

















เรียกได้ว่าปิดฉากอำลาทำเนียบรัฐบาล ได้อย่างสวยงามสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มาอย่างยาวนานถึง 9 ปี โดยช่วงเที่ยงวันนี้ (31 สิงหาคม 2566) พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข, ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ, ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล
ทันทีที่นายกฯ เดินมาถึงบริเวณที่จะร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชน หน้าตึกบัญชาการ 1 ก็กล่าวทักทายสื่อฯ ว่า “ระวังติดโควิดนะ สบายดีกันมั้ย วันหน้าก็ทำกับรัฐบาลใหม่เขาให้ดีๆ ก็แล้วกันนะ” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับประทานอาหารกลางวัน โดยเมนูประกอบด้วย ผัดไท, หมูย่างปลาร้า, ส้มตำ, หอยทอด, ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และของหวานเป็น ไอศกรีมกะทิ
เมื่อสื่อฯ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดคุยด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตอบว่า ก็คุยกันมาตลอดนิ คุยกันมา 9 ปีแล้ว ไม่เบื่อหรือไง ทะเลาะกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เอางานเป็นหลัก พูดไม่เพราะบ้างก็ให้อภัยกันเถอะ
เมื่อถูกถามว่า หลังจากนี้นายกฯ จะไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ก็คงซักระยะ ให้มันนิ่งๆ เงียบๆ เรียบร้อยก่อน
“จะไปถูกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย เพราะนั่งแค่รถจากบ้านมาทำเนียบฯ ทุกวัน ก็ฝากไปถึงครอบครัว ขอให้อยู่กับครอบครัว เพราะเวลาก็หายไป 9 ปี หรือเยอะกว่านั้น ที่เรามาอยู่ตรงนี้มาบริหารสถานการณ์สภาวะต่างๆ ซึ่งวันนี้ก็สงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างน่าภูมิใจ ถ้าเราช่วยกันรักษาไว้ประเทศก็เดินต่อไปได้ เพราะทุกอย่างตั้งเอาไว้แล้ว จะปรับปลี่ยนอะไรก็ต้องทำให้ต่อเนื่องกันบ้าง ผมไม่ขอวิจารณ์ ให้เขาทำงานไป ซึ่งการที่ตนตัดสินใจออกจากทำเนียบฯ ไปนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะเป็นการให้เกียรติคณะรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเร็วๆ นี้ เขาจะได้มาจัดสถานที่ในการทำงาน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนก่อนหน้านี้ที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาดูตึกไทยคู่ฟ้า แล้วระบุว่าไม่มีห้องนอน พล.อ.ประยุทธ์ แนะนำอะไรไปบ้างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า เศรษฐา ได้ถามว่าจะนอนทำเนียบฯ ดีไหม จึงบอกว่า ถ้าจะนอนก็มีห้องเล็กอยู่ แต่ยังไม่เคยนอน เพราะรบกับสื่อฯ ทำให้นอนไม่หลับ
“พอพูดไปโมโหไป กลับมาก็รู้สึกเสียใจ คิดว่าไม่ควรพูด ต่างคนต่างเข้าใจกันนะ ดูอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่เคยทะเลาะกับใคร ยิ้มตลอด ผมเป็นคนขี้โมโห คิดเร็วทำเร็ว บางทีก็อาจจะไม่เหมาะสม แต่ถ้าดูผลงานที่ออกมาก็โอเคแล้ว บางครั้งต้องดุบ้าง เพราะเราเป็นทหารมาก่อน ที่สื่อฯ เขียนกันมา ผมก็ไม่ได้โกรธ เพราะเดี๋ยววันเวลาพิสูจน์กันเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ จะเหงาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “จะเหงาอะไร เป็นคนช่างคิด ช่างอ่าน นิสัยนี้เลิกไม่ได้ ไม่มีอำนาจอะไรก็นั่งคิดไปเฉยๆ คิดในฐานประชาชนคนหนึ่ง คนเราต้องวางบทบาทที่เหมาะสม ทำตัวอย่างไร สื่อฯ ไทยมีอิสระและบทบาท เพราะนี่คือประเทศไทย เราไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะยังไงก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ขอให้นึกถึงกฎหมายกันบ้าง เพราะคนอื่นเขาเดือนร้อน การใช้อำนาจ การใช้กฎหมายก็ต้องระมัดระวัง ไม่ให้บานปลาย ไม่เป็นเยี่ยงอย่าง ก็ต้องมีวิธีการ ซึ่งเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม เราเป็นฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายนิติบัญญติ อัยการ ศาล องค์กรอิสระ เขาก็มีหน้าที่บทบาทของเขาจะไปก้าวล่วงเขาไม่ได้ เราเคารพตรงนี้ทำของเราให้ดีที่สุด”
สำหรับงานอดิเรกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า จะอ่านหนังสือและเลี้ยงสุนัข ส่วนเมื่อถามจะเขียนหนังสือสักเล่มหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ขอพักสมองสักเดี๋ยว เจอกับหนังสือมา 9 ปี ท่วมหัวไปหมดแล้ว พร้อมเผยถึงเรื่องการทำเพลงด้วยว่า วันหน้าจะเขียนให้ อนุทิน ไปแต่งเพลง ส่วนที่แต่งมาก่อนหน้านี้นั้นชอบทุกเพลง เพราะมีความหมายสำหรับตัวเอง
“เราชอบแต่งบทกลอน บทกวี เล่าเรื่องร้อยเรียง เราเป็นคนพูดได้ 2-3 ชั่วโมง วันๆ หนึ่งตอนสมัยอยู่กับทหาร แต่งเพลงมายังไม่มีใครมาขอออกซิงเกิลเลย การแต่งเพลงจะเอาทำนองเพราะๆ มาก่อนแล้วใส่เนื้อทีหลัง แต่ถ้าให้ร้องเพลงของตัวเองตอนนี้คงจำเนื้อไม่ได้ ส่วนเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ที่ร้องว่าขอเวลาอีกไม่นาน ตอนนั้น ก็คือตอนนั้น แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงตอนนี้หรอก ต้องคิดว่าเข้ามาอย่างไรสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้ามันเรียบร้อย ก็ไปนานแล้ว ถ้ามันสงบเรียบร้อยไม่มีปัญหาก็ไป ไม่ได้ตั้งใจอยู่มาถึงขนาดนี้ แล้วตอนนี้ถือว่าทุกอย่างโอเค อย่าลืมว่า 4 ปีแรกกับ 4 ปีหลัง ด้วยตัวกฎหมาย ด้วยอะไร 4 ปีแรก เลิกกันเสียที เราไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เราเข้ามาดูบ้านเมืองให้เรียบร้อย ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน เป้าหมายมีแค่นั้น วันนี้ถือว่าทุกคนปรองดองกัน แต่เราจะไปสั่งใครปรองดองไม่ได้ นายกฯ คนเดียวทำได้เหรอ”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเพลง ‘สะพาน’ ด้วยว่า “เราแต่งทำนอง เนื้อหาเป็นการข้ามสายน้ำที่เชี่ยวกราก เป็นสะพานให้คนเขาเหยียบย่ำข้ามไปนั่นแหละคือเรา” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้เปิดเพลง สะพาน จากโทรศัพท์มือถือ ก่อนร้องตาม พร้อมชี้แจงถึงประโยคที่ว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน” นั้นหมายความว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี ถ้าผ่านเร็ว เราก็ไปเร็วแค่นั้นเอง แต่กลไกการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ เขาทำมาเราก็ต้องอยู่ เป็นเรื่องของกระบวนการ ทุกคนก็มองแต่อำนาจ ลองถาม อนุทิน ดูเราใช้อำนาจไหม อำนาจต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะอำนาจมาพร้อมความรับผิดชอบ ทุกคนอยากมีอำนาจ แต่อำนาจก็ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี นั่นคือการใช้อำนาจ ถ้าไม่ถูกก็มีปัญหา ทั้งนี้ พยายามระมัดระวังมา 9 ปี ทุกคนใน ครม.ก็ระมัดระวังมาด้วยกัน ขอร้องกันแล้ว ว่าบ้านเมืองสำคัญกว่าอย่างอื่น และยังอาจไม่เหมือนกัน
“ความคิดผมแบบทหาร และอยู่การเมืองมาหลายปี 4 ปีแรก มันก็มีอยู่ แต่ 4 ปีหลัง เราก็ทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ถ้าคนแตกแยกกันมากๆ มันอันตราย รู้ไหม มันต้องมีหลักพื้นฐานสำคัญคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ก่อน แล้วจะอย่างไรก็ว่ากันมา ถ้าแยกกันเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย มันจะเดินหน้าไปไม่ได้ วันหน้ามันก็ลูกหลานของพวกท่าน ก็ไม่แน่ก็อาจจะดีก็ได้ เราไปพูดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นอะไรอีก เราไม่มีอำนาจอะไรอยู่แล้ว ไม่เคยคิดว่ามีอำนาจ เอาอย่างนี้ดีกว่า ทุกอย่างอำนาจมาตามความรับผิดชอบมาตามระเบียบข้อบังคับกฎหมายอยู่ดีๆ จะสั่งทำแบบนั้นแบบนี้ ผมจะไปสั่ง ได้ไหมมีแต่ดำริไปตามนโยบายว่าเรื่องไม่ควรจะทำหรือไม่ เห็นชอบร่วมกัน