พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมต.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงในการอภิปรายฯ แบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณีคดี ‘ตู้ห่าว’ ว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนปี 2557 และตู้ห่าวเข้ามาตั้งแต่ปี 2554 โดยมีการอนุมัติอนุญาตเรื่องสัญชาติในช่วงดังกล่าว จนกระทั่งรัฐบาลปัจจุบัน เมื่อตรวจสอบแล้วถูกต้อง ก็อนุมัติตามขั้นตอนกฎหมาย ดังนั้น ต้องคิดย้อนกลับด้วย และไม่แน่ใจว่าเหตุใดที่ผ่านมา จึงไม่มีใครทราบ อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบข้อมูลก็สั่งให้ตรวจสอบ และไม่อยากโทษใคร เพราะอาจถูกปล่อยปละมานานแล้ว
“เงินเหล่านี้ ผมย้อนกลับไปให้สอบสวนว่าใช้อย่างไรเมื่อไหร่ ก็ทราบว่าใช้ในการซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์เรียกว่ายกหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน ผมไม่ทราบว่าบริษัทของใครเหมือนกัน สำหรับรัฐบาลนี้ ไม่มีแน่นอนในการขายบ้านแล้วแถมสัญชาติให้ แล้วถ้าไปเช็กดีๆ ภรรยาตู้ห่าว ก็มีความเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีสมัยบางพรรคก็แล้วกัน ยืนยันว่า หลักนิติธรรมต้องมี ผมทำถูกต้อง แต่อาจไม่ถูกหรือทันใจทุกคน การดำเนินการบางอย่างอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการสอบสวน” นายกฯ กล่าว
ส่วนกรณีที่ ส.ว. ‘อ’ พัวพันคดียาเสพติดและฟอกเงินนั้น ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนไปตามอำนาจหน้าที่ ขณะที่การเพิกถอนหมายจับ เป็นดุลยพินิจของฝ่ายตุลาการ ซึ่งก็มีความเห็นให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกก่อน โดยเรื่องนี้ ตนไม่ขอเข้าไปก้าวก่าย
“ผมไม่ได้ช่วยเหลือใคร นี่คือกระบวนการทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมเป็นแบบนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายบริหาร เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม แล้วเรื่องนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักรที่พนักงานสอบสวนต้องทำงานร่วมกับอัยการ ผมสั่งท่านไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องการบูรณาการในการจัดการคดีนี้ให้สิ้นสุดโดยเร็วตามกระบวนการ ไม่มีใครไปเอื้อประโยชน์ หรือช่วยเหลือได้” นายกฯ ระบุ
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง ได้มีการนำภาพขึ้นจอแสดงผล พร้อมอภิปรายประกอบไปด้วย อาทิ “รัฐบาลนี้ไม่มีขายบ้านแถมสัญชาติ” และ “พรรคเพื่อไทย เรื่อง คอร์รัปชัน ยังจะกล้าพูดหรอ? รัฐมนตรีหลายคนก็มีปัญหาคอร์รัปชัน มีรัฐมนตรีหลายคน บางคนไปต่างประเทศ” โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสริมด้วยว่า “ตั้งแต่รัฐบาลปี 2557 ของผมนั้น ยังไม่มีรัฐมนตรีท่านไหนติดคุกสักราย นี่คือข้อเท็จจริง”
ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มองว่าที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นใครมีปัญหาหรือเดือดร้อนที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ยกเว้นผู้อภิปราย (อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล) ส่วนเรื่องนิรโทษกรรม มองว่าเป็นเรื่องของสภาฯ แต่หากถาม ตนก็ไม่เห็นด้วยเท่านั้นเอง
