






‘มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์’ เข้าสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเข้ามายัง พปชร. ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพลังประชารัฐ มาชักชวนตน โดยกล่าวว่า “มิ่งขวัญมาช่วยผมแก้ปัญหาเศรษฐกิจหน่อย” จากนั้นตนจึงถามว่าถ้าเข้าไปมีคนอยู่เยอะแยะ ตนจะไปอยู่ตรงไหน แต่ขอให้มาช่วยและเติมเต็มคนทำเรื่องเศรษฐกิจใน พปชร.
ทั้งนี้ มิ่งขวัญ กล่าวว่า เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้อยู่พรรคนี้แล้ว และก็ไม่เคยอยู่ แต่เป็นแคนดิเดตนายกฯมา พร้อมย้ำว่าตนไม่มีปัญหาอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่ตนอภิปรายมีอยู่ 3 จุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น นายกฯ แต่ประเทศไม่สำเร็จ , พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าเศรษฐกิจ ก็ไม่สำเร็จ , พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอดีตหัวหน้า ศบค. ที่มีคนเสียชีวิตกว่าสองหมื่นคน ตนอภิปรายในสภา เพราะอยู่คนละฝั่ง ทำตามหน้าที่ ไม่มีเรื่องโกรธเคืองกัน
มิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า ตนทราบดีถึงเทรนทวีตเตอร์ถึงตนจะเป็นอย่างไร ตนจึงขอชี้แจงคำว่า ‘ตระบัตสัตย์-ไม่รักษาคำพูด’ ตนขอชี้แจงว่า ตนเคยเป็นอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ช่วงนั้น มีอยู่ 6 เสียง ที่ไปอยู่ฝั่งใดก็จะทำให้ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งในขณะนั้นมติไม่ร่วมรัฐบาล และตนจะไม่กลับไปกลับมา แต่ในขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว เพราะฉะนั้น 5-6 คน แปรพักตร์ไป แต่ตนยังอยู่ที่เดิม และตนก็อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ มาต่อเนื่อง แต่มาถึงจุดหนึ่งได้เวลาพอสมควร จึงยื่นใบลาออก แต่ยังไม่ยุติบทบาทการเมือง
“ผมได้มีโอกาสคุยกับท่าน พล.อ.ประวิตรขอยืนยันว่า การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ สวมเสื้อพลังประชารัฐ ไม่มีการเจรจาเรื่องเงินทอง แม้แต่บาทเดียว” มิ่งขวัญ กล่าว
มิ่งขวัญ กล่าวว่า ส่วนเหตุผลที่ตนมาร่วม คือ 3 เหตุผลข้างต้น เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ตนไม่ได้มาประดิษฐ์วาทะกรรมให้สวยงาม แต่จะเอาตัวตนของตนเอง มาดูแลความทุกข์ยากประชาชน อีกครั้งเมื่อตนเข้ามากรรมการบริหารพรรคก็อยู่กันเต็มไปหมด ตนไม่อยากไปยุ่งกับใคร ตนไม่ขอเป็นกรรมการบริหารพรรค และ ถ้าให้ตนมาช่วยเรื่องเศรษฐกิจแต่ก็มีคนอยู่เต็มไปหมด ดังนั้นจะให้ตนมาช่วยเรื่องอะไร
“ผมมีความถนัดเรื่องเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ปากท้องประชาชน สิ่งสำคัญก็คือผมจะต้องออกดีเบต ในสงครามการเลือกตั้ง ผมก็ปรึกษากับท่าน (พล.อ.ประวิตร) ถ้ามิ่งขวัญออกดีเบต คุณก็ต้องมีบางอย่างเป็นตำแหน่งที่จะเข้าไปดีเบท การเลือกตั้งเมื่อครั้งก่อนได้หรือไม่หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯเท่านั้น จึงจะมีสิทธิดีเบต เพราะฉะนั้นนี่เป็นประโยคสำคัญ พล.อ.ประวิตร จึงบอกผมว่าผมจะพิจารณาและเอาเข้าวาระประชุมในการที่ให้มิ่งขวัญเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ผมกราบขอบพระคุณท่าน” มิ่งขวัญ กล่าว
ส่วนที่เคยพูดว่าไม่ร่วมกับ พปชร. ในอดีตนั้น มิ่งขวัญ กล่าวว่า ตนทำตามมติพรรคเศรษฐกิจใหม่ในขณะนั้น แต่มีท่อนท้ายที่ตนกล่าวว่าตนไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า มิ่งขวัญได้บอกไปแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปแล้ว