กฤษฎีกาก็ต้องนำไปตรวจทานว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าแบบนี้โอเค อำนาจใช้มากเกินไปก็อันตรายแต่ทุกคนก็รับผิดชอบอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ที่ว่าวันข้างหน้าจะเรียบร้อยไปด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะพร้อมระบุ ขออย่ามาถาม และชี้ไปที่ อนุทิน โดยบอกว่า ขอให้ฝากคนนี้ ซึ่งต้องย้อนดูว่ามีอะไรอยู่บ้าง รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ถ้าจะแก้ จะเกิดประโยชน์หรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะดีก็ได้ ไม่มีความคิดเห็น “โนคอมเมนต์”
เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึงชาวโซเชียลฯ ที่วันข้างหน้าจะไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากความรักความคิดถึงและไม่โกรธเคืองใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรักจะชอบไม่ชอบจะด่าจะว่า เพราะเป็นโลกของโซเชียลฯ เพียงแต่ท่านต้องมีภูมิคุ้มกันบ้าง บางทีไม่รู้จักกัน เห็นเขาเกลียดก็เกลียดด้วย ซึ่งคิดว่ามันต้องมีเหตุมีผล ถ้าทุกคนบิดเบี้ยวไปหมด กฎหมายอยู่ตรงไหนไม่รู้ มันไม่ได้ เป็นอันตรายสำหรับประเทศ สื่อฯ ด้วย ต้องช่วยกัน ส่วนเมื่อถามว่า มีเรื่องไหนบนโซเชียลฯ ที่อ่านแล้วรู้สึกจี๊ด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จี๊ดทุกอันแหละ
“ไม่เป็นไร เป็นการแสดงความคิดเห็นคนที่เขาชมก็มี วันหลังก็ไม่อ่าน ที่ด่ามันก็หายไปจากโทรศัพท์เหมือนกัน แต่รวมๆ แล้วรู้สึกจี๊ดหมด สำหรับเรื่องโซเชียลฯ นั้นไม่เคยทำเอง จะเล่นทำไม แต่ดูก็ดูอยู่แล้ว ไม่ตอบโต้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาตอบโต้ เขียนอะไรก็เขียนมาก็ได้แต่อ่าน จากนี้ไปก็ต้องดู อ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์ ประชาธิปไตยก็ต้องดูความเป็นมาด้วย เราเป็นอย่างไร และบ้านเราจะสงบแบบนี้ไหม ได้รับการพัฒนาไหม บ้านเมืองเรามีคนหลายระดับรายได้ การพัฒนา ใช้งบประมาณอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องมีการปรับวิธีการ วันข้างหน้าก็คอยดูแล้วกัน มีคนทำอยู่แล้ว วันนี้เราต้องสมมุติในสิ่งที่ดี มันก็ต้องดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ประทับใจอะไรกับเรือลำนี้ ที่พายมาจนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เกิดจากความรักความสามัคคีความเข้าใจ เราทำหน้าที่เพื่อใคร เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน เพื่อสถาบันอะไรต่างๆ ที่ทำได้โดยเร็วก็เร่งดำเนินการไป อันไหนที่ยังต้องรอขั้นตอนก็ต้องทำต่อ หลายอย่างติดข้อกฎหมายก็ยังทำไม่เรียบร้อย ก็ต้องทำกันต่อไปมีแค่นี้” ส่วนหลังจากนี้ไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ หวังอะไรกับเรือลำใหม่ที่จะมาดูแลประเทศต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ ก็ย้อนถามว่า “แล้วสื่อฯ หวังอย่างไร ก็หวังแบบสื่อที่ต้องการให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ตอบแบบนี้ใช้ได้ไหม”
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะแสดงความเห็นเรื่องชาติบ้านเมืองหรือไม่ เมื่อไม่มีตำแหน่งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ต้องดูว่าควรหรือไม่ควร เราไม่อยากให้ความขัดแย้งมันมากกว่านี้ ซึ่งมันก็ดีอยู่แล้ว อยู่ที่พวกเราจะช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ แต่ก่อนมันไม่มากเท่านี้ แต่วันนี้มีโซเชียลฯ อะไรต่างๆ ทุกคนแสดงความคิดเห็นกันได้หมด” เมื่อถามว่า มองดูแล้วบรรยากาศจากนี้จะสงบดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราก็ต้องหวังอย่างนั้นมั้ง ก่อนระบุไม่ทราบว่าความขัดแย้งจะกลับมาอีกหรือไม่