“รู้สึกว่าท่านมีปัญหากับกฎหมายทุกฉบับเลย จะยกเลิกโน่นยกเลิกนี่ ปล่อยคนจากโน่นจากนี้ แล้วอีกหน่อยจะอยู่กันอย่างไร จะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง อยู่ท่ามกลางการปลุกปั่นเด็กเล็ก เด็กอายุ 14 ออกมาได้ไง เขาควรเรียนหนังสือ รักพ่อแม่ รักครูอาจารย์ ออกมาได้อย่างไร ผมก็ไม่รู้ แล้วก็มาแอบอยู่ข้างหลัง ตัวเองก็ไม่ได้โดนคดีอะไรทั้งสิ้น หรือโดนก็มีสิทธิคุ้มครองตัวเอง ท่านพูดมาผมก็ต้องพูดกลับไป อย่าโกรธผม ผมอยากทราบว่า ถ้าท่านมีอำนาจขึ้นมาแล้วจะไม่มีกฎหมายอะไรเลยหรือไม่ แยกคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายไปหมด มันไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญในประชาธิปไตยที่ถูกต้อง คือต้องไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น เด็กหลายคนถูกบิดเบือนไป ท่านก็ต้องรับผิดชอบด้วยวันหน้า” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า พยายนามแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเต็มที่ แต่ทุกคนต้องช่วยกัน ส่วนยาเสพติดเข้ามาในประเทศมากมาย จนเป็นแกนกลางของอาเซียน ก็ต้องแก้ไขให้ได้ แต่ไม่ใช่ปราบยาเสพติดด้วยการฆ่าคนทิ้งไป 2-3 พันกว่าคน
ต่อมา รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นถามความชัดเจนทั้งกรณีของ ส.ว. ‘อ’ ที่เชื่อมโยงกับขบวนการยาเสพติดข้ามชาติ และพาดพิงไปถึงที่ดินที่ตั้งอาคารพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงกรณีของ ตู้ห่าว โดยขอให้จัดการ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แต่นายกฯ เดินออกไปก่อน
ทำให้ ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้ โดยระบุมีเอกสารยืนยันชัดเจนว่า ที่ตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ เช่าถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีทางไปเกี่ยวข้องกับพ่อค้ายาเสพติด และจะไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิดกฎหมายเด็ดขาด สามารถไปดำเนินคดีเองได้ พร้อมย้ำนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงการดำเนินการตามกฎหมาย และตำรวจก็ดำเนินการเต็มที่ เพราะฉะนั้น อย่ากล่าวหาพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะตนก็ไม่ได้กล่าวหาพรรคก้าวไกล เช่นกัน
“เงินเหล่านี้ ผมย้อนกลับไปให้สอบสวนว่าใช้อย่างไรเมื่อไหร่ ก็ทราบว่าใช้ในการซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์เรียกว่ายกหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน ผมไม่ทราบว่าบริษัทของใครเหมือนกัน สำหรับรัฐบาลนี้ ไม่มีแน่นอนในการขายบ้านแล้วแถมสัญชาติให้ แล้วถ้าไปเช็กดีๆ ภรรยาตู้ห่าว ก็มีความเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีสมัยบางพรรคก็แล้วกัน ยืนยันว่า หลักนิติธรรมต้องมี ผมทำถูกต้อง แต่อาจไม่ถูกหรือทันใจทุกคน การดำเนินการบางอย่างอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการสอบสวน” นายกฯ กล่าว
ส่วนกรณีที่ ส.ว. ‘อ’ พัวพันคดียาเสพติดและฟอกเงินนั้น ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนไปตามอำนาจหน้าที่ ขณะที่การเพิกถอนหมายจับ เป็นดุลยพินิจของฝ่ายตุลาการ ซึ่งก็มีความเห็นให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกก่อน โดยเรื่องนี้ ตนไม่ขอเข้าไปก้าวก่าย
“ผมไม่ได้ช่วยเหลือใคร นี่คือกระบวนการทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมเป็นแบบนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายบริหาร เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม แล้วเรื่องนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักรที่พนักงานสอบสวนต้องทำงานร่วมกับอัยการ ผมสั่งท่านไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องการบูรณาการในการจัดการคดีนี้ให้สิ้นสุดโดยเร็วตามกระบวนการ ไม่มีใครไปเอื้อประโยชน์ หรือช่วยเหลือได้” นายกฯ ระบุ
