกล ซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางกระแสได้

“ในเมื่อกระแสก้าวไกลมา เพื่อความไม่ประมาทก็ต้องกวดขัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเพื่อไทยยังเป็นรองบนโลกออนไลน์อยู่ เพราะผู้สมัครของพรรคก้าวไกลทุกคนมีทีมแอดมินที่เข้มแข็ง มีแพลตฟอร์มหลายประเภท ดังนั้นการแสดงแอ็กชันของแกนนำเพื่อไทย ที่พยายามสื่อสารบนโซเชียลฯ เสนอข้อมูลเคลมนโยบาย พร้อมส่งเสริมการกาบัตรเชิงยุทธ์ศาสตร์เลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ เป็นความหวั่นไหวที่แปรปรวนอยู่ขณะนี้” นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าว
เมื่อถามถึงการใช้วิธี ‘เลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์’ เข้ามาช่วยจะส่งผลในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ อาจารย์วันวิชิตมองว่า ถ้าเป็นเมื่อ 10 ที่แล้ว อาจเป็นแนวทางที่ใช้ได้ เพราะใช้ความกลัวจากอำนาจที่เข้ามาด้วยกลยุทธ์ไม่พึงประสงค์ แต่การโหวตเชิงยุทธศาสตร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะทัศนคติทางการเมืองที่ต่างกันมาก แต่ถ้าเป็นเรื่อง ‘รสนิยมทางการเมือง’ หรือมีความนิยมในทิศทางเดียวกัน อย่างกรณีที่เกิดขึ้นเป็นฐานเสียงของคนกลุ่ม ‘เสรีนิยม’ เหมือนกัน ก็อาจไม่ง่ายสำหรับเพื่อไทย
“ภาวะรักพี่เสียดายน้องอาจเกิดขึ้น ดังนั้นการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ จะเป็นการกดดันให้เกิดการสวนกระแส จึงเห็นภาพคนรุ่นใหม่หลายคนตัดสินใจสนับสนุนก้าวไกล ซึ่งเพื่อไทยเองต้องสร้างความชัดเจนให้กับตัวเอง อย่างกรณีการผสมข้ามขั้วกับฝ่ายอนุรักษ์ก็ต้องพูดให้ชัด อย่างน้อยจะเป็นการตรึงฐานมวลชนให้คงอยู่ ถ้าบอกไม่เอา 3 ป. ยังง่ายเสียกว่าการเดินเกมแบบนี้”
เมื่อถามถึงการใช้วิธี ‘เลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์’ เข้ามาช่วยจะส่งผลในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ อาจารย์วันวิชิตมองว่า ถ้าเป็นเมื่อ 10 ที่แล้ว อาจเป็นแนวทางที่ใช้ได้ เพราะใช้ความกลัวจากอำนาจที่เข้ามาด้วยกลยุทธ์ไม่พึงประสงค์ แต่การโหวตเชิงยุทธศาสตร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะทัศนคติทางการเมืองที่ต่างกันมาก แต่ถ้าเป็นเรื่อง ‘รสนิยมทางการเมือง’ หรือมีความนิยมในทิศทางเดียวกัน อย่างกรณีที่เกิดขึ้นเป็นฐานเสียงของคนกลุ่ม ‘เสรีนิยม’ เหมือนกัน ก็อาจไม่ง่ายสำหรับเพื่อไทย
“ภาวะรักพี่เสียดายน้องอาจเกิดขึ้น ดังนั้นการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ จะเป็นการกดดันให้เกิดการสวนกระแส จึงเห็นภาพคนรุ่นใหม่หลายคนตัดสินใจสนับสนุนก้าวไกล ซึ่งเพื่อไทยเองต้องสร้างความชัดเจนให้กับตัวเอง อย่างกรณีการผสมข้ามขั้วกับฝ่ายอนุรักษ์ก็ต้องพูดให้ชัด อย่างน้อยจะเป็นการตรึงฐานมวลชนให้คงอยู่ ถ้าบอกไม่เอา 3 ป. ยังง่ายเสียกว่าการเดินเกมแบบนี้”