“ก็พูดอยู่นี่ไม่อยากให้กลับมาก็แค่นั้น ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเราก็เป็นประชาชนแล้วล่ะ และคิดว่าทุกคนก็ไม่อยากให้กลับมาเหมือนเดิมย้อนกลับไปดูก็แล้วกันก็แค่นั้นเอง อะไรที่มันผิดพลาดที่เกิดมาแล้วเสียหาย ก็อย่าไปทำมันอีก นั่นเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ ไม่เรียนรู้และจะอยู่กันอย่างไรในวันนี้และวันข้างหน้า ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานตนก็ประทับใจทุกอัน ส่วนเหตุการณ์มีเยอะจำไม่ได้ และที่ประทับใจที่สุดคือการประชุม ครม.ในทุกสัปดาห์ทุกคนเห็นชอบร่วมกันเสนอโครงการที่อยู่ในกรอบที่วางไว้ ในเรื่องการปฏิรูปก็เดินไปตามนั้นทุกอย่างไม่ได้ไปบีบรัดใคร เป็นหัวข้อใหญ่ที่ร่างไว้ แต่ไม่ได้ร่างเพื่อสืบทอดอำนาจ ขอให้ไปดู แต่บางครั้งก็ไม่อ่านกัน แต่วิจารณ์กันได้เป็นหน้าๆ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า 9 ปีที่ผ่านมา ทำงานได้พึงพอใจสำเร็จตามที่มุ่งหวังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เกินครึ่งนะ แต่บางอย่างมันยากติดกฎหมายเสนอไป หลายอย่างไม่ออก ซึ่งเป็นเรื่องของสภาฯ แต่อย่างน้อยก็เกิน 50-60 บางอย่างก็ 80-90 อย่างเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การแพทย์สาธารณสุข ก็เดินหน้าไปเยอะ สำหรับนโยบายที่ประทับใจ ถือว่าทุกโครงการที่ทำ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชน วันนี้ทำไม่ได้ ก็ต้องรอวันหน้า บางโครงการประชาชนไม่เห็นชอบก็ต้องสร้างความเข้าใจ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับมอบดอกไม้และร่วมถ่ายรูปกับสื่อมวลชน ที่ร่วมเดินไปส่งจนถึงตึกไทยคู่ฟ้า
ต่อมา 13.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นไปสักการะท่านท้าวมหาพรหม บนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนลงมาพบปะข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งรับมอบกุหลาบแดง ที่ห้องโถงกลางตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีกรมประชาสัมพันธ์ ได้นำวงดนตรีมาบรรเลงเพลง ‘ความฝันอันสูงสุด’ ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์
กระทั่ง 13.30 น. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบฯ รวมทั้งแฟนคลับ ได้มาร่วมให้กำลังใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าาวกับทุกคนว่า อะไรก็ตามที่ทำให้พวกเราไม่สบายใจ ไม่พอใจ ก็ขอบอกว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่ตั้งใจแบบนั้น ขอบคุณทุกคน และทุกหน่วยงาน ทั้งรัฐและรัฐวิสาหกิจทุกคน ขอให้เดินหน้าได้อย่างปลอดภัย ขอฝากแค่นี้
“พวกเรา ไม่ว่าใครจะมา ใครจะไป หน่วยงานต้องอยู่ให้ได้ ทั้งตัวเองและครอบครัว จะทำอะไรต้องไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อน ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เจอกันข้างนอกขอให้ทักบ้าง อาจจะจำไม่ได้ หน้าผมอาจจะเปลี่ยนไปเยอะ หลายคนบอกว่าจะพาผมไปเที่ยว แต่จะไปได้อย่างไร เพราะทุกคนก็จำหน้าผมได้ในขณะนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เชิญชวนให้ทุกคนร่วมร้องเพลง ‘คำสัญญา’ ของวงอินโดจีน, เพลง ‘ด้วยรักและผูกพัน’ ของ เบิร์ด ธงชัยฯ และเพลง ‘ศรัทธา’ ของวงหินเหล็กไฟ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมารับดอกไม้ และร่วมถ่ายรูปกับทุกคนที่มาส่ง ก่อนจะขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 14.00 น. ตามฤกษ์ยามที่วางไว้ โดยมี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมสวมกอดร่ำลา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับมีน้ำตาคลอ ก่อนจะส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยู (I Love You) และเดินทางออกจากทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังออกจากทำเนียบฯ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แวะบ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าสักการะองค์พระภูมิเจ้าที่ และบวงสรวงองค์ท่านท้าวหิรัญพนาสูร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก ก่อนเดินทางกลับบ้านพัก