ส่วนจะเอามิ่งขวัญมาแทน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่” โดย มิ่งขวัญ กล่าวว่า แคนดิเดตมีหลายคน จากนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้ ต้องให้สมาชิกพรรคพิจารณา ไม่ใช่แค่ตน ทำอะไรไม่ได้
ทั้งนี้ มิ่งขวัญ กล่าวว่า เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้อยู่พรรคนี้แล้ว และก็ไม่เคยอยู่ แต่เป็นแคนดิเดตนายกฯมา พร้อมย้ำว่าตนไม่มีปัญหาอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่ตนอภิปรายมีอยู่ 3 จุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น นายกฯ แต่ประเทศไม่สำเร็จ , พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าเศรษฐกิจ ก็ไม่สำเร็จ , พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอดีตหัวหน้า ศบค. ที่มีคนเสียชีวิตกว่าสองหมื่นคน ตนอภิปรายในสภา เพราะอยู่คนละฝั่ง ทำตามหน้าที่ ไม่มีเรื่องโกรธเคืองกัน
มิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า ตนทราบดีถึงเทรนทวีตเตอร์ถึงตนจะเป็นอย่างไร ตนจึงขอชี้แจงคำว่า ‘ตระบัตสัตย์-ไม่รักษาคำพูด’ ตนขอชี้แจงว่า ตนเคยเป็นอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ช่วงนั้น มีอยู่ 6 เสียง ที่ไปอยู่ฝั่งใดก็จะทำให้ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งในขณะนั้นมติไม่ร่วมรัฐบาล และตนจะไม่กลับไปกลับมา แต่ในขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว เพราะฉะนั้น 5-6 คน แปรพักตร์ไป แต่ตนยังอยู่ที่เดิม และตนก็อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ มาต่อเนื่อง แต่มาถึงจุดหนึ่งได้เวลาพอสมควร จึงยื่นใบลาออก แต่ยังไม่ยุติบทบาทการเมือง
“ผมได้มีโอกาสคุยกับท่าน พล.อ.ประวิตรขอยืนยันว่า การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ สวมเสื้อพลังประชารัฐ ไม่มีการเจรจาเรื่องเงินทอง แม้แต่บาทเดียว” มิ่งขวัญ กล่าว
มิ่งขวัญ กล่าวว่า ส่วนเหตุผลที่ตนมาร่วม คือ 3 เหตุผลข้างต้น เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ตนไม่ได้มาประดิษฐ์วาทะกรรมให้สวยงาม แต่จะเอาตัวตนของตนเอง มาดูแลความทุกข์ยากประชาชน อีกครั้งเมื่อตนเข้ามากรรมการบริหารพรรคก็อยู่กันเต็มไปหมด ตนไม่อยากไปยุ่งกับใคร ตนไม่ขอเป็นกรรมการบริหารพรรค และ ถ้าให้ตนมาช่วยเรื่องเศรษฐกิจแต่ก็มีคนอยู่เต็มไปหมด ดังนั้นจะให้ตนมาช่วยเรื่องอะไร
“ผมมีความถนัดเรื่องเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ปากท้องประชาชน สิ่งสำคัญก็คือผมจะต้องออกดีเบต ในสงครามการเลือกตั้ง ผมก็ปรึกษากับท่าน (พล.อ.ประวิตร) ถ้ามิ่งขวัญออกดีเบต คุณก็ต้องมีบางอย่างเป็นตำแหน่งที่จะเข้าไปดีเบท การเลือกตั้งเมื่อครั้งก่อนได้หรือไม่หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯเท่านั้น จึงจะมีสิทธิดีเบต เพราะฉะนั้นนี่เป็นประโยคสำคัญ พล.อ.ประวิตร จึงบอกผมว่าผมจะพิจารณาและเอาเข้าวาระประชุมในการที่ให้มิ่งขวัญเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ผมกราบขอบพระคุณท่าน” มิ่งขวัญ กล่าว
ส่วนที่เคยพูดว่าไม่ร่วมกับ พปชร. ในอดีตนั้น มิ่งขวัญ กล่าวว่า ตนทำตามมติพรรคเศรษฐกิจใหม่ในขณะนั้น แต่มีท่อนท้ายที่ตนกล่าวว่าตนไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า มิ่งขวัญได้บอกไปแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปแล้ว
ส่วนจะเอามิ่งขวัญมาแทน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่” โดย มิ่งขวัญ กล่าวว่า แคนดิเดตมีหลายคน จากนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้ ต้องให้สมาชิกพรรคพิจารณา ไม่ใช่แค่ตน ทำอะไรไม่ได้