อาจารย์วันวิชิต กล่าวต่อว่า การเล่นการเมืองของพรรคก้าวไกลช่วงสุดท้ายแสดงให้เห็นว่า เป็นการเดินอย่างไม่มีอะไรจะเสีย ซึ่งเพื่อไทยเองก็ต้องชูหลักแลนด์สไลด์เข้าสู้ ด้วยการโหมสรรพกำลังและประสบการณ์ทั้งหมดที่มี แต่ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าจะตรึงพื้นที่คนรุ่นใหม่และคนชนชั้นกลาง ในการชักชวนให้นึกถึงความสำเร็จในวันวานสมัย ‘พรรคไทยรักไทย’ ได้มากน้อยแค่ไหน
การบ้านที่เพื่อไทยอาจต้องโฟกัสมากกว่าการเล่นเกมโซเชียลฯ คือการนำเสนอนโยบายที่หลากหลาย นอกเหนือจาก ‘ดิจิทัลวอลเลต’ แล้วต้องมีแง่มุมอื่นด้วย รวมถึงพิจารณาแผนยุทธศาสตร์การประชันวิศัยทัศน์ใหม่ เพราะที่ผ่านเพื่อไทยเลือกไม่ส่ง ‘เศรษฐ ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 2 ขึ้นเวทีดีเบต ทำให้ไม่สามารถเทียบ ‘บารมี’ กับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ได้ ถ้ากล้าจะแลกหมัดต้องชู ‘เสียนิด’ มากกว่านี้ เพราะ ‘การถนอมตัว’ ย่อมมี ‘ราคาที่ต้องจ่าย’ ที่แลกมาด้วยความไว้วางใจจากประชาชน
การบ้านที่เพื่อไทยอาจต้องโฟกัสมากกว่าการเล่นเกมโซเชียลฯ คือการนำเสนอนโยบายที่หลากหลาย นอกเหนือจาก ‘ดิจิทัลวอลเลต’ แล้วต้องมีแง่มุมอื่นด้วย รวมถึงพิจารณาแผนยุทธศาสตร์การประชันวิศัยทัศน์ใหม่ เพราะที่ผ่านเพื่อไทยเลือกไม่ส่ง ‘เศรษฐ ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 2 ขึ้นเวทีดีเบต ทำให้ไม่สามารถเทียบ ‘บารมี’ กับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ได้ ถ้ากล้าจะแลกหมัดต้องชู ‘เสียนิด’ มากกว่านี้ เพราะ ‘การถนอมตัว’ ย่อมมี ‘ราคาที่ต้องจ่าย’ ที่แลกมาด้วยความไว้วางใจจากประชาชน

เมื่อถามถึงประเด็นที่พรรคก้าวไกล ได้มีการเปิดเผยกับสื่อมวลชน ถึงจำนวนเก้าอี้ที่คาดว่าจะได้กว่า 100 ที่นั่ง มีแนวโน้มมากแค่ไหน อาจารย์วันวิชิต กล่าวว่า ตัวเลขที่ระบุเป็นการปั่นกระแส โดยหยิบมาจากความเชื่อบนโลกออนไลน์ แต่โลกความเป็นจริงอาจไม่ใช่
ต้องไม่ลืมว่าจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้รับเลือกน้อยมาก ซึ่งบรรดาหัวคะแนนเหล่านี้ล้วนมีผลกับการแข่งขันแบบแบ่งเขต จึงเห็นได้ว่ายังห่างชั้นกับพรรคเพื่อไทยอีกหลายขุม จะมีลุ้นได้แค่ กทม. หรือตามหัวเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น ตัวเลข 100 เป็นตัวเลขที่ประเมินสูงเกินไป แต่ในทางยุทธศาสตร์ก็คงต้องพูดอย่างนั้น นักวิเคราะห์ทั่วไปบอกว่าได้ประมาณ 60 ที่นั่งก็ถือว่าเต็มที่แล้วสำหรับพรรคก้าวไกล
ต้องไม่ลืมว่าจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้รับเลือกน้อยมาก ซึ่งบรรดาหัวคะแนนเหล่านี้ล้วนมีผลกับการแข่งขันแบบแบ่งเขต จึงเห็นได้ว่ายังห่างชั้นกับพรรคเพื่อไทยอีกหลายขุม จะมีลุ้นได้แค่ กทม. หรือตามหัวเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น ตัวเลข 100 เป็นตัวเลขที่ประเมินสูงเกินไป แต่ในทางยุทธศาสตร์ก็คงต้องพูดอย่างนั้น นักวิเคราะห์ทั่วไปบอกว่าได้ประมาณ 60 ที่นั่งก็ถือว่าเต็มที่แล้วสำหรับพรรคก้าวไกล

อาจารย์วันวิชิต บุญโปร่งทิ้งท้ายว่า แม้จะเกิดเหตุการณ์ช่วงชิงคะแนนระหว่างฝากฝั่งประชาธิปไตยด้วยกันเอง แต่อีกมุมจะเป็นการแสดงให้เห็น ว่าโอกาส ‘แลนด์สไลด์ร่วม’ ระหว่างอดีตแกนนำพรรคฝ่ายค้าน (กรณีที่ตกลงกันลงตัว) มีเปอร์เซ็นต์สูงที่อาจเกิดขึ้นได้
คงต้องจับตาดูกันต่อไป โดยเฉพาะทุกอริยาบทของ ‘เพื่อไทย’ ที่อาจเป็นสัญญาณจับต้องได้มากที่สุด...
คงต้องจับตาดูกันต่อไป โดยเฉพาะทุกอริยาบทของ ‘เพื่อไทย’ ที่อาจเป็นสัญญาณจับต้องได้มากที่สุด...