ทันทีที่นายกฯ เดินมาถึงบริเวณที่จะร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชน หน้าตึกบัญชาการ 1 ก็กล่าวทักทายสื่อฯ ว่า “ระวังติดโควิดนะ สบายดีกันมั้ย วันหน้าก็ทำกับรัฐบาลใหม่เขาให้ดีๆ ก็แล้วกันนะ” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับประทานอาหารกลางวัน โดยเมนูประกอบด้วย ผัดไท, หมูย่างปลาร้า, ส้มตำ, หอยทอด, ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และของหวานเป็น ไอศกรีมกะทิ
เมื่อสื่อฯ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดคุยด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตอบว่า ก็คุยกันมาตลอดนิ คุยกันมา 9 ปีแล้ว ไม่เบื่อหรือไง ทะเลาะกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เอางานเป็นหลัก พูดไม่เพราะบ้างก็ให้อภัยกันเถอะ
เมื่อถูกถามว่า หลังจากนี้นายกฯ จะไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ก็คงซักระยะ ให้มันนิ่งๆ เงียบๆ เรียบร้อยก่อน
“จะไปถูกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย เพราะนั่งแค่รถจากบ้านมาทำเนียบฯ ทุกวัน ก็ฝากไปถึงครอบครัว ขอให้อยู่กับครอบครัว เพราะเวลาก็หายไป 9 ปี หรือเยอะกว่านั้น ที่เรามาอยู่ตรงนี้มาบริหารสถานการณ์สภาวะต่างๆ ซึ่งวันนี้ก็สงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างน่าภูมิใจ ถ้าเราช่วยกันรักษาไว้ประเทศก็เดินต่อไปได้ เพราะทุกอย่างตั้งเอาไว้แล้ว จะปรับปลี่ยนอะไรก็ต้องทำให้ต่อเนื่องกันบ้าง ผมไม่ขอวิจารณ์ ให้เขาทำงานไป ซึ่งการที่ตนตัดสินใจออกจากทำเนียบฯ ไปนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะเป็นการให้เกียรติคณะรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเร็วๆ นี้ เขาจะได้มาจัดสถานที่ในการทำงาน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนก่อนหน้านี้ที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาดูตึกไทยคู่ฟ้า แล้วระบุว่าไม่มีห้องนอน พล.อ.ประยุทธ์ แนะนำอะไรไปบ้างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า เศรษฐา ได้ถามว่าจะนอนทำเนียบฯ ดีไหม จึงบอกว่า ถ้าจะนอนก็มีห้องเล็กอยู่ แต่ยังไม่เคยนอน เพราะรบกับสื่อฯ ทำให้นอนไม่หลับ
“พอพูดไปโมโหไป กลับมาก็รู้สึกเสียใจ คิดว่าไม่ควรพูด ต่างคนต่างเข้าใจกันนะ ดูอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่เคยทะเลาะกับใคร ยิ้มตลอด ผมเป็นคนขี้โมโห คิดเร็วทำเร็ว บางทีก็อาจจะไม่เหมาะสม แต่ถ้าดูผลงานที่ออกมาก็โอเคแล้ว บางครั้งต้องดุบ้าง เพราะเราเป็นทหารมาก่อน ที่สื่อฯ เขียนกันมา ผมก็ไม่ได้โกรธ เพราะเดี๋ยววันเวลาพิสูจน์กันเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ จะเหงาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “จะเหงาอะไร เป็นคนช่างคิด ช่างอ่าน นิสัยนี้เลิกไม่ได้ ไม่มีอำนาจอะไรก็นั่งคิดไปเฉยๆ คิดในฐานประชาชนคนหนึ่ง คนเราต้องวางบทบาทที่เหมาะสม ทำตัวอย่างไร สื่อฯ ไทยมีอิสระและบทบาท เพราะนี่คือประเทศไทย เราไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะยังไงก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ขอให้นึกถึงกฎหมายกันบ้าง เพราะคนอื่นเขาเดือนร้อน การใช้อำนาจ การใช้กฎหมายก็ต้องระมัดระวัง ไม่ให้บานปลาย ไม่เป็นเยี่ยงอย่าง ก็ต้องมีวิธีการ ซึ่งเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม เราเป็นฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายนิติบัญญติ อัยการ ศาล องค์กรอิสระ เขาก็มีหน้าที่บทบาทของเขาจะไปก้าวล่วงเขาไม่ได้ เราเคารพตรงนี้ทำของเราให้ดีที่สุด”
สำหรับงานอดิเรกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า จะอ่านหนังสือและเลี้ยงสุนัข ส่วนเมื่อถามจะเขียนหนังสือสักเล่มหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ขอพักสมองสักเดี๋ยว เจอกับหนังสือมา 9 ปี ท่วมหัวไปหมดแล้ว พร้อมเผยถึงเรื่องการทำเพลงด้วยว่า วันหน้าจะเขียนให้ อนุทิน ไปแต่งเพลง ส่วนที่แต่งมาก่อนหน้านี้นั้นชอบทุกเพลง เพราะมีความหมายสำหรับตัวเอง
“เราชอบแต่งบทกลอน บทกวี เล่าเรื่องร้อยเรียง เราเป็นคนพูดได้ 2-3 ชั่วโมง วันๆ หนึ่งตอนสมัยอยู่กับทหาร แต่งเพลงมายังไม่มีใครมาขอออกซิงเกิลเลย การแต่งเพลงจะเอาทำนองเพราะๆ มาก่อนแล้วใส่เนื้อทีหลัง แต่ถ้าให้ร้องเพลงของตัวเองตอนนี้คงจำเนื้อไม่ได้ ส่วนเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ที่ร้องว่าขอเวลาอีกไม่นาน ตอนนั้น ก็คือตอนนั้น แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงตอนนี้หรอก ต้องคิดว่าเข้ามาอย่างไรสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้ามันเรียบร้อย ก็ไปนานแล้ว ถ้ามันสงบเรียบร้อยไม่มีปัญหาก็ไป ไม่ได้ตั้งใจอยู่มาถึงขนาดนี้ แล้วตอนนี้ถือว่าทุกอย่างโอเค อย่าลืมว่า 4 ปีแรกกับ 4 ปีหลัง ด้วยตัวกฎหมาย ด้วยอะไร 4 ปีแรก เลิกกันเสียที เราไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เราเข้ามาดูบ้านเมืองให้เรียบร้อย ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน เป้าหมายมีแค่นั้น วันนี้ถือว่าทุกคนปรองดองกัน แต่เราจะไปสั่งใครปรองดองไม่ได้ นายกฯ คนเดียวทำได้เหรอ”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเพลง ‘สะพาน’ ด้วยว่า “เราแต่งทำนอง เนื้อหาเป็นการข้ามสายน้ำที่เชี่ยวกราก เป็นสะพานให้คนเขาเหยียบย่ำข้ามไปนั่นแหละคือเรา” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้เปิดเพลง สะพาน จากโทรศัพท์มือถือ ก่อนร้องตาม พร้อมชี้แจงถึงประโยคที่ว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน” นั้นหมายความว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี ถ้าผ่านเร็ว เราก็ไปเร็วแค่นั้นเอง แต่กลไกการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ เขาทำมาเราก็ต้องอยู่ เป็นเรื่องของกระบวนการ ทุกคนก็มองแต่อำนาจ ลองถาม อนุทิน ดูเราใช้อำนาจไหม อำนาจต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะอำนาจมาพร้อมความรับผิดชอบ ทุกคนอยากมีอำนาจ แต่อำนาจก็ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี นั่นคือการใช้อำนาจ ถ้าไม่ถูกก็มีปัญหา ทั้งนี้ พยายามระมัดระวังมา 9 ปี ทุกคนใน ครม.ก็ระมัดระวังมาด้วยกัน ขอร้องกันแล้ว ว่าบ้านเมืองสำคัญกว่าอย่างอื่น และยังอาจไม่เหมือนกัน
“ความคิดผมแบบทหาร และอยู่การเมืองมาหลายปี 4 ปีแรก มันก็มีอยู่ แต่ 4 ปีหลัง เราก็ทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ถ้าคนแตกแยกกันมากๆ มันอันตราย รู้ไหม มันต้องมีหลักพื้นฐานสำคัญคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ก่อน แล้วจะอย่างไรก็ว่ากันมา ถ้าแยกกันเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย มันจะเดินหน้าไปไม่ได้ วันหน้ามันก็ลูกหลานของพวกท่าน ก็ไม่แน่ก็อาจจะดีก็ได้ เราไปพูดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นอะไรอีก เราไม่มีอำนาจอะไรอยู่แล้ว ไม่เคยคิดว่ามีอำนาจ เอาอย่างนี้ดีกว่า ทุกอย่างอำนาจมาตามความรับผิดชอบมาตามระเบียบข้อบังคับกฎหมายอยู่ดีๆ จะสั่งทำแบบนั้นแบบนี้ ผมจะไปสั่ง ได้ไหมมีแต่ดำริไปตามนโยบายว่าเรื่องไม่ควรจะทำหรือไม่ เห็นชอบร่วมกัน กฤษฎีกาก็ต้องนำไปตรวจทานว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าแบบนี้โอเค อำนาจใช้มากเกินไปก็อันตรายแต่ทุกคนก็รับผิดชอบอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ที่ว่าวันข้างหน้าจะเรียบร้อยไปด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะพร้อมระบุ ขออย่ามาถาม และชี้ไปที่ อนุทิน โดยบอกว่า ขอให้ฝากคนนี้ ซึ่งต้องย้อนดูว่ามีอะไรอยู่บ้าง รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ถ้าจะแก้ จะเกิดประโยชน์หรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะดีก็ได้ ไม่มีความคิดเห็น “โนคอมเมนต์”
เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึงชาวโซเชียลฯ ที่วันข้างหน้าจะไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากความรักความคิดถึงและไม่โกรธเคืองใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรักจะชอบไม่ชอบจะด่าจะว่า เพราะเป็นโลกของโซเชียลฯ เพียงแต่ท่านต้องมีภูมิคุ้มกันบ้าง บางทีไม่รู้จักกัน เห็นเขาเกลียดก็เกลียดด้วย ซึ่งคิดว่ามันต้องมีเหตุมีผล ถ้าทุกคนบิดเบี้ยวไปหมด กฎหมายอยู่ตรงไหนไม่รู้ มันไม่ได้ เป็นอันตรายสำหรับประเทศ สื่อฯ ด้วย ต้องช่วยกัน ส่วนเมื่อถามว่า มีเรื่องไหนบนโซเชียลฯ ที่อ่านแล้วรู้สึกจี๊ด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จี๊ดทุกอันแหละ
“ไม่เป็นไร เป็นการแสดงความคิดเห็นคนที่เขาชมก็มี วันหลังก็ไม่อ่าน ที่ด่ามันก็หายไปจากโทรศัพท์เหมือนกัน แต่รวมๆ แล้วรู้สึกจี๊ดหมด สำหรับเรื่องโซเชียลฯ นั้นไม่เคยทำเอง จะเล่นทำไม แต่ดูก็ดูอยู่แล้ว ไม่ตอบโต้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาตอบโต้ เขียนอะไรก็เขียนมาก็ได้แต่อ่าน จากนี้ไปก็ต้องดู อ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์ ประชาธิปไตยก็ต้องดูความเป็นมาด้วย เราเป็นอย่างไร และบ้านเราจะสงบแบบนี้ไหม ได้รับการพัฒนาไหม บ้านเมืองเรามีคนหลายระดับรายได้ การพัฒนา ใช้งบประมาณอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องมีการปรับวิธีการ วันข้างหน้าก็คอยดูแล้วกัน มีคนทำอยู่แล้ว วันนี้เราต้องสมมุติในสิ่งที่ดี มันก็ต้องดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ประทับใจอะไรกับเรือลำนี้ ที่พายมาจนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เกิดจากความรักความสามัคคีความเข้าใจ เราทำหน้าที่เพื่อใคร เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน เพื่อสถาบันอะไรต่างๆ ที่ทำได้โดยเร็วก็เร่งดำเนินการไป อันไหนที่ยังต้องรอขั้นตอนก็ต้องทำต่อ หลายอย่างติดข้อกฎหมายก็ยังทำไม่เรียบร้อย ก็ต้องทำกันต่อไปมีแค่นี้” ส่วนหลังจากนี้ไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ หวังอะไรกับเรือลำใหม่ที่จะมาดูแลประเทศต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ ก็ย้อนถามว่า “แล้วสื่อฯ หวังอย่างไร ก็หวังแบบสื่อที่ต้องการให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ตอบแบบนี้ใช้ได้ไหม”
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะแสดงความเห็นเรื่องชาติบ้านเมืองหรือไม่ เมื่อไม่มีตำแหน่งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ต้องดูว่าควรหรือไม่ควร เราไม่อยากให้ความขัดแย้งมันมากกว่านี้ ซึ่งมันก็ดีอยู่แล้ว อยู่ที่พวกเราจะช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ แต่ก่อนมันไม่มากเท่านี้ แต่วันนี้มีโซเชียลฯ อะไรต่างๆ ทุกคนแสดงความคิดเห็นกันได้หมด” เมื่อถามว่า มองดูแล้วบรรยากาศจากนี้จะสงบดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราก็ต้องหวังอย่างนั้นมั้ง ก่อนระบุไม่ทราบว่าความขัดแย้งจะกลับมาอีกหรือไม่