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง ได้มีการนำภาพขึ้นจอแสดงผล พร้อมอภิปรายประกอบไปด้วย อาทิ “รัฐบาลนี้ไม่มีขายบ้านแถมสัญชาติ” และ “พรรคเพื่อไทย เรื่อง คอร์รัปชัน ยังจะกล้าพูดหรอ? รัฐมนตรีหลายคนก็มีปัญหาคอร์รัปชัน มีรัฐมนตรีหลายคน บางคนไปต่างประเทศ” โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสริมด้วยว่า “ตั้งแต่รัฐบาลปี 2557 ของผมนั้น ยังไม่มีรัฐมนตรีท่านไหนติดคุกสักราย นี่คือข้อเท็จจริง”
ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มองว่าที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นใครมีปัญหาหรือเดือดร้อนที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ยกเว้นผู้อภิปราย (อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล) ส่วนเรื่องนิรโทษกรรม มองว่าเป็นเรื่องของสภาฯ แต่หากถาม ตนก็ไม่เห็นด้วยเท่านั้นเอง
“รู้สึกว่าท่านมีปัญหากับกฎหมายทุกฉบับเลย จะยกเลิกโน่นยกเลิกนี่ ปล่อยคนจากโน่นจากนี้ แล้วอีกหน่อยจะอยู่กันอย่างไร จะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง อยู่ท่ามกลางการปลุกปั่นเด็กเล็ก เด็กอายุ 14 ออกมาได้ไง เขาควรเรียนหนังสือ รักพ่อแม่ รักครูอาจารย์ ออกมาได้อย่างไร ผมก็ไม่รู้ แล้วก็มาแอบอยู่ข้างหลัง ตัวเองก็ไม่ได้โดนคดีอะไรทั้งสิ้น หรือโดนก็มีสิทธิคุ้มครองตัวเอง ท่านพูดมาผมก็ต้องพูดกลับไป อย่าโกรธผม ผมอยากทราบว่า ถ้าท่านมีอำนาจขึ้นมาแล้วจะไม่มีกฎหมายอะไรเลยหรือไม่ แยกคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายไปหมด มันไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญในประชาธิปไตยที่ถูกต้อง คือต้องไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น เด็กหลายคนถูกบิดเบือนไป ท่านก็ต้องรับผิดชอบด้วยวันหน้า” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า พยายนามแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเต็มที่ แต่ทุกคนต้องช่วยกัน ส่วนยาเสพติดเข้ามาในประเทศมากมาย จนเป็นแกนกลางของอาเซียน ก็ต้องแก้ไขให้ได้ แต่ไม่ใช่ปราบยาเสพติดด้วยการฆ่าคนทิ้งไป 2-3 พันกว่าคน
ต่อมา รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นถามความชัดเจนทั้งกรณีของ ส.ว. ‘อ’ ที่เชื่อมโยงกับขบวนการยาเสพติดข้ามชาติ และพาดพิงไปถึงที่ดินที่ตั้งอาคารพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงกรณีของ ตู้ห่าว โดยขอให้จัดการ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แต่นายกฯ เดินออกไปก่อน
ทำให้ ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้ โดยระบุมีเอกสารยืนยันชัดเจนว่า ที่ตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ เช่าถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีทางไปเกี่ยวข้องกับพ่อค้ายาเสพติด และจะไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิดกฎหมายเด็ดขาด สามารถไปดำเนินคดีเองได้ พร้อมย้ำนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงการดำเนินการตามกฎหมาย และตำรวจก็ดำเนินการเต็มที่ เพราะฉะนั้น อย่ากล่าวหาพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะตนก็ไม่ได้กล่าวหาพรรคก้าวไกล เช่นกัน