“ก็พูดอยู่นี่ไม่อยากให้กลับมาก็แค่นั้น ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเราก็เป็นประชาชนแล้วล่ะ และคิดว่าทุกคนก็ไม่อยากให้กลับมาเหมือนเดิมย้อนกลับไปดูก็แล้วกันก็แค่นั้นเอง อะไรที่มันผิดพลาดที่เกิดมาแล้วเสียหาย ก็อย่าไปทำมันอีก นั่นเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ ไม่เรียนรู้และจะอยู่กันอย่างไรในวันนี้และวันข้างหน้า ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานตนก็ประทับใจทุกอัน ส่วนเหตุการณ์มีเยอะจำไม่ได้ และที่ประทับใจที่สุดคือการประชุม ครม.ในทุกสัปดาห์ทุกคนเห็นชอบร่วมกันเสนอโครงการที่อยู่ในกรอบที่วางไว้ ในเรื่องการปฏิรูปก็เดินไปตามนั้นทุกอย่างไม่ได้ไปบีบรัดใคร เป็นหัวข้อใหญ่ที่ร่างไว้ แต่ไม่ได้ร่างเพื่อสืบทอดอำนาจ ขอให้ไปดู แต่บางครั้งก็ไม่อ่านกัน แต่วิจารณ์กันได้เป็นหน้าๆ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า 9 ปีที่ผ่านมา ทำงานได้พึงพอใจสำเร็จตามที่มุ่งหวังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เกินครึ่งนะ แต่บางอย่างมันยากติดกฎหมายเสนอไป หลายอย่างไม่ออก ซึ่งเป็นเรื่องของสภาฯ แต่อย่างน้อยก็เกิน 50-60 บางอย่างก็ 80-90 อย่างเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การแพทย์สาธารณสุข ก็เดินหน้าไปเยอะ สำหรับนโยบายที่ประทับใจ ถือว่าทุกโครงการที่ทำ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชน วันนี้ทำไม่ได้ ก็ต้องรอวันหน้า บางโครงการประชาชนไม่เห็นชอบก็ต้องสร้างความเข้าใจ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับมอบดอกไม้และร่วมถ่ายรูปกับสื่อมวลชน ที่ร่วมเดินไปส่งจนถึงตึกไทยคู่ฟ้า
ต่อมา 13.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นไปสักการะท่านท้าวมหาพรหม บนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนลงมาพบปะข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งรับมอบกุหลาบแดง ที่ห้องโถงกลางตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีกรมประชาสัมพันธ์ ได้นำวงดนตรีมาบรรเลงเพลง ‘ความฝันอันสูงสุด’ ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์
กระทั่ง 13.30 น. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบฯ รวมทั้งแฟนคลับ ได้มาร่วมให้กำลังใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าาวกับทุกคนว่า อะไรก็ตามที่ทำให้พวกเราไม่สบายใจ ไม่พอใจ ก็ขอบอกว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่ตั้งใจแบบนั้น ขอบคุณทุกคน และทุกหน่วยงาน ทั้งรัฐและรัฐวิสาหกิจทุกคน ขอให้เดินหน้าได้อย่างปลอดภัย ขอฝากแค่นี้
“พวกเรา ไม่ว่าใครจะมา ใครจะไป หน่วยงานต้องอยู่ให้ได้ ทั้งตัวเองและครอบครัว จะทำอะไรต้องไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อน ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เจอกันข้างนอกขอให้ทักบ้าง อาจจะจำไม่ได้ หน้าผมอาจจะเปลี่ยนไปเยอะ หลายคนบอกว่าจะพาผมไปเที่ยว แต่จะไปได้อย่างไร เพราะทุกคนก็จำหน้าผมได้ในขณะนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เชิญชวนให้ทุกคนร่วมร้องเพลง ‘คำสัญญา’ ของวงอินโดจีน, เพลง ‘ด้วยรักและผูกพัน’ ของ เบิร์ด ธงชัยฯ และเพลง ‘ศรัทธา’ ของวงหินเหล็กไฟ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมารับดอกไม้ และร่วมถ่ายรูปกับทุกคนที่มาส่ง ก่อนจะขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 14.00 น. ตามฤกษ์ยามที่วางไว้ โดยมี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมสวมกอดร่ำลา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับมีน้ำตาคลอ ก่อนจะส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยู (I Love You) และเดินทางออกจากทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังออกจากทำเนียบฯ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แวะบ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าสักการะองค์พระภูมิเจ้าที่ และบวงสรวงองค์ท่านท้าวหิรัญพนาสูร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก ก่อนเดินทางกลับบ้านพัก